แคลวิน แฮร์ริส
แอดัม ริชาร์ด ไวเลส (อังกฤษ: Adam Richard Wiles) เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1984[4] เป็นที่รู้จักในชื่อ แคลวิน แฮร์ริส เป็นดีเจ โปรดิวเซอร์เพลง นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวสกอตแลนด์
แคลวิน แฮร์ริส | |
---|---|
![]() แฮร์ริสในปี 2008 | |
เกิด | แอดัม ริชาร์ด ไวเลส ดัมฟรีส ประเทศสกอตแลนด์ |
สัญชาติ | ![]() |
อาชีพทางดนตรี | |
เครื่องดนตรี |
|
เขาเป็นที่รู้จักจากซิงเกิล We Found Love, This Is What You Came For, Summer, Feel So Close, Outside, Feels และ One Kiss การร่วมงานกับรีแอนนาในเพลง We Found Love กลายเป็นความสำเร็จในระดับสากลทำให้แฮร์ริสมีซิงเกิลอันดับหนึ่งในบิลบอร์ดฮอต 100 ของสหรัฐอเมริกา เขาได้ออกสตูดิโออัลบั้ม 5 อัลบั้มและบริหารค่ายเพลงของตัวเอง Fly Eye Records ซึ่งก่อตั้งในปี 2010
อาชีพดนตรี
แก้อาชีพช่วงเริ่มต้น (ค.ศ. 2002–2006)
แก้ผลงานช่วงแรกที่ประสบความสำเร็จของแฮร์ริสในช่วงแรกสุด เมื่อเขาอายุ 21 ปี คือเพลง "Da Bongos" และ "Brighter Days" ออกวางขายในรูปแบบคลับซิงเกิล 12 นิ้ว กับสังกัดพริมาเฟซี ต้นปี 2002 ภายใต้ชื่อ Stouffer[5]
แฮร์ริสเซ็นสัญญากับอีเอ็มไอ (จัดจำหน่าย) และโซนีบีเอ็มจี (เพลง) ในปี 2006 หลังจากที่เขาถูกค้นพบผ่านทางเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ มายสเปซ แฮร์ริสย้ายกลับจากลอนดอนไปยังเมืองบ้านเกิดดัมฟรีส์ เพราะเขาไม่สามารถหางานทำได้[6] เขาออกผลงานเพลงเพียง 1 เพลงในปี 2004 กับศิลปิน อายาห์ เพลงปรากฏอยู่ในอัลบั้ม Electric Soul 2 ของ ดิอันอะบอมเบอร์ส
I Created Disco (ค.ศ. 2006–2007)
แก้ผลงานอัลบั้มแรกของเขาชื่อ I Created Disco ออกวางขายเมื่อ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2007 อัลบั้มนี้มีแนวเพลงอัปเทมโปอิเลกโทรแคลชอยู่หลายเพลง ที่ได้รับอิทธิพลจากเพลงในคริสต์ทศวรรษ 1980 และเพื่อประชาสัมพันธ์อัลบั้ม แฮร์ริสร่วมออกทัวร์ในสหราชอาณาจักร สนับสนุนศิลปินอย่างเฟธเลสและกรูฟอาร์มาดา [7][8]
เพลงแรกที่ออกจากอัลบั้มคือ "Vegas" ออกในรูปแบบแผ่นเสียงไวนีล จำกัดจำนวน และเพลงที่เข้าชาร์ตจากอัลบั้มนี้คือเพลง "Acceptable in the 80s" เป็นเพลงอุทิศให้กับรูปแบบและวัฒนธรรมของคริสต์ทศวรรษนี้ เพลงติดท็อป 10 ในยูเคซิงเกิลส์ชาร์ต และอยู่บนชาร์ตยาวนาน 15 สัปดาห์[9] ซิงเกิล "เดอะเกิลส์" ติดอันดับ 3 บนยูเคซิงเกิลส์ชาร์ต ส่วนซิงเกิลที่ 4 ของอัลบั้ม "Merrymaking at My Place" ติดอันดับ 43 เขายังมีเพลง "Colours" ประกอบโฆษณาของเกียมอร์เตอร์ส กับโฆษณารถเกียโซล ในปี 2007 วงดรากอนเนตต์ ออกผลงานเพลงทำใหม่ของแฮร์ริส "เดอะเกิลส์" โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "เดอะบอยส์"
ร่วมงาน (ค.ศ. 2007–2008)
แก้ในปี 2007 แฮร์ริสบันทึกเสียงเพลงกับไคลีย์ มิโนก เขาเป็นที่สนใจกับมิโนกหลังจากที่เขาบันทึกเสียงผ่านกับโปรดิวเซอร์เพลงของเธอ[7] แฮร์ริสพูดเกี่ยวกับการทำงานกับไคลีย์ว่า "เหนือความคาดฝัน แต่สนุก" ถึงแม้เขาจะยอมรับกับนิตยสารมิกซ์แม็กในปี 2007 ว่าเขา "ต้องการเครื่องดื่มก่อนนิดหน่อย ก่อนที่จะพบเธอ" แฮร์ริสยังร่วมเขียนและโปรดิวซ์ 2 เพลงให้กับไคลีย์ มิโนก กับอัลบั้มชุด X ได้แก่เพลง 'In My Arms' และ 'Heart Beat Rock'
เขายังมีเครดิตการทำงาน ในการเป็นโปรดิวเซอร์ในเวอร์ชันรีมิกซ์ในเพลงของเดอะมิตเชลล์บราเทอร์ส เพลงชื่อ "Michael Jackson" แฮร์ริสยังทำงานร่วมกับศิลปินเพลงป็อปอังกฤษ โซฟี เอลลิส-เบกซ์เตอร์ ยังร่วมเขียนเพลงใหม่ให้กับผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ของเธอ
