ควิดดิชในยุคต่าง ๆ
ควิดดิชในยุคต่าง ๆ (อังกฤษ: Quidditch Through the Ages) เป็นหนังสือจำลองจากหนังสือเรียนใน โรงเรียนเวทมนตร์คาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ ที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของไม้กวาด อธิบายวิวัฒนาการของควิดดิชในแต่ละยุค รวมไปถึงกฎกติกาและการเล่นสมัยใหม่ ตำนานของควิดดิช กีฬาสุดฮิตในโลกของพ่อมดแม่มด ลูกสนิชสีทอง พัฒนากรของควิดดิช จวบจนกระทั่งเป็นควิดดิชในปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านช่วงเวลาต่าง ๆ นานกว่าหกศตวรรษ นอกจากนี้ ยังอธิบายวิธีเล่น อย่างละเอียด กลเม็ดต่าง ๆ ที่ใช้กันในปัจจุบัน ทีมควิดดิชที่เป็นขวัญใจของพ่อมดแม่มดทั่วโลก สุดยอดทีมควิดดิชของเอเชียและที่อื่น ๆ
ภาพปกหนังสือฉบับอังกฤษ | |
ผู้ประพันธ์ | เจ. เค. โรว์ลิ่ง |
---|---|
ชื่อเรื่องต้นฉบับ | Quidditch Through the Ages |
ผู้แปล | สุมาลี บำรุงสุข |
ชุด | แฮร์รี่ พอตเตอร์ |
สำนักพิมพ์ | สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ |
วันที่พิมพ์ | กันยายน พ.ศ. 2544 |
หน้า | ภาคภาษาไทย: 84 หน้า |
เนื้อหาโดยย่อ
แก้หนังสือเล่มนี้รวบรวมเรื่องราวของควิดดิช กติกา มารยาท และอื่น ๆ ตำนานของควิดดิชแต่ละยุคต่าง ๆ รุ่นไม้กวาด ความเป็นมาของลูกบอล กลเม็ดเทคนิคการเล่นควิดดิช
ไม่มีคาถาใดที่เสกให้พ่อมดแม่มดสามารถบินได้ในร่างของมนุษย์โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วย มีพวกพ่อมดแม่มดแอนนิเมไจน้อยคนที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ปีกและบินได้ แต่ก็หาได้ยากมาก แม่มดหรือพ่อมดที่แปลงร่างเป็นค้างคาวได้นี้ พบว่าเธอหรือเขาบินเหินฟ้าได้ แต่กลับมีสมองเล็กเท่าค้างคาวไปด้วย ดังนั้นแน่นอนที่พวกเขาก็เลยลืมสนิทว่าอยากบินได้ที่ไหนทันทีที่เริ่มออกบิน การลอยตัวในอากาศเป็นเรื่องสามัญที่พ่อมดแม่มดทำกันได้อยู่แล้ว แต่บรรพบุรุษของพวกเราไม่พอใจแค่ลอยตัวสูงห้าฟุตเหนือพื้นดิน พวกเขาต้องการมากกว่านั้น พวกเขาต้องการบินได้ให้เหมือนนก แต่ไม่ต้องการยุ่งยากปลูกขนแบบขนนกทั่วตัว
ทุกวันนี้พวกเราเคยชินเสียแล้วกับเรื่องที่ว่าครอบครัวพ่อมดแม่มดทุกครอบครัวในเกาะบริเตน ต่างมีไม้กวาดเหาะอย่างน้อยหนึ่งด้ามที่บ้าน พวกเราถึงไม่ค่อยหยุดคิดถามตัวเองว่าทำไม ทำไมไม้กวาดที่ต่ำต้อยนี้ถึงได้กลายเป็นวัตถุหนึ่งที่กฎหมายอนุญาตให้ใช้เป็นเครื่องมือ สำหรับการเดินทางของพ่อมดแม่มด ทำไมพวกเราใยโลกตะวันตกถึงไม่ใช้พรมซึ่งเป็นที่นิยมของเพื่อนพ้องของเราในโลกตะวันออก ทำไมพวกเราถึงไม่เลือกใช้ถังบิน เก้าอี้นวมเหาะ หรืออ่างอาบน้ำบิน ทำไมถึงต้องเป็นไม้กวาด
