โออิจิ
โออิจิ (ญี่ปุ่น: お市; โรมาจิ: Oichi; ค.ศ. 1547 – 14 มิถุนายน ค.ศ. 1583) เป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์หญิงในยุคเซ็งโงกุตอนปลาย[1] เธอเป็นที่รู้จักจากการเป็นแม่ของลูกสาวสามคนที่กลายเป็นบุคคลสำคัญในภายหลัง ได้แก่ – โยโดะ โดโนะ,[2] โอฮัตสึ[3] และโอเอโยะ[4] โออิจิเป็นน้องสาวของโอดะ โนบูนางะ และเป็นพี่/น้องสะใภ้ของโนฮิเมะ ลูกสาวของไซโต โดซัง เธอสืบเชื้อสายจากตระกูลไทระและฟูจิวาระ
โออิจิ-โนะ-คาตะ お市 โออิจิ | |
---|---|
ภาพของโออิจิ | |
เกิด | 1547 |
เสียชีวิต | 15 มิถุนายน ค.ศ. 1583 ปราสาทคิตาโนโชในยุทธการที่ชิซูงาตาเกะ | (35–36 ปี)
คู่สมรส | อาไซ นางามาซะ ชิบาตะ คัตสึอิเอะ |
บุตร | ชาจะ โอฮัตสึ โอเอโยะ มัมปูกูมารุ |
บิดามารดา |
|
ญาติ | ตระกูลโอดะ ตระกูลอาไซ ตระกูลโอวาริ-ชิบาตะ |
ประวัติ
แก้โออิจิเป็นลูกสาวของโอดะ โนบูฮิดะ และน้องสาวของโนบูนางะ แม่ของเธอเป็นสนมไม่ทราบนามที่ให้กำเนิดพี่น้องของเธอหลายคน ชื่ออื่นของเธอได้แก่อิจิฮิเมะ (市姫), โอดานิโนะคาตะ (小谷の方) และฮิเดโกะ (秀子)
หลังการพิชิตแคว้นมิโนะของโนบูนางะใน ค.ศ. 1567 เพื่อผนึกความเป็นพันธมิตรระหว่างโนบูนางะกับขุนศึกอาไซ นางามาซะ โนบูนางะจึงจัดงานแต่งงานระหว่างโออิจิ[5] ซึ่งตอนนั้นอายุ 20 ปี กับนางามาซะ จากนั้นโออิจิจึงได้ให้กำเนิดบุตรกับนางามาซะ โดยมีลูกชายหนึ่งคน (มันจูมารุ) กับลูกสาวสามคน – โยโดะ-โดโนะ, โอฮัตสึ และโอเอโยะ ทั้งสองตระกูลอยู่ด้วยกันอย่างสงบจนกระทั่งสามปีต่อมา ความสัมพันธ์จึงแย่ลง ทำให้นางามาซะทรยศต่อโนบูนางะ
ในฤดูร้อน ค.ศ. 1570 นางามาซะได้ล้มเลิกพันธมิตรกับโอดะและร่วมมือกับตระกูลอาซากูระในยุทธการที่อาเนงาวะ มีเรื่องเล่าว่าโออิจิได้ส่งกระสอบถั่วไปให้พี่ชายซึ่งผูกกับไม้ทั้ง 2 ข้างเป็นรหัสลับในการเตือนให้พี่ชายระวังตัวจากการโจมตีของทั้ง 2 ทัพคืออาไซและอาซากูระ โนบูนางะเข้าใจในความหมายและสั่งให้ทัพถอยหนีและจู่โจมในเวลาต่อมา
การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆเป็นเวลา 3 ปีจนกระทั่งกองทัพอาซากูระและทัพของผู้ต่อต้านโอดะถูกปราบราบคาบ โออิจิอาศัยอยู่กับนางามาซะในปราสาทโอตานิตลอดช่วงสงคราม โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ขุนนางที่โนบูนางะไว้ใจ ได้วางกำลังล้อมปราสาทแน่นหนา ระหว่างที่ปราสาทถูกล้อม โนบูนางะได้ส่งคำขอไปยังนางามาซะให้ส่งตัวโออิจิคืนมาก่อนจะโจมตีครั้งสุดท้าย นางามาซะเห็นด้วยจึงส่งโออิจิพร้อมด้วยธิดา 3 คนสู่กองทัพโอดะ[6] เมื่อไม่มีความหวังต่อชัยชนะ นางามาซะจึงทำการเซ็ปปูกุ
