คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก

ภาพยนตร์อเมริกันที่ฉายใน พ.ศ. 2558

คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก (อังกฤษ: Goosebumps) เป็นภาพยนตร์ตลกสยองขวัญสัญชาติอเมริกัน เค้าโครงเรื่องมาจากนวนิยาย ชมรมขนหัวลุก ซึ่งเป็นผลงานของอาร์. แอล. สไตน์ ภาพยนตร์นี้ออกฉายเมื่อ พ.ศ. 2558 นำแสดงโดยแจ็ก แบล็ก ซึ่งรับบทเป็นสไตน์ และนักแสดงวัยรุ่นได้แก่ดีแลน มินเน็ตต์ โอดีอา รุช และไรอัน ลี

คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก
กำกับร็อบ เร็ทเทอร์แมน
บทภาพยนตร์ดาเรน เล็มเกอร์
เนื้อเรื่องสก็อตต์ อเล็กซานเดอร์และแร์รี่ คาเลเซฟสกี
สร้างจากชมรมขนหัวลุก
โดย อาร์. แอล. สไตน์
อำนวยการสร้าง
นักแสดงนำ
กำกับภาพจาเวียร์ อากูเลซรอฟ
ตัดต่อจิม เมย์
ดนตรีประกอบแดนนี เอลฟ์มัน
บริษัทผู้สร้าง
วันฉาย24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 (รอบปฐมทัศน์)
ความยาว103 นาที[2]
ประเทศสหรัฐ
ภาษาภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง58–84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3][4]
ทำเงิน158.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[4]

การสร้างภาพยนตร์จากวรรณกรรมเรื่อง ชมรมขนหัวลุก เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ. 2541 แต่มีอันต้องล้มเลิกไปเนื่องจากปัญหาด้านการเขียนบทภาพยนตร์ จนกระทั่งใน พ.ศ. 2551 โคลัมเบียพิคเจอร์ส ได้ซื้อลิขสิทธิ์ในการสร้างภาพยนตร์จากวรรณกรรมเรื่องดังกล่าว และเริ่มถ่ายทำอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 และถูกฉายเป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและได้รับการยกย่องในเชิงบวกจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ในเรื่องของความตลกขบขันและการอิงเค้าโครงจากนวนิยายเรื่องชมรมขนหัวลุกได้อย่างดี โดยสามารถทำรายได้ถึง 158 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากงบสร้างหนังเพียง 84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[5]

หลังจากนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาคต่อในเรื่อง คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก หุ่นฝังแค้น ซึ่งออกฉายใน พ.ศ. 2561

เรื่องย่อ แก้

 
แจ็ก แบล็ก และเหล่าสัตว์ประหลาด ในงาน ซานดิเอโกคอมมิคคอนอินเตอร์เนชันแนล เมื่อ พ.ศ. 2557

แซ็ค คูปเปอร์ (ดีแลน มินเน็ตต์) ได้ตามมารดาย้ายมาอยู่เมืองเมดิสันหลังจากที่บิดาเสียชีวิต มารดาของแซ็คมาเป็นครูประจำโรงเรียนมัธยาเมืองเมดิสัน โดยพวกเขาได้ย้ายไปอาศัยอยู่บ้านที่ใกล้กับอาร์. แอล. สไตน์ (แจ็ก แบล็ก) อยู่มาวันหนึ่งแซ็กได้พบกับแฮนนาห์ สไตน์ (โอดิอา รุช) ซึ่งอยู่บ้านใกล้ๆ กัน ทั้งคู่จึงรู้สึกถูกชะตากัน แต่ทว่าถูกขัดขวางจากสไตน์ซึ่งเป็นบิดาของแฮนนาห์ แซ็คมีเพื่อนสนิทที่โรงเรียนมัธยมเมดิสันคือแชมป์ (ไรอัน ลี)

คืนหนึ่งแฮนนาห์ชวนแซ็คไปเที่ยวข้างนอก และเมื่อกลับมาที่บ้าน สไตน์ได้ไล่แซ็กออกไปและให้เลิกยุ่งกับแฮนนาห์ และด้วยเหตุนี้ทำให้สไตน์และแฮนนาห์ทะเลาะกันในที่สุด

