จักรพรรดิยูเรียกุ
จักรพรรดิยูเรียกุ (ญี่ปุ่น: 雄略天皇; โรมาจิ: Yūryaku-tennō; ค.ศ. 417/18 – 479) เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ที่ 21 ตามลำดับการสืบราชสันตติวงศ์แบบดั้งเดิม[8][9] โคจิกิรายงานว่า จักรพรรดิครองราชย์ในวันที่ 13 เดือน 11 ค.ศ. 456 (เฮชิง) จนกระทั่งสวรรคตในวันที่ 7 เดือน 8 ค.ศ. 479 (คิบิ) พระองค์เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์แรกที่สามารถยืนยันผ่านทางโบราณคดี
จักรพรรดิยูเรียกุ 雄略天皇 | |||||
---|---|---|---|---|---|
ภาพพิมพ์บล็อกไม้ปรากฏยูเรียกุทรงล่าหมูป่า ภาพโดยอาดาจิ กินโก, ค.ศ. 1896 | |||||
จักรพรรดิญี่ปุ่น | |||||
ครองราชย์ | ค.ศ. 456 – 479 (ตามธรรมเนียม)[1] | ||||
ก่อนหน้า | อังโก | ||||
ถัดไป | เซเน | ||||
พระราชสมภพ | ค.ศ. 417–418[a] | ||||
สวรรคต | ค.ศ. 479 (61–62 พรรษา)[b] วังฮัตสึเซะ โนะ อาซากูระ | ||||
ฝังพระศพ | ทาจิฮิ โนะ ทากาวาชิ-โนะ-ฮาระ โนะ มิซาซางิ (ญี่ปุ่น: 丹比高鷲原陵; โรมาจิ: Tajihi no Takawashi-no-hara no misasagi; ฮาบิกิโนะ โอซากะ) | ||||
คู่อภิเษก | คูซากะ-โนะ-ฮาตาบิฮิเมะ[6] | ||||
พระราชบุตร กับพระองค์อื่น ๆ... | จักรพรรดิเซเน | ||||
| |||||
ราชสกุล | ราชวงศ์ญี่ปุ่น | ||||
พระราชบิดา | จักรพรรดิอิงเงียว[2] | ||||
พระราชมารดา | โอชิซากะ โนะ โอนากัตสึฮิเมะ[7] |
เรื่องเล่ากึ่งก่อนประวัติศาสตร์
แก้ข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์ปรากฏในโคจิกิและนิฮงโชกิ ซึ่งเรียกรวมกันเป็น คิกิ (ญี่ปุ่น: 記紀; โรมาจิ: Kiki) หรือ พงศาวดารญี่ปุ่น โดยในคิกิระบุว่า ยูเรียกุเสด็จพระราชสมภพจาก โอชิกะ โนะ โอนากัตสึฮิเมะ (ญี่ปุ่น: 忍坂大中姫) ในช่วง ค.ศ. 417 หรือ 418 และได้รับพระราชทานนามว่า โอฮัตสึเซะ โนะ วากาตาเกรุ (ญี่ปุ่น: 大泊瀬稚武皇子; โรมาจิ: Ōhatsuse no Wakatakeru)[c][7][3][10]
ขึ้นครองราชย์
แก้โอฮัตสึเซะทรงพิโรธอย่างมากเมื่อรู้ว่าจักรพรรดิอังโก พระเชษฐา ถูกปลงพระชนม์ใน ค.ศ. 456[10] พระองค์จึงสงสัยต่อพระเชษฐาสองพระองค์ทันทีว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด สิ่งแรกที่โอฮัตสึเซะทรงทำคือถามเจ้าชายเจ้าชายชิราฮิโกะถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น ชิราฮิโกะรู้เป็นนัยว่ารู้ว่าโอฮัตสึเซะกำลังทำเรื่องไม่ดี ดังนั้นพระองค์าจึงประทับเงียบ[d] ซึ่งทำให้โอฮัตสึเซะตัดสินพระทัยปลงพระชนม์ทั้งสองพระองค์ทีละคนด้วยดาบ[10] จากนั้น พระองค์นำความพิโรธไปใส่แก่มาโยวะ โนะ โอกิมิ (เจ้าชายมาโยวะ) เด็กหนุ่มมือสังหาร และคูโรฮิโกะ พระเชษฐาอีกพระองค์ด้วยการเผาจนสิ้นพระชนม์[10] ทำให้เหลือเพียงเจ้าชายอิจิโนเบะ โนะ โอชิวะ พระราชโอรสองค์โตของจักรพรรดิริจูในการแย่งชิงบัลลังก์