ในปี 2008 เขาร่วมงานกับแร็ปเปอร์ชาวสหราชอาณาจักร ดิซซี แรสคอล ในเพลงของดิซซีที่ชื่อ "Dance Wiv Me" พวกเขาแสดงเวอร์ชันอคูสติกกับทางบีบีซีที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลดนตรีแกลสตันบูรีปี 2008 เพลงออกขายในรูปแบบดิจิทัลเมื่อ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2008 และติดอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักด้วย ต่อมาเมื่อ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2008 เขาร่วมมิกซ์เพลงทางวิทยุเรดิโอวัน รายการ Essential Mix เป็นเวลา 2 ชั่วโมง
ในบทสัมภาษณ์ทางบีบีซีเรดิโอวัน กับเฟิร์น คอตตอน แฮร์ริสพูดว่าเขาปฏิเสธการทำงานร่วมกับเลดี้ กาก้า ในปี 2008 เพราะเขาไม่ชอบเพลงเดโมที่ให้เขามาและเขาไม่ต้องการขุ่นเคืองในเวลานั้น ต่อมาบีบีซีสัมภาษณ์เขาอีกครั้ง แฮร์ริสกล่าวว่า เลดี้ กาก้า "เป็นศิลปินที่ดี" ในการสัมภาษณ์เดียวกันเขาพูดถึงนักดนตรีวัย 16 ปีที่ชื่อริชาร์ด เจย์[10]
Ready for the Weekend (ค.ศ. 2009–2017)
แก้เมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2008 แฮร์ริสพูดว่า ผลงานเพลงที่เขาทำอยู่สำหรับอัลบั้มใหม่ หายไป เขาทำแลปทอป หายเพราะมีปัญหาตรงที่ถือของกระเป๋า ในงานเปิดตัว London Heathrow Terminal 5[7] ต่อมาเขาพูดในงานเทศกาลดนตรีแกลสตันบูรีปี 2008 ว่าเขาได้กระเป๋าคืนแล้ว รวมถึงอัลบั้มเพลงที่เขาทำ ในเวลาต่อมาไม่กี่วันที่หาย แฮร์ริสยอมรับว่ามันไม่เป็นจริงที่อัลบั้มไม่ได้อยู่ในกระเป๋าเขาตั้งแต่แรก เขาหวังว่าที่เขาโกหกจะทำให้คนซื้ออัลบั้มเขามากขึ้นเมื่อถึงเวลาออกขาย[11] ผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ออกวางขายเมื่อ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2009 ในสหราชอาณาจักร
ซิงเกิลแรก "แอมน็อตอโลน" ถูกเล่นเป็นพิเศษที่ซิดนีย์ ในงานปีใหม่ ซิงเกิลใหม่นี้เปิดตัวทางบีบีซีเรดิโอวันเมื่อ 23 มกราคม ค.ศ. 2009 ในรายการของพีท ทอง และออกขายเมื่อเมษายน ค.ศ. 2009 เข้าชาร์ตสัปดาห์แรกาของยูเคซิงเกิลส์ชาร์ต ที่อันดับ 1 ในวันอีสเตอร์วันอาทิตย์ ด้วยยอดดาวน์โหลดเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้นติดอันดับ 1 ยาว 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะออกขายเป็นแผ่น จากนั้นออกซิงเกิล "Ready for the Weekend" ติดอันดับ 3 บนยูเคซิงเกิลส์ชาร์ต
แฮร์ริสออกทัวร์ในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา เพื่อประชาสัมพันธ์ซิงเกิลใหม่และอัลลั้มใหม่ ซิงเกิล "Ready for the Weekend" ได้นักร้องรับเชิญคือ แมรี เพียรซ์ เพลงอื่นจากอัลบั้ม "Worst Day" ได้อิซซา คิซซา[12] และ "Yeah Yeah Yeah La La La" ใช้เป็นเพลงประกอบโฆษณาโคคา-โคลา[13] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009 นิตยสารเอ็นเอ็มอี ประกาศว่าอัลบั้มที่ 2 ของแฮร์ริส Ready for the Weekend ออกวางขาย 17 สิงหาคม ค.ศ. 2009[14] เพลง "Holiday" และ "Ready for the Weekend" ติดอยู่ในรายชื่อเพลงที่จะเล่นทางวิทยุ นอกจากนั้นเพลง "I'm Not Alone" ที่ใช้ถูกตัดเป็นบางส่วนในรีมิกซ์เพลงของมาดอนน่า เพลง "Frozen" ในการออกทัวร์ Sticky & Sweet Tour
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2009 แฮร์ริส ปรากฏตัวในซัมเมอร์ไทม์บอลลที่ สนามกีฬาเอมิเรต และแสดงเพลง "I'm Not Alone", "The Girls" และ "Acceptable in the 80s" เขาร่วมแสดงกับดิซซี แรสคอลและโครม เพลง "Dance Wiv Me" แฮร์ริสยังเป็นแขกรับเชิญให้กับเพลงของทีแอสโตในเพลง "Century" [15] ที่อยู่ในอัลบั้มชุด Kaleidoscope ออกขาย 6 ตุลาคม ค.ศ. 2009