อยู่มาวันหนึ่งแซ็คและแชมป์ได้ไปที่บ้านของสไตน์ เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของแฮนนาห์ซึ่งทะเลาะกับสไตน์อยู่เป็นประจำ ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนบ้านของสไตน์ และได้ไปพบกับห้องเก็บหนังสือนิยาย และทั้งคู่ได้พบกับแฮนนาห์ ทว่าแซ็คเผลอไปแกะหนังสือนิยายต้นฉบับของสไตน์ออก ทำให้ปีศาจหมีขั้วน้ำแข็งหลุดออกมาจากหนังสือ และได้พยายามเข้าทำร้ายพวกเขา และได้หนีออกไป แฮนนาห์จึงไปตามปีศาจหมีขั้วน้ำแข็งนั้นถึงลานสเก็ตน้ำแข็ง เมื่อทั้งสามคนไปถึง ก็ได้พบกับปีศาจหมีขั้วน้ำแข็งตัวดังกล่าว แฮนนาห์พยายามจะเปิดหนังสือเพื่อเอามันกลับไป แต่ปีศาจขั้วน้ำแข็งได้สะบัดหนังสือหลุดจากมือแฮนนาห์และได้เข้าทำร้ายพวกเขา แต่โชคดีที่สไตน์มาช่วยไว้ได้ สไตน์จึงให้ทั้งสามคนขึ้นรถไปกับเขา หลังจากนั้นแซ็คและแชมป์จึงรู้ทันทีว่าพ่อของแฮนนาห์คือสไตน์

เมื่อมาถึงบ้าน สไตน์ได้สั่งให้แฮนนาห์ขนของเพื่อย้ายบ้าน แต่เมื่อไปที่ห้องเก็บหนังสือนิยาย ก็ได้พบกับ สแล็ปปี เดอะ ดัมมี ปีศาจหุ่นเชิดนั่งอยู่บนโซฟา สไตน์พยายามหลอกล่อเพื่อเกลี้ยกล่อมให้สแล็ปปีกลับเข้าไปในหนังสือ แต่สไตน์เผลอไปเรียกสแล็ปปีว่า "เป็นหุ่นเชิดที่ฉลาดยิ่ง" เป็นเหตุให้สแล็ปปีโกรธมาก สแล็ปปีจึงจัดการเผาหนังสือนิยายต้นฉบับทิ้งเพื่อไม่ให้ตัวเองกลับเข้าไปได้อีก จากนั้นสแล็ปปีได้ขนหนังสือนิยายต้นฉบับออกไปทั้งหมด และหนีไปพร้อมกับรถผีสิง ก่อนหนีไปสแล็ปปีได้ปลดปล่อยปีศาจตุ๊กตาคนแคระที่อันตรายออกมา

ในขณะที่สไตน์และเด็กๆ ทั้งสามคนกำลังจะออกไปบ้านเพื่อตามไปกำจัดสแล็ปปี พวกเขาได้พบกับฝูงปีศาจตุ๊กตาคนแคระ จากนั้นฝูงปีศาจตุ๊กตาคนแคระได้กรูทำร้ายพวกเขาทั้งสี่คน และพยายามจะฆ่าสไตน์ จนแซ็คได้จัดการทุบพวกปีศาจตุ๊กตาคนแคระทั้งหมด และปลดเชือกที่พวกมันจับมัดสไตน์เพื่อจะลากเข้าไปในเตาเผา ทว่าฝูงปีศาจตุ๊กตาคนแคระมันกลับฟื้นขึ้นมาได้ ทั้งสี่คนจึงหนีออกไปทางประตูห้องใต้ดินและรอดตายอย่างหวุดหวิด จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มปฏิบัติการปราบสแล็ปปีทันที

ตัดภาพไปที่สแล็ปปี ระหว่างผ่านสถานที่ต่างๆ สแล็ปปีได้ปล่อยปีศาจต่างๆ เพื่อออกมาก่อความวุ่นวายในเมืองเมดิสัน ซ้ำร้ายยังปล่อยปีศาจหม้อข้าวหม้อแกงลิงทำลายเสาสัญญาณโทรศัพท์ทำให้สัญญาณโทรศัพท์หาย และในสถานีตำรวจเมืองเมิดสัน บรูค (อแมนดา ลัน) และสตีเฟน (ตีโมตี ซีมอน) ได้พบกับสแล็ปปีนอนอยู่หน้าสถานีตำรวจ สตีเฟนเผลอไปเรียกสแล็ปปีว่าหุ่นเชิด สแล็ปปีไม่พอใจ จึงสั่งให้ปีศาจเอเลียนยิงปืนแช่แข็งใส่บรูคและสตีเฟนโดยทันที และทางฝั่งของลอว์เรน น้าของแซ็คก็ถูกปีศาจสุนัขพยายามรุมขย้ำ