โอฮัตสึเซะรู้สึกไม่พอพระทัยที่อังโกต้องการยกอาณาจักรให้แก่อิจิโนเบะอย่างเป็นทางการ ทั้งนิฮงโชกิและโคจิกิบรรยายว่าโอฮัตสึเซะพาเจ้าชายอิจิโนเบะและเจ้าชายมิมะ พระอนุชาของพระองค์ ไปล่าสัตว์และสังหารทั้งสองอย่าง "อกตัญญู"[10][12] เหล่าพระราชโอรสของเจ้าชายอิจิโนเบะ (ภายหลังขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเค็นโซและจักรพรรดินิงเก็ง) หลบหนีไปซ่อนตัวที่แคว้นฮาริมะ หลังจากนั้นโอฮัตสึเซะ (ภายหลังรู้จักในฐานะ จักรพรรดิยูเรียกุ) ขึ้นครองราชย์ในช่วงพฤศจิกายน ค.ศ. 456[10] จักรพรรดิองค์ใหม่แต่งตั้งให้ อาซากูระ โนะ มิยะ ที่ซากูราอิเป็นที่ตั้งพระราชวัง[5][13] คูซากะ โนะ ฮาตาบิ โนะ ฮิเมะ พระมเหสีหม้ายของจักรพรรดิริจู ได้รับการแต่งตั้งเป็นจักรพรรดินีร่วมกับนางสนมสามพระองค์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 457[10]
รัชสมัย
แก้คิกิบันทึกไว้ว่า รัชสมัยจักรพรรดิยูเรียกุเต็มไปด้วยความอยุติธรรมและความโหดร้าย องค์จักรพรรดิทรงสังหารชายและหญิงอย่างไม่เลือกหน้าจำนวนมากจนราษฎรกล่าวถึงพระองค์เป็น จักรพรรดิแห่งความชั่วร้ายอันใหญ่หลวง[14] อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่ายูเรียกุทรงปรับปรุงพฤติกรรมหลังจากได้รับคำตักเตือนจากจักรพรรดินี[15] ในด้านบวก ยูเรียกุทรงสนับสนุนศิลปะและหัตถกรรมเป็นอย่างมาก ทรงเริ่มประเพณีให้จักรพรรดินีเป็นผู้เพาะพันธุ์หนอนไหม และได้ทรงขอพระราชทานช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญมาจากแพ็กเจ (เกาหลี)[14] แม้ว่าจักรพรรดินีไม่ได้ให้กำเนิดพระราชโอรสธิดา จักรพรรดิยูเรียกุทรงมีพระราชโอรส 3 พระองค์ และพระราชธิดา 2 พระองค์จากนางสนม[6][10]
ในปีรัชสมัยที่ 22 (ค.ศ. 477) ยูเรียกุทรงย้ายวัดโทโยเกโอโฮกามิ (ปัจจุบัน: วัดไกกุ) จากทัมบะไปยังยามาดะในอิเซะ[6]
การประเมินทางประวัติศาสตร์
แก้ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พระมเหสีและพระราชโอรสธิดา
แก้พระมเหสี/นางสนม
แก้บรรดาศักดิ์ | พระนาม | พระราชบิดา | พระราชโอรสธิดา[2] |
---|---|---|---|
จักรพรรดินี (โคโง) |
คูซากะ โนะ ฮาตาบิ โนะ ฮิเมะ (ญี่ปุ่น: 草香幡梭姫皇女; โรมาจิ: Kusaka no Hatabi no hime)[e] | จักรพรรดินินโตกุ | ไม่มี |
พระมเหสี (ฮิ) |
คัตสึรางิ โนะ คาราฮิเมะ (ญี่ปุ่น: 葛城韓媛; โรมาจิ: Katsuragi no Karahime)[16] | คัตสึรางิ โนะ สึบูระ โนะ โอมิ | • เจ้าชายชิรากะ (ญี่ปุ่น: 白髪皇子) • เจ้าหญิงทากุ-ฮาตะ โนะ อิรัตสึเมะ (ญี่ปุ่น: 栲幡姫皇女) |
พระมเหสี (ฮิ) |