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 แฮร์ริสได้ขึ้นไปป่วนบนเวทีการแข่งขันรายการประกวดความสามารถของอังกฤษที่ชื่อรายการ The X Factor ในระหว่างการแสดงของจอห์นและเอ็ดเวิร์ด โดยเอาสับปะรดไว้ที่หัวและพยายามชี้ไปที่หาง ซึ่งต่อมาเขาก็ถูกไล่ออกไปจากสตูดิโอโดยทีมรักษาความปลอดภัยและบอกว่าไม่ให้กลับมาอีกในรายการนี้ ซึ่งในคราวแรกเขาเป็นแขกรับเชิญให้รายการนี้ ต่อมาเขาออกมาขอโทษทางทวิตเตอร์ โดยเขาบอกว่าเป็นแฟนของเด็กคู่นี้ โดยบอกว่า "เมื่อไตร่ตรองแล้ว ผมมีสับปะรดบนหัว ผมขอโทษถ้ามันทำให้ใครบางคนต้องอับอาย ปล. ผมรักเจดเวิร์ด"[16] ในวันที่ 16 พฤศจิกายน เขาพูดทางรายการเดอะคริสมอยส์โชว์ เปิดเผยว่า "ผมมีแรงบันดาลใจที่จะทำรายการล้อเลียน" และเขาพูดว่า "ถ้าคุณดูเพลง คุณจะเห็นว่าไซม่อน โคเวลล์ เป็นผู้มีอิทธิพลอย่างน่ากลัว ที่ครอบครองชาร์ตเพลงในสหราชอาณาจักรในขณะนี้"[17]
ในระหว่างวันที่ 15 - 31 มกราคม ค.ศ. 2010 แฮร์ริสแสดงในงานบิ๊กเดย์เอาต์ 2010 ที่ชัดขึ้นในเมืองใหญ่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
Funk Wav Bounces Vol.1 (ค.ศ. 2017–2020)
แก้ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2017 แฮร์ริสได้ปล่อย 4 เพลงใหม่ คือ "Slide" ร่วมโดย Frank Ocean และ Migos , เพลง Heatstroke ร่วมโดย Young Thug , Pharrell Williams และ Ariana Grande , เพลง Rollin ร่วมโดย Future , Khalid และเพลง Feels ร่วมโดย Pharrell Williams , Katy Perry , Big Sean วันที่ 30 มิถุนายนได้ปล่อยเพลงในอัลบั้มที่เหลือลงบนยูทูป
ลำดับเพลง | ชื่อเพลง | ศิลปินร่วม |
---|---|---|
1 | Slide | Frank Ocean และ Migos |
2 | Cash Out | ScHoolboy Q , PARTYNEXTDOOR และ DRAM |
3 | Heatstroke | Young Thug , Pharrell Williams และ Ariana Grande |
4 | Rollin | Future และ Khalid |
5 | Prayers Up | Travis Scott และ A-Trak |
6 | Holiday | Snoop Dogg , John Legend และ Takeoff |
7 | Skrt On Me | Nicki Minaj |
8 | Feels | Pharrell Williams , Katy Perry และ Big Sean |
9 | Faking It | Kehlani และ Lil Yachty |
10 | Hard To Love | Jessie Reyez |
Funk Wav Bounces Vol.2 (ค.ศ. 2021–ปัจจุบัน)
แก้ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 แฮร์ริสเผยแพร่ซิงเกิล "Potion" ร่วมกับดัว ลีปาและยังธัก ซึ่งเป็นซิงเกิลนำของอัลบั้มที่ 6 Funk Wav Bounces Vol.2[18]
ผลงาน
แก้- 2007: I Created Disco
- 2009: Ready for the Weekend
- 2012: 18 Months
- 2014: Motion
- 2017: Funk Wav Bounces Vol. 1
- 2022: Funk Wav Bounces Vol. 2
รางวัล
แก้ปี | รางวัล | สาขา | ผลงาน | ผล |
---|---|---|---|---|
2007 | BT Digital Music Awards | Best Electronic Artist or DJ | Calvin Harris | เสนอชื่อเข้าชิง |
Q Awards | Best Breakthrough Artist | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
2008 | XFM New Music Award | — | I Created Disco | เสนอชื่อเข้าชิง |
Shortlist Music Prize | — | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Popjustice £20 Music Prize | — | "Dance wiv Me" (with Dizzee Rascal and Chrome) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
2009 | The Music Producers Guild Awards | Best Remixer | Calvin Harris | ชนะ |
BRIT Awards | British Single | "Dance wiv Me" (with Dizzee Rascal and Chrome) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
NME Awards | Best Dancefloor Filler | ชนะ | ||
Ivor Novello Awards | Best Contemporary Song | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Popjustice £20 Music Prize | Best Contemporary Song | "I'm Not Alone" | เสนอชื่อเข้าชิง | |