สไตน์และเด็กๆ ขับรถเข้ามาในเมืองเมดิสันก็ได้พบกับสภาพความเสียหายที่เกิดจากฝีมือของสแล็ปปี แซ็คแนะนำให้สไตน์เขียนนิยายขึ้นมาใหม่ แต่สไตน์บอกว่าการที่จะเขียนนิยายขึ้นมาใหม่นั้นเป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องใช้เค้าโครงเรื่องของนวนิยาย ชมรมขนหัวลุก จริงๆ แซ็คชวนสไตน์ไปที่ร้านคอมพิวเตอร์เพื่อพิมพ์มันขึ้นมา แต่สไตน์บอกว่ามันไม่สามารถทำได้ ต้องใช้เครื่องพิมพ์ดีตสมิธ โคโลนา ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ดีดประจำตัวของเขา จึงจะสามารถนำพวกปีศาจและสัตว์ประหลาดกลับเข้าไปได้ พวกเขาทั้งหมดจึงพากันไปที่โรงเรียนมัธยมเมืองเมดิสันในที่สุด แต่ระหว่างทางพวกเขาต้องพบกับปีศาจมนุษย์ล่องหนและปีศาจตั๊กแตนยักษ์ ทำให้พวกเขาพากันหนีตายอย่างหวุดหวิด และไปซ่อนตัวกันที่ห้างสรรพสินค้า แต่ในห้างสรรพสินค้าพวกเขาก็ต้องไปพบกับปีศาจสุนัขป่าอีก พวกปีศาจสุนัขป่าพยายามไล่ทำร้ายพวกเขา จนกระทั่งพวกเขาสามารถหนีออกมาได้ แต่ปีศาจสุนัขป่ายังตามพวกเขามา แต่สุดท้ายก็ถูกรถของลอว์เรน (จิลเลียน เบลล์) ขับชนจนไปติดในถังขยะ ลอว์เรนพบกับสไตน์ ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน แซ็คได้ขอให้ลอง์เรนไปที่สถานีตำรวจเพื่อขอให้ตำรวจตามไปที่โรงเรียนมัธยม

จากนั้นพวกเขาก็เดินทางลัดเข้าไปในป่าช้าหลังโรงเรียนมัธยม ระหว่างทางนั้นแซ็คเห็นแสงแวบวาบในตัวของแฮนนาห์ จึงรู้ทันทีว่าแฮนนาห์ไม่ใช่มนุษย์ แต่ระหว่างที่แซ็คตกตะลึงนั้นก็เจอกับฝูงซอมบี้พยายามไล่ขย้ำพวกเขา พวกเขาสามารถหลบหนีไปได้ และสไตน์ก็ไปพบกับเครื่องพิมพ์ดีดของเขาที่โรงเรียนมัธยมเมืองเมดิสัน เขาจึงหามุมสงบในโรงเรียนเพื่อเขียนนิยายขึ้นมาใหม่ทันที

จากนั้นแซ็คจึงไปเตือนพวกเพื่อนๆ ในงานเต้นรำว่าตอนนี้มีฝูงปีศาจและสัตว์ประหลาดพยายามเข้ามาในโรงเรียน แต่ไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งมีเด็กคนหนึ่งถูกปีศาจตั๊กแตนยักษ์ลากตัวออกไป พวกเขาจึงเชื่อ และพากันนำสิ่งของต่างๆ กีดขวางตามหน้าต่างและประตูไม่ให้ฝูงปีศาจเข้ามาได้ แต่พยายามเพียงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถขวางพวกมันได้ สไตน์ได้จัดการเผานิยายต้นฉบับที่ขนมาเพื่อไม่ให้ปีศาจตัวใดกลับไปได้อีก

