โอดะ โนบูนางะ (ญี่ปุ่น: 織田 信長โรมาจิOda Nobunaga; 23 มิถุนายน ค.ศ. 1534 – 21 มิถุนายน ค.ศ. 1582) เป็นชาวญี่ปุ่นที่ดำรงตำแหน่งเป็นไดเมียว และหนึ่งในบุคคลที่สำคัญในยุคสมัยเซ็งโงกุ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "ผู้รวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" คนแรกของญี่ปุ่น ชื่อเสียงของเขาในสงครามทำให้เขาได้รับฉายาว่า "ไดเมียวปีศาจ" หรือ "ราชาปีศาจ"

โอดะ โนบูนางะ
織田信長
โอดะ โนบูนางะ にわな(たまなーなたわなわたやいまえやなやかやされさやあやは)วาดในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16
อูไดจิง
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 1577 – ค.ศ. 1578
กษัตริย์โองิมาจิ
ผู้นำตระกูลโอดะ
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 1551 – ค.ศ. 1582
ก่อนหน้าโอดะ โนบูฮิเดะ
ถัดไปโอดะ ฮิเดโนบุ
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด23 มิถุนายน ค.ศ. 1534(1534-06-23)
ปราสาทนาโงยะ แคว้นโอวาริ
เสียชีวิต21 มิถุนายน ค.ศ. 1582(1582-06-21) (47 ปี)
วัดฮนโนจิ เกียวโต
คู่สมรสโนฮิเมะ
บุพการี

โนบูนางะเป็นผู้นำตระกูลโอดะที่ทรงอำนาจมาก และเปิดฉากการทำสงครามกับไดเมียวคนอื่น ๆ เพื่อรวบรวมแผ่นดินญี่ปุ่นในคริสต์ทศวรรษ 1560 โนบูนางะกลายเป็นไดเมียวที่ทรงอำนาจมากที่สุด ทำการโค่นล้มโชกุน อาชิกางะ โยชิอากิ ซึ่งมีอำนาจเพียงแต่ในนาม และทำการยุบรัฐบาลโชกุนอาชิกางะในปี ค.ศ. 1573 เขาได้พิชิตเกาะฮอนชูเอาไว้เกือบทั้งหมดในปี ค.ศ. 1580 และเอาชนะพวกกบฏอิกโก อิกกิ ในคริสต์ทศวรรษ 1580 การปกครองของโนบูนางะเป็นที่รู้จักกันในด้านยุทธวิธีทางทหารที่นำสิ่งใหม่เข้ามา การส่งเสริมการค้าเสรี การปฏิรูปรัฐบาลพลเรือนของญี่ปุ่น และจุดเริ่มต้นของยุคสมัยศิลปะทางประวัติศาสตร์ โมโมยามะ แต่ยังคงเป็นการปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมต่อผู้ที่ไม่ยอมให้ความร่วมหรือยอมทำตามคำเรียกร้องของเขา โนบูนางะถูกสังหารในเหตุการณ์วัดฮนโนจิในปี ค.ศ. 1582 เมื่อผู้ติดตามรับใช้ของเขาที่ชื่อว่า อาเกจิ มิตสึฮิเดะ ทำการลอบโจมตีเขาในเกียวโตและบีบบังคับให้เขากระทำด้วยเซ็ปปูกุ โนบูนางะได้รับสืบทอดอำนาจโดยโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ที่ได้ร่วมมือกับโทกูงาวะ อิเอยาซุในการทำสงครามการรวมชาติของเขาจนสำเร็จภายหลังจากนั้นได้ไม่นาน

โนบูนางะเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามผู้รวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ร่วมกับผู้ติดตามรับใช้ของเขาอย่างโทโยโตมิ ฮิเดโยชิและโทกูงาวะ อิเอยาซุ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ภายหลังรวบรวมแผ่นดินญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งในปี ค.ศ. 1591 และทำการรุกรานเกาหลีในปีต่อมา อย่างไรก็ตาม เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1598 และโทกูงาวะ อิเอยาซุได้เข้ายึดอำนาจภายหลังจากยุทธการที่เซกิงาฮาระ ในปี ค.ศ. 1600 กลายเป็นโชกุนในปี ค.ศ. 1603 และเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัยเซ็งโงกุ

ประวัติ

แก้

โอดะ โนบูนางะ เกิดเมื่อค.ศ. 1534 ที่ปราสาทนาโงยะ มีชื่อว่า คิปโปชิ (吉法師) เป็นบุตรชายคนที่สองของ โอดะ โนบูฮิเดะ (織田信秀) ไดเมียวแห่งแคว้นโอวาริ (尾張) จังหวัดไอจิในปัจจุบัน เป็นบุตรคนโตสุดที่เกิดกับภรรยาเอกของโนบูฮิเดะ คือ นางโดะตะ-โงเซ็ง (土田御前)

วัยเยาว์และการสืบทอดแคว้นโอวาริ

แก้

ในฐานะที่เป็นบุตรคนโตสุดที่เกิดกับภรรยาเอก ทำให้คิปโปชิเป็นอันดับหนึ่งในการสืบทอดแคว้นโอวาริต่อจากโนบูฮิเดะบิดาของตน ซึ่งได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาคนสนิทของตนคือ ฮิราเตะ มาซาฮิเดะ (平手政秀) เป็นอาจารย์คอยฝึกวิชาความรู้ให้แก่คิปโปชิ แต่ว่าคิปโปชิกลับมีพฤติกรรมที่ประหลาด เอาแต่ใจตนเอง และไม่อยู่ในกรอบประเพณี ทำให้เป็นที่ไม่พอใจของบรรดาซามูไรหรือข้ารับใช้ของตระกูลโอดะ รวมทั้งมารดาของคิปโปชิเอง จนทำให้คิปโปชิมีชื่อกระฉ่อนไปทั่วภูมิภาคคันไซว่า "เจ้าโง่แห่งแคว้นโอวาริ" (尾張の大うつけ) แต่ด้วยการสนับสนุนของบิดาและมาซาฮิเดะผู้เป็นอาจารย์ ทำให้คิปโปชิยังคงสถานะเป็นทายาทของตระกูลโอดะอยู่ได้