2010 | BRIT Awards | Best British Male | Calvin Harris | เสนอชื่อเข้าชิง |
2012 | MTV Video Music Awards | Video of the Year | "We Found Love" (with Rihanna) | ชนะ |
Best Pop Video | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Best Electronic Video | "Feel So Close" | ชนะ | ||
MTV Europe Music Awards | Best Song | "We Found Love" (with Rihanna) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
Best Video | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Best Electronic Act | Calvin Harris | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
MTV Video Music Awards Japan | Best Pop | "We Found Love" (with Rihanna) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
American Music Awards | Favorite Electronic Dance Music | Calvin Harris | เสนอชื่อเข้าชิง | |
MuchMusic Video Awards | International Video of the Year – Artist | "We Found Love" (with Rihanna) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
International Dance Music Awards | Best R&B/Urban Dance Track | ชนะ | ||
Best Video | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Best Commercial/Pop Dance Track | ชนะ | |||
NRJ Music Awards | Best Song International | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Billboard Music Awards | Top Radio Song | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
mtvU Woodie Awards | EDM Effect Woodie | ชนะ | ||
2013 | Grammy Awards | Best Dance Recording | "Let's Go" (featuring Ne-Yo) | เสนอชื่อเข้าชิง |
Best Short Form Music Video | "We Found Love" (with Rihanna) | ชนะ | ||
BRIT Awards | British Male Solo Artist | Calvin Harris | เสนอชื่อเข้าชิง | |
NME Awards | Dancefloor Anthem | "Sweet Nothing" (featuring Florence Welch) | ชนะ | |
ASCAP Pop Music Awards | Most Performed Song | "We Found Love" (with Rihanna) | ชนะ | |
"Let's Go" (featuring Ne-Yo) | ชนะ | |||
"Where Have You Been" | ชนะ | |||
"Feel So Close" | ชนะ | |||
MTV Video Music Awards Japan | Best Collaboration | "Sweet Nothing" (featuring Florence Welch) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
International Dance Music Awards | Best Commercial/Pop Dance Track | ชนะ | ||
Best Progressive Track | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Best Music Video | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Best Remixer | Calvin Harris | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Best Artist (Solo) | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Billboard Music Awards | Top EDM Song | "Sweet Nothing" (featuring Florence Welch) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
"Feel So Close" | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Top Dance Artist | Calvin Harris | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Top EDM Artist | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Scottish Album of the Year | Album of the Year | 18 Months | เสนอชื่อเข้าชิง | |
Ivor Novello Awards | Songwriter of the Year | Calvin Harris | ชนะ | |
MTV Video Music Awards | Best Collaboration | "I Need Your Love" (featuring Ellie Goulding) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
Best Song of the Summer | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
