แม่ตาวคลินิก
แม่ตาวคลินิก (อังกฤษ: Mae Tao Clinic; อักษรย่อ: MTC) หรือที่รู้จักกันในชื่อคลินิกของ พญ. ซินเธีย ที่ตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้ง ซินเธีย หม่อง เป็นองค์การชุมชน (CBO) ซึ่งให้บริการด้านสุขภาพเบื้องต้นและการคุ้มครองชุมชนจากพม่า/เมียนมาร์ในภาคตะวันตกของประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2532 โดยตั้งอยู่ในเมืองชายแดนเทศบาลนครแม่สอด ที่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 500 กม. และรองรับประชากรได้ประมาณ 150,000 – 250,000 คน[1] ที่อาศัยอยู่ในเขตภูเขาของพม่า และเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือแรงงานข้ามชาติชาวพม่าที่เติบโตในประเทศไทย ซึ่งอาศัยอยู่ในและรอบ ๆ แม่สอด โดยแม่ตาวคลินิกให้คำปรึกษาเฉลี่ย 110,000 ครั้งต่อปี โดยในจำนวนนี้ 52 เปอร์เซ็นต์อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารและผู้พลัดถิ่นเนื่องจากความขัดแย้งทางอาวุธหรือ/และความยากจน และอีก 48 เปอร์เซ็นต์ได้ข้ามพรมแดนเพื่อขอรับบริการด้านสุขภาพ[2][3]
แม่ตาวคลินิก | |
---|---|
ภูมิศาสตร์ | |
ที่ตั้ง | เทศบาลนครแม่สอด, ประเทศไทย |
พิกัด | 16°43′08″N 98°32′03″E / 16.7189°N 98.534300°E |
หน่วยงาน | |
ประเภท | คลินิก |
ประวัติ | |
เปิดให้บริการ | พ.ศ. 2531 |
ประวัติ
แก้ใน พ.ศ. 2531 ระหว่างการปกครองของรัฐบาลทหารของประเทศพม่าในการปราบปรามขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างรุนแรงซึ่งสิ้นสุดลงในการลุกฮือใน พ.ศ. 2531 (ดูการก่อการกำเริบ 8888) ซินเธีย หม่อง เป็นหนึ่งในชาวพม่าจำนวนมากที่หนีข้ามพรมแดนเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งเธอได้ก่อตั้งสถานที่ชั่วคราวในแม่สอด เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเพื่อนผู้ลี้ภัย โดยในปีนั้น ทางคลินิกได้ทำการรักษาไปประมาณ 2,000 คน[4] คลินิกดังกล่าวได้เติบโตขึ้นเพื่อให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ, บริการทางสังคม, การฝึกอบรม และโครงการขยายงาน ตลอดจนการคุ้มครองเด็กและการศึกษาด้านสุขภาพ ซึ่งใน พ.ศ. 2549 ทางคลินิกได้ให้รักษาไป 80,000 คน[5]
คนเจ็บของแม่ตาวคลินิกรวมถึงผู้ป่วยและผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่มาจากรัฐกะเหรี่ยงซึ่งถูกกดดันจากหมู่บ้านของพวกเขา[6] ที่ถูกเผาเป็นประจำตามนโยบาย 'กลยุทธ์ผลาญภพ' ของรัฐบาลเผด็จการทหาร อันเป็นส่วนหนึ่งของหลักนิยมครอบคลุมที่เรียกว่า 'ตัด 4 ประการ'[7]
ในฤดูร้อน พ.ศ. 2551 เมื่อประธานาธิบดี จอร์จ บุช มาเยือนประเทศไทย ลอรา ผู้เป็นภริยาของเขาได้ไปเยี่ยมคลินิกดังกล่าว และพูดถึงการสนับสนุนหม่อง รวมถึงงานของคลินิก[8]
วัตถุประสงค์แม่ตาวคลินิก
แก้- เพื่อให้บริการด้านสุขภาพแก่ชาวพม่าพลัดถิ่นตามแนวชายแดนไทย-พม่า
- เพื่อให้การฝึกอบรมเบื้องต้นแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและการศึกษาทางการแพทย์ที่ตามมา
- เพื่อเสริมสร้างระบบข้อมูลสุขภาพตามแนวชายแดน
- เพื่อทำให้สุขภาพ, ความรู้, ทัศนคติ และการปฏิบัติภายในประชากรชาวพม่าในท้องถิ่นดีขึ้น
- เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์การสุขภาพชนกลุ่มน้อยในท้องถิ่น
- เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและสถาบันระหว่างประเทศ[1]
บริการทางการแพทย์
แก้- บริการทางการแพทย์โอพีดี (แผนกผู้ป่วยนอก)
- บริการทางการแพทย์ไอพีดี (แผนกผู้ป่วยใน)
- บริการศัลยกรรมโอพีดี/ไอพีดี
- อนามัยการเจริญพันธุ์โอพีดี/ไอพีดี
- บริการสุขภาพเด็กโอพีดี/ไอพีดี
- สุขศึกษาและการให้คำปรึกษา