ในเวลานั้นตระกูลโอดะต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากแคว้นข้างเคียงที่กำลังทรงอำนาจ อันได้แก่ ตระกูลอิมางาวะ ผู้ปกครองสามแคว้นทางตะวันออกของโอวาริ (ในบริเวณจังหวัดชิซูโอกะในปัจจุบัน) และตระกูลไซโต (斎藤) ผู้ปกครองแคว้นมิโนะ (美濃 จังหวัดกิฟุในปัจจุบัน) ทางตอนเหนือ ในค.ศ. 1546 เมื่ออายุสิบสองปี คิปโปชิผ่านพิธีเง็มปุกุได้รับชื่อว่า โอดะ โนบูนางะ โนบูฮิเดะบิดาร่วมกับมาซาฮิเดะผูกสัมพันธ์กับตระกูลไซโตแห่งแคว้นมิโนะ โดยการส่งมาซาฮิเดะเดินทางไปสู่ขอนางโน-ฮิเมะ (濃姫) บุตรสาวของไซโต โดซัง (斎藤道三) ไดเมียวผู้ปกครองแคว้นมิโนะ มาเป็นภรรยาของโนบูนางะ

นอกจากนี้โนบูนางะยังได้มีโอกาสได้สัมผัสกับอาวุธชนิดใหม่ในขณะนั้น คือ ปืน ซึ่งผลิตและนำเข้าโดยชาวโปรตุเกสที่เกาะทาเนงาชิมะ ทางตอนใต้ของเกาะคีวชู

ในค.ศ. 1551 โนะบุฮิเดะผู้เป็นบิดาถึงแก่กรรม โนบูนางะได้อาละวาดกลางงานศพของบิดาของตน ทำให้บรรดาข้ารับใช้ของตระกูลโอะดะไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และทำให้มาซาฮิเดะรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำการสั่งสอนโนบูนางะไม่ดีพอ จึงกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตเพื่อชดใช้ความผิด เหตุการณ์นี้ทำให้โนบูนางะเสียใจอย่างมาก เมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งไดเมียวแห่งโอวาริ โนบูนางะยังคงอ่อนด้อยประสบการณ์ ทำให้การปกครองของแคว้นตกอยู่ในมือของโอดะ โนบูโตโมะ (織田信友) ผู้ซึ่งมาจากสาขาย่อยของตระกูลโอดะและเป็นผู้ปกครองปราสาทคิโยซู (清洲城) ในค.ศ. 1554 ชิบะ โยชิมูเนะ (斯波義統) ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นชูโงแห่งแคว้นโอวาริ (ได้รับการแต่งตั้งมาจากรัฐบาลโชกุนมูโรมาจิ) ทราบว่าโนบูโตโมะวางแผนลอบสังหารโนบูนางะ จึงนำความมาบอกแก่โนบูนางะ เมื่อโนบูโตโมะทราบว่าแผนของตนรั่วไหลจึงสังหารโยชิมูเนะไป แต่ในปีต่อมาค.ศ. 1555 โนบูนางะได้ชิงลงมือทำการลอบสังหารโนบูโตโมะเสียก่อนที่ปราสาทคิโยซู

ปีต่อมาค.ศ. 1556 ไซโต โยชิตะสึ (斎藤義龍) ทำการก่อกบฏต่อบิดาของตนคือไซโตโดซัง ไซโตโดซังขอให้โนบูนางะผู้เป็นลูกเขยยกทัพเข้าไปยังแคว้นมิโนะเพื่อช่วยเหลือตนแต่ไม่ทันการ โดซังถูกสังหารในที่รบและโยชิตะสึจึงขึ้นเป็นไดเมียวแห่งมิโนะคนใหม่ ในปีเดียวกันนั้นเองน้องชายของโนบูนางะคือ โอดะ โนบูยูกิ (織田信行) ก่อกบฏหมายจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลโอดะด้วยการสนับสนุนของชิบาตะ คัตซูอิเอะ (柴田勝家) ฮายาชิ ฮิเดซาดะ (林秀貞) รวมทั้งมารดาของโนบูนางะเอง โนบูนางะสามารถเอาชนะทัพของน้องชายตนเองได้ในยุทธการอิโนะ (稲生の戦い) โนบูนางะไว้ชีวิตขุนพลทั้งสองแต่ต้องการที่จะสังหารโนบูยูกิน้องชาย แต่ด้วยการร้องขอของมารดาโนบูนางะจึงได้ไว้ชีวิตโนบูยูกิ ปรากฏว่าในปีต่อมาค.ศ. 1557 โนบูยูกิวางแผนยึดอำนาจอีกครั้ง โนบูนางะจึงแสร้งป่วยเพื่อให้โนบูยูกิมาเยี่ยมตนที่ปราสาทคิโยซู จากนั้นจึงได้สังหารโนบูยูกิทิ้ง

ยุทธการโอะเกะฮะซะมะ

แก้

ในค.ศ. 1560 อิมางาวะ โยชิโมโตะ (今川義元) ไดเมียวผู้ทะเยอทะยานแห่งตระกูลอิมางาวะซึ่งปกครองดินแดนทางตะวันออกของโอวาริ ต้องการที่จะยกทัพไปยึดอำนาจยังเมืองเกียวโต ซึ่งเส้นทางเดินทัพจะต้องผ่านแคว้นโอวาริ ขุนพลคนสำคัญทั้งหลายแห่งตระกูลโอดะต่างมีความเห็นว่าตระกูลอิมางาวะมีกำลังอำนาจควรจะปล่อยให้เดินทัพผ่านโอวาริไปโดยสวัสดิภาพ แต่โนบูนางะยืนกรานที่จะเข้าขัดขวางทัพของโยชิโมโตะ โดยทัพของโยชิโมโตะมีทหารกว่า 40,000 คน ขณะที่ทัพของโนบูนางะมีทหารเพียง 5,000 คน แต่โนบูนางะจึงคิดว่าถ้าจะสู้ให้ชนะก็ต้องจัดการกับตัวบงการก็คือทัพที่โยชิโมโตะอยู่นั่นเอง และในวันนั้นเองนับว่าโชคดีเป็นอย่างมากที่ฝนตก เพราะง่ายต่อการควบคุมคนจำนวนน้อยและยากต่อการควบคุมทัพขนาดใหญ่ ในระหว่างที่ทัพของโยชิโมโตะกำลังพักอยู่นั้นโนบูนางะใช้ทหารจำนวนกว่า 2,000 คนเท่านั้นบุกโจมตีทัพหลักอย่างไม่ทันตั้งตัว ในยุทธการโอะเกะฮะซะมะ (桶狭間の戦い) เป็นเหตุให้โยชิโมโตะถูกสังหาร เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้โนบูนางะมีชื่อเสียงไปทั่วญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นเพียงแค่ไดเมียวของแคว้นเล็กแต่สามารถยับยั้งการยึดอำนาจของไดเมียวผู้ทรงอำนาจอย่างอิมางาวะ โยชิโมโตะได้

ปีต่อมาค.ศ. 1561 ไซโต โยชิตะสึ ไดเมียวแห่งมิโนะถึงแก่กรรม ไซโต ทัตสึโอกิ (斎藤龍興) ผู้เป็นบุตรชายอายุเพียงสิบสี่ปีและไร้ความสามารถขึ้นเป็นไดเมียวแห่งมิโนะคนต่อมา โนบูนางะเห็นเป็นโอกาสจึงนำทัพเข้ารุกรานแคว้นมิโนะ จนสามารถเข้ายึดปราสาทอินาบายามะ (稲葉山) อันเป็นที่มั่นของตระกูลไซโตได้ในค.ศ. 1567 ทำให้โนบูนางะสามารถเข้าครอบครองแคว้นมิโนะได้ แล้วจึงเปลี่ยนชื่อปราสาทใหม่เป็น ปราสาทกิฟุ (岐阜) จังหวัดกิฟุในปัจจุบัน โนบูนางะพำนักที่ปราสาทกิฟุ และประกาศนโยบายรวบรวมญี่ปุ่นที่แตกแยกออกเป็นแคว้นต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของตน พร้อมคติพจน์ที่ว่า เท็งกะ ฟูบุ (天下布武) แปลว่า ปกครองแผ่นดินด้วยการทหาร

เส้นทางสู่เกียวโต

แก้

กล่าวถึงเหตุการณ์ในเมืองเกียวโต รัฐบาลโชกุนอะชิกะงะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของตระกูลมิโยะชิ ค.ศ. 1565 โชกุนอะชิกะงะ โยะชิเตะรุ (足利義輝) ได้ถูกสองขุนพลได้แก่ มะซึนะงะ ฮิซะฮิเดะ (松永久秀) และมิโยะชิ โยะชิซึงุ (三好義継) ยกทัพมาสังหารยังที่พัก โนะบุนะงะพำนักอยู่ที่ปราสาทกิฟุได้หนึ่งปี จนกระทั่งในค.ศ. 1568 อะชิกะงะ โยะชิอะกิ (足利義昭) ผู้เป็นน้องชายของโชกุนโยะชิเตะรุได้ร้องขอให้โนะบุนะงะยกทัพไปยังเกียวโตเพื่อทำการแก้แค้นให้แก่พี่ชายของตนโดยการสังหารขุนพลทั้งสอง

โนะบุนะงะจึงเตรียมการยกทัพไปยึดเมืองเกียวโต แต่เส้นทางเดินทัพไปยังเกียวโตต้องผ่านแคว้นโอมิ (近江) จังหวัดชิงะในปัจจุบัน ซึ่งมีไดเมียวตระกูลรกกะกุ (六角) ปกครองอยู่และปฏิเสธที่จะให้ทัพของโนะบุนะงะผ่านแคว้นของตน โนะบุนะงะจึงทำสงครามกับตระกูลรกกะกุและสามารถเอาชนะและกำจัดตระกูลรกกะกุออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว และเดินทัพสามารถเข้ายึดเมืองเกียวโตได้ในฤดูหนาวค.ศ. 1568 ฮิซะฮิเดะและตระกูลมิโยะชิเข้าสวามิภักดิ์ต่อโนะบุนะงะ โนะบุนะงะจึงตั้งให้โยะชิอะกิเป็นโชกุนคนใหม่เพื่อที่จะเป็นหุ่นเชิดของตน จากความดีความชอบในการช่วยเหลือโชกุนโยะชิอะกิในครั้งนี้โนะบุนะงะได้รับข้อเสนอเป็นตำแหน่งในราชสำนักเกียวโตและในบะกุฟุซึ่งโนะบุนะงะปฏิเสธไปทั้งหมด และมีความเห็นว่าการเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงนั้นสำคัญกว่าตำแหน่งทางพิธีการ

รวมอำนาจในภูมิภาคคันไซ

แก้

แต่ทว่าโชกุนโยะชิอะกิไม่พอใจการที่ตนตกอยู่ภายใต้อำนาจของโนะบุนะงะ และต้องการที่จะมีอำนาจเต็มในการปกครอง จึงได้ร้องขอไปยังอะซะกุระ โยะชิกะเงะ (朝倉義景) ไดเมียวแห่งแคว้นเอะจิเซง (จังหวัดฟุกุอิในปัจจุบัน) ให้ยกทัพมาขับไล่โนะบุนะงะออกจากเกียวโตและคืนอำนาจให้แก่โชกุน ความทราบถึงโนะบุนะงะ จึงส่งฮะชิบะ ฮิเดะโยะชิ (ต่อมาคือ โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ) นำทัพเข้าบุกแคว้นเอะจิเซงและเอาชนะตระกูลอะซะกุระได้ในยุทธการคะเนะงะซะกิ (金ヶ崎の戦い) ค.ศ. 1570

กล่าวถึงตระกูลอะซะกุระ มีพันธมิตรสำคัญเป็นตระกูลอะซะอิแห่งแคว้นโอมิ ซึ่งขณะนั้นมีผู้นำคือไดเมียวอะซะอิ นะงะมะซะ (浅井長政) ผู้เป็นน้องเขยของโนะบุนะงะเนื่องจากนะงะมะซะได้สมรสกับนางโออิจิ (ญี่ปุ่น: お市โรมาจิŌichi) ผู้เป็นน้องสาวของโนะบุนะงะ โนะบุนะงะคาดหวังว่านะงะมะซะจะเห็นแก่นางโออิจิไม่มาทำสงครามกับตน แต่นะงะมะซะเห็นแก่พันธมิตรกับตระกูลอะซะกุระจึงเข้าช่วยตระกูลอะซะกุระในการสงครามกับโนะบุนะงะ โนะบุนะงะสามารถเอาชนะทัพของทั้งสองตระกูลได้ในยุทธการอะเนะงะวะ (姉川の戦い) อีกสามปีต่อมา ค.ศ. 1573 โนะบุนะงะนำทัพเข้าล้อมปราสาทฮิกิดะ (疋壇城) ของโยะชิกะเงะ และปราสาทโอะดะนิ (ญี่ปุ่น: 小谷城โรมาจิOdani-jō) ของนะงะมะซะ และโนะบุนะงะสามารถเข้ายึดปราสาททั้งสองได้ในที่สุด โยะชิกะเงะหลบหนีไปยังปราสาทอิชิโจดะนิ (ญี่ปุ่น: 一乗谷城โรมาจิIchijōdani-jō) ส่วนนะงะมะซะกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิต โนะบุนะงะยกทัพตามไปปิดล้อมปราสาทอิชิโจดะนิ จนกระทั่งเข้ายึดปราสาทได้ และโยะชิกะเงะกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตไปเช่นเดียวกับนะงะมะซะ

นอกจากนี้ โนะบุนะงะยังทำการปราบปรามกบฏอิกโก อิกกิ (ญี่ปุ่น: 一向一揆โรมาจิIkkō-ikki) อันเป็นการรวมตัวกันของพระสงฆ์และชาวบ้านท้องถิ่นเพื่อต่อต้านการปกครองของชนชั้นซะมุไร มีฐานที่มั่นอยู่ที่วัดฮงงัง (ญี่ปุ่น: 本願寺โรมาจิHongan-ji) บนเขาอิชิยะมะ (ญี่ปุ่น: 石山โรมาจิIshiyama) เมืองโอซะกะในปัจจุบัน ในค.ศ. 1570 โนะบุนะงะยกทัพเข้าทำการปิดล้อมเขาอิชิยะมะแต่ถูกทัพของอิกโก-อิกกิขับไล่ออกไปได้ ปีต่อมาค.ศ. 1571 โนะบุนะงะยกทัพเข้าโจมตีเมืองนะงะชิมะ (ญี่ปุ่น: 長島โรมาจิNagashima) จังหวัดมิเอะในปัจจุบัน อันเป็นฐานที่มั่นอีกแห่งหนึ่งของอิกโก-อิกกิ หลังการโจมตีหลายครั้งในที่สุดเมืองนะงะชิมะก็เสียให้แก่โนะบุนะงะในค.ศ. 1574 ในค.ศ. 1576 โนะบุนะงะยกทัพเข้าทำการปิดล้อมเขาอิชิยะมะอีกครั้ง จนกระทั่งโนะบุนะงะสามารถเข้ายึดวัดฮงงังบนเขาอิชิยะมะได้ในค.ศ. 1580 หลังจากการปิดล้อมอยู่นานถึงสี่ปี เป็นการปิดล้อมครั้งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น กบฏอิกโก-อิกกิจึงถูกปราบลงได้สำเร็จ

รวมทั้งโนะบุนะงะยังได้ทำการปราบโซเฮ (ญี่ปุ่น: 僧兵โรมาจิSōhei) หรือพระนักรบ อันเป็นกองกำลังทหารที่สำคัญในภูมิภาคคันไซมาแต่ยุคเฮอัง มีฐานที่มั่นที่วัดเองยะกุ (ญี่ปุ่น: 延暦寺โรมาจิEnryaku-ji) บนเขาฮิเอะอิ (ญี่ปุ่น: 比叡โรมาจิHiei) จังหวัดชิงะในปัจจุบัน เนื่องจากโซเฮได้ให้การสนับสนุนแก่ตระกูลอะซะกุระและตระกูลอะซะอิในการต่อต้านโนะบุนะงะ ในค.ศ. 1571 โนะบุนะงะเข้ายึดเขาฮิเอะอิ ทำการกวาดล้างพระนักรบไปจนหมดสิ้น และในค.ศ. 1573 โนะบุนะงะทำการปลดโชกุนอะชิกะงะ โยะชิอะกิ ออกจากตำแหน่ง ล้มเลิกระบอบการปกครองของโชกุน เป็นการสิ้นสุดรัฐบาลโชกุนมุโระมะชิที่มีมายาวนานถึงสองร้อยกว่าปี

รวมอำนาจในภูมิภาคตะวันออก

แก้
 
อาณาเขตภายใต้การปกครองของโอะดะ โนะบุนะงะ เมื่อถึงแก่กรรมค.ศ. 1582

หลังจากที่โนะบุนะงะวางรากฐานอำนาจในเมืองเกียวโตภูมิภาคคันไซได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงหันความสนใจไปทางตะวันออก ในขณะนั้นภาคตะวันออกของญี่ปุ่นมีไดเมียวผู้ทรงอำนาจสองคนกำลังแย่งชิงความเป็นใหญ่ได้แก่ ทะเกะดะ ชิงเง็น (ญี่ปุ่น: 武田信玄โรมาจิTakeda Shingen) ไดเมียวแห่งแคว้นคะอิ (ญี่ปุ่น: 甲斐โรมาจิKai) จังหวัดยะมะนะชิในปัจจุบัน และอุเอะซุงิ เค็งชิง (ญี่ปุ่น: 上杉謙信โรมาจิUesugi Kenshin) ไดเมียวแห่งแคว้นเอะจิโงะ (ญี่ปุ่น: 越後โรมาจิEchigo) จังหวัดนิอิงะตะในปัจจุบัน ในค.ศ. 1572 โชกุนโยะชิอะกิได้ร้องขอให้ทะเกะดะชิงเง็นช่วยปราบโนะบุนะงะ ชิงเง็นจึงยกทัพเข้ารุกรานแคว้นโทะโตะมิ อันเป็นดินแดนของโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ โนะบุนะงะจึงส่งอิเอะยะซุไปทำการปราบทะเกะดะชิงเง็๋น ปรากฏว่าประสบกับความพ่ายแพ้ราบคาบต่อตระกูลทะเกะดะในยุทธการมิกะตะงะฮะระ (ญี่ปุ่น: 三方ヶ原の戦いโรมาจิMikatagahara-no-tatakai) แต่โชคก็เข้าข้างโนะบุนะงะเมื่อชิงเง็นได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในปีต่อมาค.ศ. 1573 ทะเกะดะ คะซึโยะริ (ญี่ปุ่น: 武田勝頼โรมาจิTakeda Katsuyori) ไดเมียวแห่งคะอิคนใหม่ยังอายุน้อยขาดประสบการณ์ ได้ยกทัพตระกูลทะเกะดะเข้าปิดล้อมปราสาทนะงะชิโนะ (ญี่ปุ่น: 長篠城โรมาจิNagashino-jō) ของตระกูลโทะกุงะวะในค.ศ. 1575 แต่พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงในยุทธการนะงะชิโนะ

เมื่อโนะบุนะงะประสบความสำเร็จในภูมิภาคตะวันออก ทำให้ไดเมียวอุเอะซุงิ เค็งชิง เกรงว่าโนะบุนะงะจะแผ่ขยายอำนาจเข้าครอบงำภาคตะวันออกได้สำเร็จ จึงเข้าร่วมกับตระกูลทะเกะดะต่อต้านการขยายดินแดนของโนะบุนะงะ ด้วยการรุกรานแค้วนโนะโตะ (ญี่ปุ่น: 能登โรมาจิNoto จังหวัดอิชิกะวะในปัจจุบัน) โนะบุนะงะส่งขุนพลระดับสูงเข้าต้านทานในยุทธการเทะโดะริกะวะ (ญี่ปุ่น: 手取川の戦いโรมาจิTedorigawa-no-tatakai) ในค.ศ. 1577 ผลปรากฏว่าฝ่ายของโนะบุนะงะพ่ายแพ้ ตระกูลอุเอะซุงิเข้ายึดแคว้นโนะโตะได้ แต่ทว่าไดเมียวอุเอะซุงิเค็งชินได้ถึงแก่กรรมในอีกห้าเดือนต่อมาในค.ศ. 1578 ทำให้ไดเมียวผู้มีอำนาจเพียงพอที่จะต้านทานการรุกรานของโนะบุนะงะหมดสิ้นไป โนะบุนะงะจึงสามารถเข้าครอบครองญี่ปุ่นภาคตะวันออกได้ในที่สุด

การปกครอง

แก้
 
โอะดะ โนะบุนะงะ, ภาพสเก็ตช์โดย โจวันนี นีโกเลา (Giovanni Nicolao) นักบวชในคณะเยซูอิตชาวอิตาลีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16

โนะบุนะงะเป็นผู้เริ่มก่อตั้ง "กองกำลังทหารอะชิงะรุ" ซึ่งมาจากบรรดาชาวบ้านธรรมดาที่อยากมีส่วนร่วมกับบ้านเมืองในการทำสงคราม ให้โอกาสผู้ที่อยากเป็นทหารแต่ไม่มีโอกาสได้เป็น ซึ่งจะแตกต่างจากไดเมียวคนอื่น ๆ กองกำลังของโนะบุนะงะจึงเป็นกองทัพที่มาจากชาวบ้านธรรมดา ไม่เหมือนกองกำลังอื่น ๆ ของไดเมียวที่มีแต่ซะมุไรจำนวนมาก กองกำลังอะชิงะรุแม้จะมาจากชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่าพวกเขามาด้วยใจที่รักบ้านเมือง แตกต่างจากซะมุไรที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง กองกำลังอะชิงะรุนั้นแม้มีศักยภาพในการทำสงครามไม่แพ้พวกซะมุไร แต่ก็แตกต่างกับซะมุไรผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้ง ที่ยอมพลีชีพในสงครามอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ถ้าถูกจับตัวได้จะไม่มีการซัดทอดโดยเด็ดขาด ยอมแม้แต่จะเซ็ปปุกุตัวเองเพื่อไม่ต้องตายโดยน้ำมือผู้อื่น

กองกำลังอะชิงะรุพ่ายแพ้สงครามบ้างเป็นครั้งคราวเพราะความกลัวตาย ทำให้โนะบุนะงะต้องวางแผนในการทำสงครามใหญ่ ในระหว่างนั้นมีชาวโปรตุเกสเข้ามาติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่น และเผยแผ่ศาสนาคริสต์และปืน อาวุธที่ช่างโปรตุเกสนำมาด้วย หลังจากได้ศึกษาปืนของชาวโปรตุเกสแล้ว โนะบุนะงะมองเห็นว่าอาวุธชนิดนี้สามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งให้แก่ตนได้

ในปี ค.ศ. 1544 โนะบุนะงะก็สั่งให้ช่างชาวญี่ปุ่นแกะและสร้างปืนตามแบบฉบับของชาวโปรตุเกส โดยก่อตั้งโรงงานผลิตอาวุธขึ้น สั่งให้ช่างชาวญี่ปุ่นผลิตปืนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อไดเมียวทั้งหลาย เห็นศักยภาพอาวุธปืนของโอะดะ ต่างพากันหันมาเปลี่ยนอาวุธจากเดิมคือดาบ ธนู หรือธนูเพลิง มาเป็นอาวุธปืนเช่นเดียวกับโนะบุนะงะแทบทั้งสิ้น เพราะอาวุธปืนนั้นสามารถฝึกฝนการใช้งานได้อย่างง่าย ไม่เหมือนกับดาบหรือธนูที่ต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝนอย่างยาวนาน

แม้ศัตรูอย่าง อะชิคะงะ โยะชิอะกิ อดีตโชกุนผู้เป็นหุ่นเชิดของโนะบุนะงะจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่โนะบุนะงะกลับยังมีศัตรูจำนวนมากที่เป็นปรปักษ์กับเขา หนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของเขาคือพระ นักพรต และนักรบ พระนักรบและนักพรตจำนวนมากต่อต้านและท้าทายอำนาจของโนะบุนะงะ เขาทำสงครามกวาดล้างพระนักรบหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งการรบกันระหว่างพระนักรบและโนะบุนะงะครั้งที่สำคัญที่สุดคือ การบุกเข้าทำลายล้างสำนักสงฆ์ของพระนักรบบนเทือกเขาฮิเออัน ซึ่งเป็นพุทธสถานที่เก่าแก่ มีอายุหลายพันปี

ในการทำสงครามกวาดล้างสำนักสงฆ์ของกลุมกบฏอิคโค อิคิ โนะบุนะงะสั่งการให้กองกำลังทหารจำนวนมากกว่า 30,000 นาย เข้าโอบล้อมเทือกเขาฮิเออันก่อนจะตีโอบตะลุยขึ้นไปยังวัดซะกะโมะโตะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ของอิคโค อิคิ และเป็นจุดศูนย์กลางของพระนักรบ และการกวาดล้างพระนักรบในครั้งนี้เองที่โนะบุนะงะได้แสดงความโหดร้ายออกมาอย่างชัดเจน เขาออกคำสั่งให้ฆ่าทุกคนที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาฮิเออันจนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือเด็กทารก สั่งให้กองกำลังทหารของตน เผาทำลายบ้านเรือนทุกหลังจนวอดวาย และให้กองกำลังทหารของเขาบุกโจมตีพระพุทธสถานแห่งอื่น ๆ ที่มีทีท่าว่าจะก่อการกบฏต่อเขา

จากการทำสงครามกับสำนักสงฆ์ที่โนะบุนะงะได้แสดงความเหี้ยมโหดออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่ว ถึงกระนั้นโนะบุนะงะก็ยังคงเป็นขุนพลนักรบที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาไม่ได้ทำลายเมืองซะคะอิ ซึ่งเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่น นอกจากไม่ทำลายแล้วยังยื่นมือเข้าช่วยเหลือแก่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ประกอบการค้าขายรายใหญ่ ๆ ของเมืองซะคะอิ เขาวางรากฐานของการค้าและเศรษฐกิจอย่างดี โดยให้สิทธิพิเศษแก่พ่อค้าแม่ค้าในด้านภาษีอากร ควบคุมการชั่ง การตวง และวัดสิ่งของให้ได้ตามระบบมาตรฐานของประเทศ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นในขณะนั้นไม่ได้มีแต่ด้านมืดด้านเดียวอย่างที่ควรจะเป็น โอะดะ โนะบุนะงะอาจจะดูโหดร้าย สร้างศัตรูไว้มากมาย แต่เขาก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้มาอย่างโชกโชน จวบจนวาระสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของอะเกะชิ มิสึฮิเดะ

สิ้นสุดการปกครอง

แก้
 
โอะดะ โนะบุนะงะลงโทษอะเคะจิ มิสึฮิเดะ ต่อหน้าคณะขุนศึก, ภาพอุกิโยะสมัยเมจิ

ในช่วงค.ศ. 1576 - 1580 ระหว่างที่โนะบุนะงะทำการล้อมวัดอิชิยะมะบนเขาฮงอันอยู่นั้น ไดเมียวโมริ เทะรุโมะโตะ (ญี่ปุ่น: 毛利輝元โรมาจิMōri Terumoto) แห่งแคว้นอะกิ (ญี่ปุ่น: 安芸โรมาจิAki จังหวัดฮิโระชิมะในปัจจุบัน) ซึ่งกำลังเรืองอำนาจอยู่ในภูมิภาคชูโงะกุในขณะนั้น ได้ส่งเสบียงมาช่วยเหลือวัดอิชิยะมะทำให้วัดอิชิยะมะสามารถต้านทานการปิดล้อมของโนะบุนะงะได้ โนะบุนะงะจึงมีแผนการพิชิตตระกูลโมริแห่งชูโงะกุโดยแต่งตั้งให้ฮะชิบะ ฮิเดะโยะชิ (ญี่ปุ่น: 羽柴秀吉โรมาจิHashiba Hideyoshi ต่อมาคือโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ) เป็นผู้ยกทัพเข้ายึดครองภูมิภาคชูโงะกุในค.ศ. 1576 ระหว่างที่ทำสงครามเพื่อขยายดินแดนอยู่นั้น ในค.ศ. 1582 ฮิเดะโยะชิได้ขอกำลังเสริมจากโนะบุนะงะ โนะบุนะงะจึงมอบหมายให้อะเกะชิ มิสึฮิเดะ (ญี่ปุ่น: 明智光秀โรมาจิAkechi Mitsuhide) เป็นผู้นำกำลังเสริมไปช่วยเหลือฮิเดะโยะชิ ในฐานะผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของฮิเดะโยะชิ

อะเกะชิ มิซึฮิเดะ เป็นขุนพลระดับสูงของตระกูลโอะดะ ทำสงครามรับใช้โนะบุนะงะมานานมีผลงานมากมาย ใน ค.ศ. 1579 โนะบุนะงะสั่งการให้มิซึฮิเดะนำทัพบุกโจมตีปราสาทยะงะมิของตระกูลฮะตะโนะ (ญี่ปุ่น: 波多野โรมาจิHatano) ในเมืองเกียวโต แต่มิซึฮิเดะเลือกใช้วิธีเจรจา เชื่อว่ามิซึฮิเดะส่งมารดาของตนไปเป็นตัวประกัน แต่พวกฮะตะโนะคิดการจะลอบสังหารโนะบุนะงะแล้วแสร้งมาขอสวามิภักดิ์ โนะบุนะงะจึงสั่งประหารชีวิตคนเหล่านั้นทั้งหมด ส่งผลให้มารดาของมิซึฮิเดะต้องโดนสังหารไปด้วย มิซึฮิเดะจึงมีความเจ็บแค้นแล้วจำฝังใจเรื่อยมา[1]

 
การลอบสังหารโอะดะ โนะบุนะงะที่วัดฮนโนจิ, ภาพพิมพ์ในสมัยเมจิ

ในค.ศ. 1582 มิซึฮิเดะได้รับมอบหมายให้นำกำลังเสริมไปช่วยเหลือฮิเดะโยะชิในฐานะผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของฮิเดะโยะชิ ซึ่งเป็นการดูถูกมิซึฮิเดะอย่างมากด้วยเหตุที่มิซึฮิเดะมีตำแหน่งและอำนาจไม่ได้เป็นรองจากฮิเดะโยะชิ[2] เวลานั้น มิซึฮิเดะทราบว่าโนะบุนะงะเพิ่งเสร็จสิ้นจากงานเลี้ยงน้ำชาต้อนรับอิเอะยะซึ แล้วเดินทางพร้อมทหารองครักษ์ประจำตัวไม่ถึงร้อยคนไปพำนักอยู่ที่วัดฮนโน (ญี่ปุ่น: 本能寺โรมาจิHonnō-ji) ในเมืองเกียวโต ซึ่งอยู่ในเขตปกครองของโนะบุนะงะเอง ทำให้เขาประมาทและไม่ได้เตรียมตัวว่าจะโดนก่อกบฎหรือลอบโจมตี[3] มิซึฮิเดะแสร้งทำเป็นว่ายกทัพออกไปจากเมืองเกียวโตแต่กลับมาเข้าบุกโจมตีวัดฮนโน ฝ่ายโนะบุนะงะมีกองกำลังเพียงเล็กน้อยไม่สามารถต้านทานได้ ไม่มีใครพบร่างของโนะบุนะงะแต่คาดว่าโนะบุนะงะน่าจะกระทำการเซ็ปปุกุถึงแก่กรรมไปในวัดฮนโนนั่นเอง โอะดะ โนะบุตะดะ (ญี่ปุ่น: 織田信忠โรมาจิOda Nobutada) บุตรชายคนโตของโนะบุนะงะถูกปิดล้อมอยู่ในวัดอีกแห่งหนึ่งในเกียวโตเช่นกัน และกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตไปเช่นเดียวกับบิดา

ฝ่ายฮิเดะโยะชิเมื่อทราบข่าวการลอบสังหารโนะบุนะงะ จึงรีบยุติสงครามในภูมิภาคชูโงะกุทันทีและรีบยกทัพมายังเมืองเกียวโตเพื่อทำการแก้แค้นให้แก่นายของตน ทัพของฮิเดะโยะชิและมิซึฮิเดะปะทะกันในยุทธการยะมะซะกิ (ญี่ปุ่น: 山崎の戦いโรมาจิYamazaki-no-tatakai) ในค.ศ. 1583 ฮิเดะโยะเป็นฝ่ายชนะและมิซึฮิเดะเสียชีวิตในที่รบ

เมื่อโอะดะ โนะบุนะงะ ถูกลอบสังหารที่วัดฮนโนพร้อมกับบุตรชายคนโตผู้เป็นทายาทสืบทอดตระกูล ทำให้ตระกูลโอะดะขาดทายาท บุตรชายคนที่สองและคนที่สามของโนะบุนะงะคือ โอะดะ โนะบุกะซึ (ญี่ปุ่น: 織田信雄โรมาจิOda Nobukatsu) และโอะดะ โนะบุตะกะ (ญี่ปุ่น: 織田信孝โรมาจิOda Nobutaka) ต่างต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลโอะดะ แต่ทว่าอำนาจในการปกครองที่แท้จริงนั้นตกเป็นของฮะชิบะ ฮิเดะโยะชิ จนในค.ศ. 1584 ฮิเดะโยะชิสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของญี่ปุ่นแทนที่ตระกูลโอะดะได้สำเร็จ การปกครองญี่ปุ่นของตระกูลโอะดะเป็นเวลาเกือบ 20 ปีจึงสิ้นสุดลง และถูกลดสถานะลงเป็นเพียงไดเมียวตระกูลหนึ่ง

ครอบครัว

แก้
  • บิดา: โอดะ โนะบูฮิเดะ (織田信秀 ค.ศ. 1510 - 1551)
  • มารดา: โดตะ-โงเซ็ง (土田御前 ? - ค.ศ. 1594)
  • พี่น้อง:
    • โอะดะ โนะบุฮิโระ (織田信広 - ค.ศ. 1574)
    • โอดะ โนะบูยูกิ (織田信行 ค.ศ. 1536 - 1557) มารดาเดียวกัน
    • โอะดะ โนะบุกะเนะ (織田信包 ค.ศ. 1543 - 1614) มารดาเดียวกัน
    • โอะดะ โนะบุฮะรุ (織田信治 ค.ศ. 1545 - 1570)
    • โอะดะ โนะบุโตะกิ (織田信時 - ค.ศ. 1556)
    • โอะดะ โนะบุโอะกิ (織田信興 - ค.ศ. 1570)
    • โอะดะ โนะบุตะกะ (織田信孝 - ค.ศ. 1555) มารดาเดียวกัน
    • โอะดะ ฮิเดะนะริ (織田秀成 - ค.ศ. 1574)
    • โอะดะ โนะบุเตะรุ (織田信照 - ค.ศ. 1610)
    • โอะดะ นะงะมะซุ (織田長益 ค.ศ. 1547 - 1622)
    • โอะดะ นะงะโตะชิ (織田長益 - ค.ศ. 1582)
    • โอะ-อินุ-โนะ-คะตะ (お犬の方 - ค.ศ. 1582) มารดาเดียวกัน
    • โอะ-อิจิ-โนะ-คะตะ (お市の方 ค.ศ. 1547 - 1583) มารดาเดียวกัน สมรสกับ อะซะอิ นะงะมะซะ และต่อมาสมรสกับ ชิบะตะ คะซึอิเอะ
  • ภรรยาเอก: โนฮิเมะ (濃姫) บุตรสาวของไซโต โดซัง (斎藤道三)
  • ภรรยาน้อย: อิโกะมะ คิซึโนะ (生駒吉乃) บุตรสาวของ อิโกะมะ อิเอะมุเนะ (生駒家宗)
    • บุตรชายคนที่ 1: โอะดะ โนะบุตะดะ (織田信忠 ค.ศ. 1557 - 1582)
    • บุตรชายคนที่ 2: โอะดะ โนะบุกะซึ (織田信雄 ค.ศ. 1558 - 1630) ไปเป็นบุตรบุญธรรมของ คิตะยะมะ โทะโมะฟุซะ (北畠具房)
    • บุตรสาวคนที่ 1: โทะกุ-ฮิเมะ (徳姫 ค.ศ. 1559 - 1636) สมรสกับมะซึไดระ โนะบุยะซุ (松平信康) บุตรชายของโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ
  • ภรรยาน้อย: นางซะกะ (Saka)
    • บุตรชายคนที่ 3: โอะดะ โนะบุตะกะ (織田信孝 ค.ศ. 1558 - 1583)
  • ไม่ทราบมารดา
    • บุตรสาวคนที่ 2: ฟุยุ-ฮิเมะ (冬姫 ค.ศ. 1561 - 1641)
    • บุตรชายคนที่ 4: ฮะชิบะ ฮิเดะกะซึ (羽柴秀勝 ค.ศ. 1568 - 1586) บุตรบุญธรรมของโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ
    • บุตรสาวคนที่ 3: โอะดะ ฮิเดะโกะ (織田秀子 - ค.ศ. 1632)
    • บุตรสาวคนที่ 4: เอ-ฮิเมะ (永姫 ค.ศ. 1574 - 1623) สมรสกับ มะเอะดะ โทะชินะงะ บุตรชายของมะเอะดะ โทะชิอิเอะ

วัฒนธรรมสมัยนิยม

แก้

ชื่อของเขาได้มีการถูกนำมาใช้ในการ์ตูนในหลายเรื่อง เช่น

อ้างอิง

แก้
  1. ยศไกร ส.ตันสกุล, 2559, หน้า 249
  2. ยศไกร ส.ตันสกุล, 2559, หน้า 251
  3. ยศไกร ส.ตันสกุล, 2559, หน้า 252

บรรณานุกรม

แก้
  • ยศไกร ส.ตันสกุล (2559). โอดะ โนบุนางะ พลิกวิถีผู้นำญี่ปุ่น. สำนักพิมพ์แสงดาว. ISBN 9786163880918.