คิบิ โนะ วากาฮิเมะ (ญี่ปุ่น: 吉備稚媛; โรมาจิ: Kibi no Wakahime; สิ้นพระชนม์ ค.ศ.479)[16] | คิบิ โนะ คามิตสึมิจิ โนะ โอมิ[16] | • เจ้าชายอิวากิ (ญี่ปุ่น: 磐城皇子) • เจ้าชายโฮชิกาวะ โนะ วากายามะ (ญี่ปุ่น: 星川稚宮皇子) |
พระมเหสี (ฮิ) |
วานิ โนะ โอมินางิมิ (ญี่ปุ่น: 和珥童女君; โรมาจิ: Wani no Ōminagimi)[16] | คาซูงะ โนะ วานิ โนะ โอมิ ฟูกาเมะ | • เจ้าหญิงคาซูงะ โนะ โออิรัตสึเมะ (ญี่ปุ่น: 春日大娘皇女) |
พระราชโอรสธิดา
แก้บรรดาศักดิ์ | พระนาม[2] | ความเห็น |
---|---|---|
เจ้าชาย | เจ้าชายชิรากะ | ชิรากะภายหลังขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ถัดไป (เซเน) |
เจ้าหญิง | เจ้าหญิงทากุ-ฮาตะ โนะ อิรัตสึเมะ | มีอีกพระนามว่า "วากะ-ทาราชิ-ฮิเมะ" พระนาง "เข้าร่วมพิธีบูชาเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิเซะ" (อามาเตราซุ)[16] ทากุก็เป็นเจ้าหญิงไซโอและสวรรคตในช่วง ค.ศ. 459 |
เจ้าชาย | เจ้าชายอิวากิ | อิวากิสวรรคตในช่วงระหว่าง ค.ศ. 479 ถึง 481 |
เจ้าชาย | เจ้าชายโฮชิกาวะ โนะ วากายามะ | วากายามะสวรรคตในช่วง ค.ศ. 479 |
เจ้าหญิง | เจ้าหญิงคาซูงะ โนะ โออิรัตสึเมะ | โออิรัตสึเมะภายหลังสมรสกับจักรพรรดินินเก็ง |
หมายเหตุ
แก้- ↑ ปีพระราชสมภพของยูเรียกุได้รับการระบุไว้ที่ ค.ศ. 417 หรือ 418[2][3][4]
- ↑ เดลเมอร์ บราวน์รายงานว่า นิฮงโชกิระบุว่ายูเรียกุทรงมีพระชนมพรรษาถึง 104 พรรษา[5] ต่างจากโคจิกิที่ระบุ "วัยสูงอายุ" ที่ 124 พรรษา Edmond Papinot ระบุพระชนมพรรษาของยูเรียกุที่ 62 พรรษา ซึ่งตรงกับปีพระราชสมภพ ค.ศ. "417" ที่ระบุในข้อมูลอื่น[6]
- ↑ พระนามนี้แปลตรงตัวเป็น "วากาตาเกะ (นักรบหนุ่ม) แห่งฮัตสึเซะใหญ่" โดยที่ "ฮัตสึเซะ" เป็นชื่อเก่าของซากูราอิ (จังหวัดนาระ)
- ↑ วิลเลียม จอร์จ แอสตันระบุว่าโคจิกิ “เล่าเหตุการณ์เหล่านี้ต่างกันมาก” พระเชษฐาทั้งสองได้แสดงจุดยืนปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่[11]
- ↑ นิฮงโชกิระบุถึงพระนางเป็น "คูซากะ โนะ ฮาตาฮิ ฮิเมะ" และเล่าถึง "ทาจิ-บานะ-ฮิเมะ" เป็นอีกพระนามหนึ่ง[16]
อ้างอิง
แก้- ↑ "Genealogy of the Emperors of Japan" (PDF). Kunaicho.go.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ March 22, 2011. สืบค้นเมื่อ March 27, 2024.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 "Genealogy". Reichsarchiv (ภาษาญี่ปุ่น). 30 April 2010. สืบค้นเมื่อ March 27, 2024.
- ↑ 3.0 3.1 Joseph Henry Longford (1923). "List of Emperors: II. The Dawn of History and The great Reformers". Japan. Houghton Mifflin. p. 304.