- ห้องปฏิบัติการและธนาคารเลือด
- การดูแลดวงตาปฐมภูมิและการศัลยกรรมตา
- กายอุปกรณ์และการฟื้นฟูสมรรถภาพ
- การรักษาโรคมาลาเรีย
- การป้องกันเอชไอวี/เอดส์ (เลือดปลอดภัย, วีทีซี (บริการให้การปรึกษาเพื่อการตรวจเลือดโดยสมัครใจและเป็นความลับ))
- การค้นหาและส่งต่อผู้ป่วยวัณโรค
- การส่งต่อโรงพยาบาลแม่สอด
- ศูนย์พัฒนาเด็ก (โรงเรียนระดับเค-12) จำนวน 892 คน (ปีการศึกษา 2560 – 2561)
- หอพักนักศึกษา กศน. เด็ก 214 คน
- โครงการอาหารแห้งสำหรับหอพักนักเรียน 1,964 คน
- บริการด้านสุขภาพ - บุคลากร 240 คน
- อบรมและส่งเสริมสุขภาพชุมชน - บุคลากร 21 คน
- ฝ่ายปฏิบัติการ - บุคลากร 31 คน
- บริการสุขภาพฐานพม่า (รวม : ผู้ช่วยแพทย์) บุคลากร 57 คน (8 + 49 คน)
- การคุ้มครองเด็ก - บุคลากร 20 คน
- การศึกษา - บุคลากร 60 คน
- รวม - บุคลากร 489 คน (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2560)
พญ. ซินเธีย หม่อง
แก้ซินเธีย หม่อง - ในสมัยปัจจุบันบางครั้งเป็นที่รู้จักในฐานะ 'แม่ชีเทเรซาแห่งพม่า'[11] - เกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2502 ในเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า (หรือที่รู้จักในชื่อเมียนมาร์) เธอเป็นลูกคนที่สี่ในจำนวนทั้งหมดแปดคน โดยสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการแพทย์มหาวิทยาลัยย่างกุ้งเมื่อ พ.ศ. 2528 การมีส่วนร่วมของ พญ. หม่อง ต่อชุมชนผู้ลี้ภัยชาวพม่าในประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการรางวัลรามอน แมกไซไซ สาขาผู้นำชุมชน ซึ่งกล่าวว่า:
‘[ใ]นการเลือกซินเธีย หม่อง ให้ได้รับรางวัล พ.ศ. 2545 [...] คณะกรรมการมูลนิธิตระหนักถึงการตอบสนองอย่างมีมนุษยธรรม และไร้ความกลัวของเธอต่อความต้องการทางการแพทย์เร่งด่วนของผู้ลี้ภัย รวมถึงผู้พลัดถิ่นหลายพันคนตามแนวชายแดนไทย-พม่า’[12]
แม้ว่าเธอจะช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่น แต่รัฐบาลไทยกลับไม่ยอมรับสถานะการเป็นพลเมืองของเธออย่างเป็นทางการ โดยพื้นฐานแล้วเธอเป็นคนไร้สัญชาติและไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง ซึ่งทำให้การดำรงอยู่ของเธอในประเทศไทยไม่ปลอดภัยและทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของคลินิก[13]
รางวัลที่ได้รับ
แก้- พ.ศ. 2561 - รางวัลเอ็น-พีซ ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ[14]
- พ.ศ. 2561 - รูซ์ไพร์ซ[15][16]
- พ.ศ. 2560 - สหพันธ์แบปทิสต์โลกยกย่องผลงานของซินเธีย หม่อง ที่แม่ตาวคลินิก
- พ.ศ. 2558 - รางวัลมูลนิธิอิลกา ครั้งที่ 25 สำหรับการบริการสาธารณะ
- พ.ศ. 2556 - รางวัลสันติภาพซิดนีย์
- พ.ศ. 2555 - รางวัลประชาธิปไตยของกองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ประจำ พ.ศ. 2555
- พ.ศ. 2552 - รางวัลผู้สร้างแรงบันดาลใจ จาก "คนค้นฅน" ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์ไทย
- พ.ศ. 2551 - รางวัลนานาชาติแคว้นกาตาลุญญาร่วมกับอองซานซูจี[17]
- พ.ศ. 2550 - รางวัลประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (มูลนิธิไต้หวันเพื่อประชาธิปไตย)[18]
- พ.ศ. 2550 - รางวัลเด็กแห่งโลก สำหรับรางวัลสิทธิเด็กกิตติมศักดิ์ (สมาคมเด็กแห่งโลก ประเทศสวีเดน)[19]
- พ.ศ. 2548 - ได้รับการเสนอชื่อจากโครงการผู้หญิง 1,000 คน เพื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
- พ.ศ. 2548 - รางวัลวีรบุรุษแห่งความเมตตาอันซัง จากทะไลลามะและภูมิปัญญาในการดำเนินการ
- พ.ศ. 2548 - รางวัลความกังวลระดับโลกสำหรับชีวิตมนุษย์ครั้งที่แปด