โออิจิและธิดาของเธอได้อาศัยอยู่ในตระกูลโอดะเป็นเวลา 10 ปี จนกระทั่งโนบูนางะถูกลอบสังหารใน ค.ศ. 1582 บุตรและขุนนางของเขาแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายของชิบาตะ คัตสึอิเอะ และฝ่ายของโทโยโตมิ ฮิเดโยะชิ โอดะ โนบูตากะ บุตรชายคนที่ 3 ของโนบูนางะ ได้จัดเตรียมให้โออิจิซึ่งเป็นน้าสมรสกับคัตสึอิเอะเพื่อรับรองความปลอดภัยในตำแหน่งภายในตระกูลโอดะ แต่ใน ค.ศ. 1583 กองทัพของคัตสึอิเอะถูกปราบโดยทัพของฮิเดโยะชิในการต่อสู้ที่ชิซูงาตาเกะ คัตสึอิเอะได้ถอยทัพเข้าปราสาทคิตะโนะโช กองทัพฮิเดโยชิจึงล้อมปราสาท คัตสึอิเอะได้ร้องขอให้โออิจิหนีไปพร้อมธิดาทั้ง 3 เพื่อให้ปลอดภัยจากฮิเดโยชิ แต่นางปฏิเสธจึงส่งธิดาทั้ง 3 หนีไป ส่วนนางจะยอมตายในปราสาท ในที่สุดคัตสึอิเอะและโออิจิได้เสียชีวิตภายในปราสาทที่มีเพลิงใหม้โหมกระหน่ำ
ลูกสาวที่ฮิเดโยชิกับโยโดะ-โดโนะ (มีอีกชื่อว่าชาจะ) กลายเป็นหนึ่งในสนมและแม่ในทายาทของฮิเดโยชิ[5]: 286, 313
ลูกสาวของโออิจิ
แก้-
โยโดะ โดโนะ -
โอฮัตสึ -
โอเอโยะ
ลูกสาวของโออิจิทุกคนล้วนเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์
โยโดะ โดโนะ ลูกสาวคนโตที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด นางได้เป็นสนมในฮิเดโยชิ ผู้ซึ่งเป็นคนสังหารมารดาของนางและบิดาเลี้ยง นางเป็นที่รู้จักในชื่อโยโดะ-โดโนะหรือโยโดงิมิ นางมีบุตรสองคนกับฮิเดโยชิซึ่งเป็นรัชทายาทคือ โทโยโตมิ ฮิเดโยริ หลังจากนั้นโยโดะ-โดโนะและฮิเดโยะริได้เสียชีวิตในการปิดล้อมที่โอซากะเมื่อ ค.ศ. 1615
ลูกสาวคนที่ 2 คือ โอฮัตสึ เธอได้สมรสกับเคียวโงกุ ทากัตสึงุ คนในตระกูลขุนนางตระกูลหนึ่งที่เคยรับใช้ตระกูลอาไซ ตระกูลเคียวโงกุได้สนับสนุนโทกูงาวะ อิเอยาซุหลังจากการเสียชีวิตของฮิเดโยชิ ซึ่งถือว่าเป็นตัวกลางระหว่างฝ่ายอิเอยัตสึและโยโดะ-โดโนะผู้เป็นพี่สาว ความพยายามยุติความขัดแย้งระหว่างโยโดะ-โดโนะและอิเอยัตสึของโอฮัตสึนั้นสูญเปล่า และหลังจากฮิเดโยริและโยโดะ-โดโนะเสียชีวิตในการปิดล้อมโอซากา นางได้รับเลี้ยงธิดาของฮิเดโยริที่ต้องกำพร้า
ธิดาคนสุดท้องคือ โอเอโยะ (มีอีกชื่อว่า โอโง) ได้สมรสกับโทกูงาะวะ ฮิเดตาดะ รัชทายาทของอิเอยัคสึ และเป็นโชกุนลำดับที่ 2 ของเอโดะ ทั้งคู่มีบตรธิดามากมายรวมทั้งโชกุนคนที่ 3 คือโทกูงาวะ อิเอมิตสึและโทกูงาวะ มาซาโกะ ผู้เป็นพระมเหสีในสมเด็จพระจักรพรรดิโก-มิซุโนะ พระธิดาของมาซาโกะได้เป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีเมอิโชได้สถาปนาโออิจิผู้เป็นสมเด็จพระปัยยิกาฝ่ายพระมารดา (ยายทวด) ขึ้นดำรงพระอิศริยยศเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีหลังจากโออิจิเสียชีวิตนานแล้ว