พวกพ่อมดแม่มดฉลาดพอที่จะรู้ว่า ถ้าเพื่อนบ้านมักเกิ้ลล่วงรู้ถึงอำนาจเวทมนตร์ของพวกเขา ก็คงจะหาทางเอารัดเอาเปรียบใช้ประโยชน์จากเวทมนตร์เต็มที่ ดังนั้นพ่อมดแม่มดจึงมักเก็บตัวเงียบ ไม่สังสรรค์กับเพื่อนบ้านมักเกิ้ลตั้งแต่ก่อนจะมีการประกาศใช้กฎหมายนานาชาติเรื่องความลับของพ่อมด ถ้าพวกเขาต้องเก็บเครื่องมือช่วยบินไว้ในบ้าน เครื่องมือนั้นก็จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ไม่ผิดสังเหต และซ่อนได้ง่าย ๆ ไม้กวาดถึงเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุดสำหรับจุดมุ่งหมายนี้ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ ไม่ต้องมีข้อแก้ตัวถ้าพวกมักเกิ้ลมาเจอไม้กวาดในบ้าน ทั้งยังขนไปไหน ๆ ได้ง่ายและราคาไม่แพงอีกด้วย อย่างไรก็ถาม ไม้กวาดที่ถูกเสกให้บินได้อันแรก ๆ มีข้อด้อยอยู่บ้างบางประการ
มีหลักฐานระบุว่าพ่อมดแม่มดในยุโรปใช้ไม้กวาดบินตั้งแต่เมื่อ ค.ศ. 962 เอกสารภาษาเยอรมันประกอบภาพวาดจากในยุคนี้แสดงภาพผู้มีอำนาจวิเศษสามคนกำลังลงจากไม้กวาด มีสีหน้าว่าทุกข์ทรมานมาก กัดทรี ล็อกคริน พ่อมดชาวสกอตบันทึกไว้เมื่อ ค.ศ. 1107 เล่าถึงสภาพของ "ก้นแตกเป็นลายและริดสีดวงกำเริบ" ที่เขาต้องทนทรมานหลังจากใช้ไม้กวาดบินเป็นระยะทางสั้น ๆ ระหว่างเมืองมอนโทรสถึงเมืองอาร์โบรท
ไม้กวาดในยุคกลางที่แสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ควิดดิชในกรุงลอนดอน ช่วยให้เราเข้าใจซาบซึ้งถึงความทุกข์ทรมานของล็อกคริน ไม้กวาดนั้นมีด้านทำด้วยไม้แอชที่ตะปุ่มตะป่ำ ซึ่งไม่ได้ลงน้ำมัน ที่ปลายด้ามมีกิ่งไม้แฮเซิลผูกติดไว้ลวก ๆ ไม้กวาดนี้ทั้งนั่งไม่สบายและไม่ลู่ลมเลย คาถาที่เสกเป่าไม้กวาดก็เป็นคาถาพื้น ๆ มาก แค่บินไปข้างหน้าได้ด้วยความเร็วระดับหนึ่ง แล้วบินขึ้น บินลง และหยุดได้เท่านั้น
เนื่องจากในสมัยนั้น ครอบครัวที่มีพ่อมดแม่มดต่างผลิตไม้กวาดของตนเอง ไม้กวาดจึงมีความแตกต่างกันมากเรื่องอัตราความเร็ว ความสบาย และการเคลื่อนย้าย อย่างไรก็ตาม ราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 พ่อมดเรียนรู้ที่จะแลกเปลี่ยนบริการสินค้าซึ่งกันและกัน ดังนั้นคนที่ชำนาญเรื่องการทำไม้กวาด สามารถแลกเปลี่ยนไม้กวาดกับน้ำยาที่เพื่อนบ้านของเขาอาจปรุงได้ดีกว่า เมื่อไม้กวาดเริ่มนั่งได้สบายขึ้นแล้ว พ่อมดแม่มดก็เริ่มใช้ไม้กวาดบินไปมาเพื่อความสนุกเพลิดเพลินแทนที่จะใช้เป็นเครื่องช่วยเดินทางจากจุด ก. ไปที่จุด ข. แต่อย่างเดียว