- พ.ศ. 2548 - รวมอยู่ในบทความเดือนพฤศจิกายนของไทม์แมกกาซีนเรื่อง 18 วีรบุรุษด้านสุขภาพระดับโลก[20]
- พ.ศ. 2545 - รางวัลแมกไซไซสำหรับผู้นำชุมชน
- พ.ศ. 2544 - รางวัลพิเศษเอเชีย จากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชน
- พ.ศ. 2544 - รางวัลฟัน เฮเฟน กูดฮาร์ต
- พ.ศ. 2542 - รางวัลด้านสุขภาพและสิทธิมนุษยชนโจนาธอน แมนน์
- พ.ศ. 2542 - รางวัลประธานสมาคมการแพทย์สตรีอเมริกัน
- พ.ศ. 2542 - รางวัลเสรีภาพจอห์น ฮัมฟรีย์[21]
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 "Archived copy of Maetao Clinic, About Us". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-31. สืบค้นเมื่อ 2008-08-20.
- ↑ "Mae Tao Clinic Annual Report 2016" (PDF). Maetaoclinic.org.
- ↑ "From Rice Cooker to Autoclave at Dr. Cynthia's Mae Tao Clinic: Twenty Years of Health, Human Rights and Community Development in the Midst of War" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2010-06-13.
- ↑ "Saving lives on the Burmese border". BBC News. 5 March 2007.
- ↑ "Saving lives on the Burmese border". News.bbc.co.uk. 5 March 2007. สืบค้นเมื่อ 28 September 2018.
- ↑ "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-21. สืบค้นเมื่อ 2008-08-22.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ "Ingenitex Media". Burmaissues.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-03-10. สืบค้นเมื่อ 28 September 2018.
- ↑ "Statement by Mrs. Laura Bush After a Visit to Mae Tao Clinic". Georgewbush-whitehouse.archives.gov. สืบค้นเมื่อ 28 September 2018.
- ↑ MTC Child Protection Department internal resource
- ↑ MTC HR Internal source
- ↑ "Malaria as a weapon of war". Briarpatchmagazine.com. สืบค้นเมื่อ 28 September 2018.
- ↑ "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-11. สืบค้นเมื่อ 2008-08-20.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ "THAILAND: Dr Cynthia's clinic targeted by Thai Government's crackdown on migrant workers — Asian Human Rights Commission". Asian Human Rights Commission. สืบค้นเมื่อ 28 September 2018.
- ↑ "Dr. Cynthia Maung Wins UNDP's N-Peace Award". The Irrawaddy (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2018-11-28. สืบค้นเมื่อ 2021-04-14.
- ↑ "2018 Roux Prize: Cynthia Maung". Institute for Health Metrics and Evaluation (ภาษาอังกฤษ). 2018-12-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-14. สืบค้นเมื่อ 2021-04-14.
- ↑ "Dr. Cynthia Wins the Roux Prize". Chiang Mai International Rotary (ภาษาอังกฤษแบบแคนาดา). สืบค้นเมื่อ 2021-04-14.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-08-26. สืบค้นเมื่อ 2010-09-16.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-25. สืบค้นเมื่อ 2010-08-08.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ "Home - World's Children's Prize". Worldschildrensprize.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-24. สืบค้นเมื่อ 28 September 2018.
- ↑ "TIME Magazine -- U.S. Edition -- November 7, 2005 Vol. 166 No. 19". Content.time.com. สืบค้นเมื่อ 28 September 2018.
- ↑ "John Humphrey Freedom Award 2009". Rights & Democracy. 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 September 2011. สืบค้นเมื่อ 11 May 2011.