ในขณะที่สไตน์กำลังเขียนนิยายเรื่องใหม่และกำลังจะจบเรื่อง ก็ได้พบกับสแล็ปปี และสแล็ปปีก็เหยียบฝาเครื่องพิมพ์ดีดจนทำให้นิ้วของสไตน์หักในที่สุด จากนั้นสแล็ปปีจึงหนีไป เมื่อฝูงปีศาจกรูเข้ามาในโรงเรียนแล้ว สไตน์ตัดสินใจใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้คนในโรงเรียนปลอดภัย เขาจึงนำรถโรงเรียนติดกับระเบิดขับออกไป และทำให้พวกปีศาจตามสไตน์ไป แต่เมื่อเปิดรถออกมาพบว่าเป็นระเบิด ทำให้พวกปีศาจโดนระเบิดไป ทว่าพวกนั้นฟื้นขึ้นมาได้ สแล็ปปีได้สั่งพวกปีศาจให้ตามสไตน์ซึ่งหนีไปที่สวนสนุกร้าง จากนั้นสแล็ปปีก็ได้ปลดปล่อยปีศาจวุ้นเหนียวสีแดงในที่สุด สไตน์จึงขอให้แซ็คจัดการพิมพ์นิยายให้จบ แซ็ค แฮนนาห์ และแชมป์จึงไปซ่อนตัวอยู่ที่ชิงช้าสวรรค์ ส่วนสไตน์เป็นเหยื่อล่อติดอยู่กับเมือกแดง หลังจากแซ็คเขียนนิยายเสร็จ ปีศาจตั๊กแตนยักษ์ได้กรูเข้าไปพังชิงช้าสวรรค์ พวกเขาจึงหลุดไปในป่าลึกและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แซ็คเห็นว่าถ้าเปิดหนังสือขึ้นมา แฮนนาห์จะถูกดูดไปด้วย แฮนนาห์จึงขอร้องให้แซ็คเปิดและยอมรับชะตากรรมตัวเองที่จะต้องอยู่ในหนังสือต่อไป แฮนนาห์ได้แย่งหนังสือมาจากแซ็คและเปิดออกมา แฮนนาห์ได้จูบแซ็คเป็นการอำลาครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกดูดไปพร้อมกับปีศาจตัวอื่นๆ

ต่อมาสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ แซ็คและสไตน์ได้เป็นเพื่อนกัน สไตน์สมัครมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนเมืองเมดิสันและได้คบกับลอว์เรน สไตน์ได้เขียนนิยายเรื่องใหม่เพื่อกำหนดให้แฮนนาห์มีตัวตนจริงและมีชีวิตจริง จากนั้นสไตน์จึงเผาต้นฉบับที่เขียนเกี่ยวกับแฮนนาห์ทิ้งเพื่อให้แฮนนาห์กำหนดชีวิตได้ด้วยตัวเอง

นักแสดง แก้

สำหรับอาร์. แอล. สไตน์ ในภาพยนตร์เขาได้รับบทเป็น "แบล็ก" ครูสอนการแสดงของโรงเรียนมัธยมเมืองเมดิสัน[13]

การวางจำหน่าย แก้

การฉายรอบปฐมทัศน์ แก้

คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก ฉายในรอบปฐมทัศน์ทั่วโลกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 และสำหรับงานเทศกาลภาพยนตร์ซินียุโรปที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน แบล็คได้นำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้บนเวทีในงานด้วยตนเอง[14]

โฮมมีเดีย แก้

คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก วางจำหน่ายในรูปแบบแผ่นบลูเรย์ (ทั้งแบบสองมิติและสามมิติ) รวมถึงรูปแบบดีวีดี ใน พ.ศ. 2559 ซึ่งมีการเผยแพร่ฉากที่ถูกตัดไป เบื้องหลังการถ่ายทำ บทสัมภาษณ์ของนักแสดง และสารคดีเกี่ยวกับสแลปปี เดอะ ดัมมีอีกด้วย

การตอบรับ แก้

 
แจ็ก แบล็กและร็อบ เบ็ทเทอร์แมนซึ่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้

คืนอัศจรรย์ขนหัวลุก สามารถทำรายได้ถึง 80.1 ดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐและทวีปอเมริกาเหนือ ปละทำรายได้จากพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกถึง 70.1 ดอลลาร์สหรัฐ รวมแล้วสามารถทำรายได้สูงถึง 150.2 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือราวๆ 533.9 ล้านบาทไทย) ซึ่งมากกว่างบทุนสร้างภาพยนตร์ 58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราวๆ 20.6 ล้านบาท)[3][4]

ในสหรัฐและประเทศแคนาดา การติดตามและการรายงานก่อนการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้คาดการณ์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำรายได้อยู่ที่ 20-31 ล้านเหรียญสหรัฐจากโรงภาพยนตร์ 3,501 โรง อย่างไรก็ตามทางโซนี่พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเมนต์คาดการร์ว่าอาจทำรายได้ระหว่าง 12-15 ล้านเหรียญสหรัฐ[15][16][17] ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถทำรายได้ถึง 23.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สี่ของโซนี่พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่ทำรายได้มากที่สุด[18][19]