2014 | Grammy Awards | Best Dance Recording | "Sweet Nothing" (featuring Florence Welch) | เสนอชื่อเข้าชิง |
Best Dance/Electronica Album | 18 Months | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
BRIT Awards | British Single of the Year | "I Need Your Love" (featuring Ellie Goulding) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
British Video | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Billboard Music Awards | Top Dance/Electronic Artist | Calvin Harris | เสนอชื่อเข้าชิง | |
MTV Video Music Awards | Best Dance Video | เสนอชื่อเข้าชิง |
อ้างอิง
แก้- ↑ "Calvin Harris Strikes Three-Year Deal to Keep DJing in Las Vegas". Billboard. 27 January 2015. สืบค้นเมื่อ 25 July 2015.
- ↑ Leatherman, Benjamin (25 April 2013). "Calvin Harris @ Maya Day and Nightclub". Phoenix New Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-26. สืบค้นเมื่อ 26 October 2014.
- ↑ Brandle, Lars (22 April 2013). "Calvin Harris Sets Chart Record, Becomes U.K.'s New 'King of Pop'". Billboard. สืบค้นเมื่อ 26 October 2014.
- ↑ "Calvin Harris Biography". starpulse.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-06-06. สืบค้นเมื่อ 2009-01-16.
- ↑ "Calvin Harris Biography". starpulse.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-06-06. สืบค้นเมื่อ 2007-08-10.
- ↑ Liam Ronan. "Acceptable In The Noughties - Calvin Harris". gigwise.com. March 26, 2007. Retrieved June 12, 2007.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 "Web wonder Calvin wins over Kylie". BBC. 19 February 2007. Retrieved March 12, 2007.
- ↑ "Calvin To Support Groove Armada On UK Tour" เก็บถาวร 2009-01-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. calvinharris.tv. Retrieved June 12, 2007.
- ↑ ""Acceptable in the 80s" World Charts. acharts.us. Retrieved June 12, 2007.
- ↑ Calvin Harris BBC Online Interview
- ↑ "Calvin Harris: 'I Lied about losing my new album at Heathrow'". NME.com. สืบค้นเมื่อ 2009-04-24.
- ↑ http://www.metro.co.uk/metrolife/music/article.html?Want_to_dance_wiv_Calvin_Harris?&in_article_id=610011&in_page_id=25[ลิงก์เสีย]
- ↑ http://www.guardian.co.uk/media/2009/may/07/coca-cola-ad-calvin-harris
- ↑ http://www.nme.com/news/calvin-harris/45305
- ↑ http://pitchfork.com/news/36120-sigur-ross-jonsi-bloc-partys-kele-okereke-on-new-tiesto-album/
- ↑ Calvin sorry for Jedward stunt Irish Independent, Saturday 14 November 2009
- ↑ Calvin Harris wanted X Factor 'mockery' BBC Newsbeat, 16 November 2009
- ↑ คริสตอฟเฟอร์ สเวนซัน (May 27, 2022). "Calvin Harris และ Dua Lipa ร่วมงานด้วยกันอีกครั้งใน Potion เพลงสุดชิลสไตล์ดิสโก้ฟังก์". The Standard. สืบค้นเมื่อ May 27, 2022.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- calvinharris.co.uk เก็บถาวร 2009-12-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน - official website
- www.caughtinthecrossfire.com/music/interviews/4120 เก็บถาวร 2009-05-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน - Interview
- Upcoming Tour Dates
- แคลวิน แฮร์ริส ที่ มายสเปซ
- แคลวิน แฮร์ริส ที่เอกซ์ (ทวิตเตอร์)
- Calvin Harris Interview, New York Press, April 30, 2008[ลิงก์เสีย]