ครอบครัว
แก้- พ่อ: โอดะ โนบูฮิเดะ (ค.ศ. 1510–1551)
- แม่: สึจิดะ โกเซ็ง (เสียชีวิตใน ค.ศ. 1594)
- พี่/น้องชาย
- โอดะ โนบูฮิโระ (เสียชีวิตใน ค.ศ. 1574)
- โอดะ โนบูนางะ (ค.ศ. 1534–1582)
- โอดะ โนบูยูกิ (ค.ศ. 1536–1557)
- โอดะ โนบูกาเนะ (ค.ศ. 1548–1614)
- โอดะ นางามาซุ (ค.ศ. 1548–1622)
- โอดะ โนบูฮารุ (ค.ศ. 1549–1570)
- โอดะ โนบูโตกิ (เสียชีวิตใน ค.ศ. 1556)
- โอดะ โนบูโอกิ
- โอดะ ฮิเดตากะ (เสียชีวิตใน ค.ศ. 1555)
- โอดะ ฮิเดนาริ
- โอดะ โนบูเตรุ
- โอดะ นางาโตชิ
- โอดะ โนบูมิตสึ
- พี่/น้องสาว:
- สามี:
- อาไซ นางามาซะ (ค.ศ. 1564–1573)
- ชิบาตะ คัตสึอิเอะ (ค.ศ. 1582–1583)
- ลูก (จากนางามาซะ)
- บุตรบุญธรรม (ของคัตสึอิเอะ)
- ชิบาตะ คัตสึโตโยะ
- ชิบาตะ คัตสึมาซะ
ในวัฒนธรรมร่วมสมัย
แก้เธอเป็นตัวละครที่เล่นได้ในซีรีส์เกมซามูไรวอริเออส์ เดิมทีมีเค็นดามะเป็นอาวุธ ภายหลังเปลี่ยนเป็นห่วงใบมีด 4 ใบที่คล้องเข้าด้วยกัน และยังปรากฏใน โปเกมอน คอนเควสต์ (Pokémon + Nobunaga's Ambition ในประเทศญี่ปุ่น) ที่มีโปเกมอนคู่หูเป็นพูรินและพูกูริน[7]
อ้างอิง
แก้- ↑ Ochinokata, Gifu prefecture website.
- ↑ Wilson, Richard L. (1985). Ogata Kenzan (1663-1743), p. 40.
- ↑ "The silk coloured portrait of wife of Takatsugu Kyogoku," เก็บถาวร พฤษภาคม 6, 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Digital Cultural Properties of Wakasa Obama.
- ↑ "Atsuhime"-Autorin für NHKs 2011er Taiga-Drama gewählt (citing Tokyograph), เก็บถาวร 2011-05-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน J-Dorama.
- ↑ 5.0 5.1 Sansom, George (1961). A History of Japan, 1334–1615. Stanford University Press. p. 278. ISBN 0804705259.
- ↑ Yoshikawa, Eiji. (2000). Taiko, p. 421.
- ↑ "Oichi + Jigglypuff - Pokémon Conquest characters". Pokémon. สืบค้นเมื่อ 2012-06-17.
บรรณานุกรม
แก้- Wilson, Richard L. (1985). Ogata Kenzan (1663-1743). Lawrence, Kansas: University of Kansas (PhD. dissertation manuscript). OCLC 19111312
- Yoshikawa, Eiji. (2000). Taiko: an epic novel of war and glory in feudal Japan (William Scott Wilson, translator). Tokyo, London: Kodansha International. ISBN 978-4-7700-2609-5; OCLC 248372298
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Biography of Lady Oichiเก็บถาวร 2012-03-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน