แวน มอร์ริสัน
แวน มอร์ริสัน, โอบีอี (อังกฤษ: Van Morrison, OBE) เกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ในเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง มีชื่อเสียงในพฤติกรรมดื้อรั้น[1][2] นิสัยแปลก[3] และสุดขีด[4] การแสดงสดของเขาเป็นแรงบันดาลที่ดีเยี่ยมและยอดเยี่ยม[5][6] ขณะที่ผลงานเพลงของเขาอย่างเช่นผลงานสตูดิโออัลบั้มชุด Astral Weeks และ Moondance และผลงานอัลบั้มแสดงสด It's Too Late to Stop Now ที่ได้รับเสียงตอบรับยอดเยี่ยม
แวน มอร์ริสัน | |
---|---|
Van Morrison at Marin Civic Center, 2007 | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ชื่อเกิด | จอร์จ ไอแวน มอร์ริสัน |
รู้จักในชื่อ | Van the Man The Belfast Cowboy |
เกิด | 31 สิงหาคม ค.ศ. 1945 |
ที่เกิด | เบลฟาสต์, ไอร์แลนด์เหนือ |
แนวเพลง | บลูส์, ริทึมแอนด์บลูส์, โฟล์ก, บลูอายด์โซล, เคลติก, ร็อกแอนด์โรล, แจ๊ซ, คันทรี |
อาชีพ | นักร้อง-นักดนตรี นักแต่งเพล |
เครื่องดนตรี | ร้อง, กีตาร์, ฮาร์โมนิกา, แซกโซโฟน, คีย์บอร์ด, กลอง, แทมบูรีน, ukelele |
ช่วงปี | 1958–ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | Decca, Bang, Warner Bros., London, Mercury, Exile/Polydor, Lost Highway Records, Listen to the Lion/EMI |
เว็บไซต์ | www.vanmorrison.com |
เขามีผลงานระดับอาชีพเมื่อตอนเขายังเป็นวัยรุ่น ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 เขาเล่นเครื่องดนตรีได้หลายประเภทอย่าง กีตาร์ ฮาร์โมนิกา คีย์บอร์ด แซกโซโฟน กับวงที่ทำเพลงเก่ามาทำใหม่ ก่อนที่จะมาโดดเด่นในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1960 ในฐานะนักร้องนำวงเด็ม ที่เป็นวงการาจมีเพลงฮิตอย่าง "Gloria" เขาออกผลงานเดี่ยวมีผลงานซิงเกิ้ลดังอย่าง "Brown Eyed Girl" ในปี 1967 ของเบิร์ต เบิร์นส หลังจากที่เบิร์นสเสียชีวิต วอร์เนอร์ บรอส. เรเคิดส์ได้ซื้อสัญญาของเขาและให้เขามีผลงานแสดงในชุด Astral Weeks ในปี 1968[7] ถึงแม้ว่าอัลบั้มนีได้รับคำชมเชยอย่างมาก แต่ในช่วงแรกกระแสตอบรับไม่ค่อยดี อย่างไรก็ตาม อัลบั้มถัดมา Moondance ทำให้มอร์ริสันถือเป็นศิลปินใหญ่[8] และเมื่อผ่านยุคคริสต์ทศวรรษ 1970 เขามีผลงานที่ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีหลายอัลบั้มรวมถึงการแสดงสด มอร์ริสันก็ยังออกผลงานเพลงและออกทัวร์ และยังร่วมงานกับศิลปินอื่นอย่าง จอร์จี เฟม และเดอะชีฟเทนส์ และในปี 2008 เขาแสดงสด Astral Weeks ครั้งแรกหลังปี 1968
ดนตรีของเขามีรูปแบบเป็นดนตรีโซล อาร์แอนด์บี อย่างเช่นซิงกิ้ลเพลงดังอย่าง "Brown Eyed Girl", "Moondance", "Domino" และ "Wild Night" ทั้งดนตรีที่มีความยาว การเชื่อมโยงหลวม ๆ ดนตรีการเดินทาง ที่ได้รับอิทธิพลดนตรีเคลติกพื้นถิ่น แจ๊ซ กระแสสำนึกเรื่องบอกเล่า อย่างเช่นผลงาน Astral Weeks และผลงานที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าอย่าง Veedon Fleece และ Common One[9][10] ในบางครั้งสองอัลบั้มนี้เรียกว่า แนวเคลติกโซล[11]
มอร์ริสันได้รับรางวัลแกรมมี่ 6 ครั้งและยังมีชื่ออยู่ทั้งใน ร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟมและซองไรเตอร์สฮอลออฟเฟม
อ้างอิง แก้
- ↑ The word curmudgeonly is commonly used. "BBC – Music – Review of Van Morrison – Tupelo Honey". www.bbc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2009-04-18.
- ↑ The great rock discography[ลิงก์เสีย], page 551, M. C. Strong, Giunti, 1998, ISBN 8809215222
- ↑ "Van Morrison: No Guru, No Method, No Teacher : Music Reviews : Rolling Stone". rollingstone.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-22. สืบค้นเมื่อ 2009-04-18.
- ↑ Collis (1996), page 185.
- ↑ Selvin, Joel. San Francisco Chronicle Van Morrison's transcendent 'Astral' at Greek, Monday, May 4, 2009. Retrieved 26 May 2009
- ↑ Colt, Jonathan. "Back to a shadow in the night". books.google.com. สืบค้นเมื่อ 2009-05-12.
- ↑ Turner (1993). pages 86 – 90
- ↑ Eskow, Gary (2005-04-01). "Classic Tracks: Van Morrison's Moondance". mixonline.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-04-19. สืบค้นเมื่อ 2009-05-26.
- ↑ SHOF: Van Morrison biography. songwritersshalloffame.org. Retrieved on 2008-07-07.
- ↑ Ballon, John. Musthear review: Veedon Fleece. musthear.com. Retrieved on 2008-06-30.
- ↑ Levy, Joe (2007-08-07). Alternate Takes: Van the Journeyman. rollingstone.com. Retrieved on 2009-06-02.