สำหรับนอกทวีปอเมริกาเหนือ คืนอัศจรรย์ขนหัวลุกปล่อยฉายใน 66 ประเทศทั่วโลก[20] และประเทศเม็กซิโก เป็นประเทศที่ทำรายได้ได้มากที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยรายได้ถึง 7.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือประเทศออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 Rechtshaffen, Michael (October 5, 2015). "'Goosebumps': Film Review". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ May 19, 2018.
  2. "GOOSEBUMPS [2D] (PG)". British Board of Film Classification. September 28, 2015. สืบค้นเมื่อ September 28, 2015.
  3. 3.0 3.1 FilmL.A. (June 15, 2016). "2015 Feature Film Study" (PDF). สืบค้นเมื่อ June 16, 2016.
  4. 4.0 4.1 4.2 "Goosebumps (2015)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ October 30, 2019.
  5. Pamela McClintock (October 13, 2015). "Box-Office Preview: 'Goosebumps' Could Out-Spook 'Crimson Peak,' 'Bridge of Spies'". The Hollywood Reporter. (Prometheus Global Media). สืบค้นเมื่อ October 14, 2015.
  6. "Goosebumps Feature Film, Starring Jack Black, Starts Principal Photography". ComingSoon.net. April 23, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-06-27. สืบค้นเมื่อ April 24, 2014.
  7. Foutch, Haleigh (July 26, 2014). "Comic-Con: Director Rob Letterman Talks GOOSEBUMPS, Casting Jack Black as R.L. Stine, Choosing which Monsters to Include, and More". Collider. สืบค้นเมื่อ November 8, 2014.
  8. Sneider, Jeff (February 13, 2014). "'The Giver' Actress Odeya Rush to Join Jack Black in Sony's 'Goosebumps' Movie (Exclusive)". TheWrap. สืบค้นเมื่อ April 24, 2014.
  9. Cruz, Lisa (October 21, 2015). "The Scariest Thing About the Goosebumps Movie". The Atlantic. สืบค้นเมื่อ January 21, 2016.
  10. Kroll, Justin (February 14, 2014). "Dylan Minnette to Co-Star With Jack Black in 'Goosebumps'". Variety. สืบค้นเมื่อ April 24, 2014.
  11. Kroll, Justin (April 23, 2014). "'Super 8′ Actor Joins Sony's 'Goosebumps'". Variety. สืบค้นเมื่อ April 24, 2014.
  12. 12.0 12.1 Sneider, Jeff (April 4, 2014). "Amy Ryan, 'Workaholics' Star Jillian Bell Join Jack Black in 'Goosebumps' (Exclusive)". TheWrap. สืบค้นเมื่อ April 24, 2014.
  13. Stine, R. L. (May 20, 2014). ".@mdroush Jack Black plays me in the GB movie, now filming in GA. I'm going down to do a cameo next month". Twitter. สืบค้นเมื่อ May 24, 2014.
  14. Ritman, Alex (June 24, 2015). "CineEurope: Sony Unveils New 'Spectre' Footage, Joseph Gordon-Levitt Walks 'The Walk'". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ June 29, 2015.
  15. Anthony D'Alessandro (October 14, 2015). "'Goosebumps' Set To Freak Out, But 'The Martian' Could Scare It Away – Box Office Preview". Deadline Hollywood. สืบค้นเมื่อ October 15, 2015.
  16. Brad Brevet (October 15, 2015). "Forecast: 'Goosebumps', 'Spies' & 'Crimson Peak' Jostle for Audience Attention". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ October 16, 2015.
  17. Rebecca Ford (October 16, 2015). "Box Office: 'Crimson Peak' Creeps to $855K, 'Goosebumps' Raises $600K Thursday Night". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ October 16, 2015.
  18. Anthony D'Alessandro (October 16, 2015). "'Crimson Peak', 'Goosebumps' Raise Hairs On Thursday Night – Box Office". Deadline Hollywood. สืบค้นเมื่อ October 16, 2015.
  19. Scott Mendelson (October 17, 2015). "Friday Box Office: 'Goosebumps' Tops With Scary Good $7.4M, 'Crimson Peak' Nabs Scary Bad $5.2M". Forbes. สืบค้นเมื่อ October 18, 2015.
  20. Nancy Tartaglione (October 18, 2015). "'Ant-Man' Supersizes With $43.2M China Bow; 'Crimson Peak' Reaps $13.4M – International Box Office". Deadline Hollywood. สืบค้นเมื่อ October 19, 2015.