- ↑ Kenneth Henshall (2013). Historical Dictionary of Japan to 1945. Scarecrow Press. p. 488. ISBN 9780810878723.
- ↑ 5.0 5.1 Brown, Delmer M. (1979). "(22) Emperor Yūryaku". A Translation and Study of the Gukanshō, an Interpretative History of Japan Written in 1219. Gukanshō. p. 258. ISBN 978-0-520-03460-0.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 Ponsonby-Fane, Richard (1915). "Yuryaku (457–479)". The Imperial Family of Japan. Ponsonby Memorial Society. pp. 13–16.
- ↑ 7.0 7.1 Ponsonby-Fane, Richard (1915). "Table of Emperors Mothers". The Imperial Family of Japan. Ponsonby Memorial Society. p. xiii.
- ↑ Titsingh, Isaac. (1834). Annales des empereurs du japon (ภาษาฝรั่งเศส). Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. pp. 27–28.
- ↑ "雄略天皇 (21)". Imperial Household Agency (Kunaichō) (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ March 27, 2024.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 10.6 10.7 William George Aston (1896). "The Emperor Oho-Hatsuse Wakatake". Nihongi: Chronicles of Japan from the Earliest Times to A.D. 697. (Volume 1). London: Kegan Paul, Trench, Trubner. pp. 333–372.
- ↑ Basil Hall Chamberlain (1882). "Sect. CXLVL - Emperor Anko (Part III - Prince Oho Hatsuse Slays Princes Kuro-Biko and Shiro-Biro)". A translation of the "Kojiki" or Records of ancient matters. R. Meiklejohn and Co.
- ↑ Basil Hall Chamberlain (1882). "Sect. CXLVIII - Emperor Anko (Part V - Prince Oho-Hatsuse Slays Prince Oshiha)". A translation of the "Kojiki" or Records of ancient matters. R. Meiklejohn and Co.
- ↑ W. Koch (1904). Japan; Geschichte nach japanischen Quellen und ethnographische Skizzen (ภาษาเยอรมัน). W. Baensch. p. 13.
- ↑ 14.0 14.1 Francis Brinkley (1915). "Chapter XII: The Protohistoric Sovereigns". A History of the Japanese People from the Earliest Times to the End of the Meiji Era. Encyclopædia Britannica. pp. 112–116.
- ↑ Tojima Sayaka, Yamada Shigehito (2024). "Congenital Anomalies in Ancient Japan as Deciphered in the Nihon shoki (Chronicles of Japan)" (PDF). National Institute of Japanese Literature. p. 34 & 40–41.
- ↑ 16.0 16.1 16.2 16.3 16.4 16.5 William George Aston (1896). "The Emperor Oho-Hatsuse Wakatake". Nihongi: Chronicles of Japan from the Earliest Times to A.D. 697. (Volume 1). London: Kegan Paul, Trench, Trubner. p. 337.
อ่านเพิ่ม
แก้- Aston, William George. (1896). Nihongi: Chronicles of Japan from the Earliest Times to A.D. 697. London: Kegan Paul, Trench, Trubner. OCLC 448337491
- Batten, Bruce Loyd. (2006). Gateway to Japan: Hakata in war and peace, 500–1300. Honolulu:University of Hawaii Press. ISBN 978-0-8248-2971-1; ISBN 978-0-8248-3029-8; OCLC 254764602]
- Brown, Delmer M. and Ichirō Ishida, eds. (1979). Gukanshō: The Future and the Past. Berkeley: University of California Press. ISBN 978-0-520-03460-0; OCLC 251325323
- Nippon Gakujutsu Shinkokai (1969). The Manyōshū: The Nippon Gakujutsu Shinkokai Translation of One Thousand Poems. New York: Columbia University Press. ISBN 0-231-08620-2
- Ponsonby-Fane, Richard Arthur Brabazon. (1959). The Imperial House of Japan. Kyoto: Ponsonby Memorial Society. OCLC 194887
- Titsingh, Isaac. (1834). Nihon Ōdai Ichiran; ou, Annales des empereurs du Japon. Paris: Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. OCLC 5850691
- Varley, H. Paul. (1980). Jinnō Shōtōki: A Chronicle of Gods and Sovereigns. New York: Columbia University Press. ISBN 978-0-231-04940-5; OCLC 59145842
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Nihon Shoki Online English Translations. Scroll 14 - Emperor Yuryaku