เลิฟซัมบอดี (เพลงมารูนไฟฟ์)
"เลิฟซัมบอดี" (อังกฤษ: Love Somebody) เป็นเพลงของวงดนตรีแนวป๊อปร็อก มารูนไฟฟ์ ออกจำหน่ายวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เป็นซิงเกิลลำดับที่สี่และลำดับสุดท้ายในสตูดิโออัลบั้มชุดที่สี่ โอเวอร์เอกซ์โพสต์ (ค.ศ. 2012) เพลงเขียนขึ้นโดยแอดัม เลอวีน และนาธาเนียล มอตต์ และโปรดิวซ์โดยไรอัน เท็ดเดอร์ และโนล ซานคาเนลลา "เลิฟซัมบอดี" เป็นเพลงแนวแดนซ์ป็อปที่เนื้อหาพูดถึง "การไถ่บาปบนฟลอร์เต้นรำ"
"เลิฟซัมบอดี" | ||||
---|---|---|---|---|
ซิงเกิลโดยมารูนไฟฟ์ | ||||
จากอัลบั้มโอเวอร์เอกซ์โพสต์ | ||||
วางจำหน่าย | 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 | |||
บันทึกเสียง | 2012 | |||
แนวเพลง | แดนซ์ป็อป | |||
ความยาว | 3:49 | |||
ค่ายเพลง | ||||
ผู้ประพันธ์เพลง |
| |||
โปรดิวเซอร์ |
| |||
ลำดับซิงเกิลของมารูนไฟฟ์ | ||||
|
หลังจากออกจำหน่าย เพลงประสบความสำเร็จพอสมควร และเป็นซิงเกิลสิบอันดับแรกบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 เพลงที่ 4 จากอัลบั้ม แม้ว่าเพลงประสบความสำเร็จ เพลงได้รับคำวิจารณ์คละกันจากนักวิจารณ์เพลง บางคนชื่นชมเนื้อเพลง นำไปเปรียบกับงานเพลงของโคลด์เพลย์ บางคนตำหนิเกี่ยวกับการผลิตและเสียงร้องของเลอวีน หลังจากอัลบั้มปล่อยออกมา มียอดดิจิทัลดาวน์โหลดสูง ทำให้เพลงนี้ได้ขึ้นสูงสุดที่อันดับที่เก้าบนซิงเกิลชาร์ตของเกาหลีใต้
เบื้องหลังและการผลิต
แก้เมื่อกลางปี ค.ศ. 2011 มารูนไฟฟ์เริ่มทำสตูดิโออัลบั้มที่สี่ เจมส์ วาเลนไทน์ หนึ่งในสมาชิกวงกล่าวกับนิตยสารบิลบอร์ดและเปิดเผยว่าอัลบั้มจะออกจำหน่ายในต้นปี ค.ศ. 2012[1] ในวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2012 วงโพสต์วิดีโอลงยูทูบนำเสนอฉากที่วงดนตรีบันทึกเสียงในสตูดิโอหลายฉาก[2] ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2012 อัลบั้มออกจำหน่ายในชื่อ โอเวอร์เอกซ์โพสต์[3]
แอดัม เลอวีน นักร้องนำ ร่วมเขียนเพลง "เลิฟซัมบอดี" กับนาธาเนียล มอตต์ นักร้องวงทรีโอ!ทรี โนล ซานคาเนลลา และไรอัน เท็ดเดอร์ นักร้องนำวงวันรีพับลิก[4] ซานคาเนลลาและเท็ดเดอร์เป็นผู้ผลิตและใช้โปรแกรมปรับแต่งเสียงและคีย์ของเพลง[4] เขาสองคนยังร่วมเขียนและผลิตเพลง "ลักกีสไตรก์" จากอัลบั้มโอเวอร์เอกซ์โพสด์ด้วย[4] เพลง "เลิฟซัมบอดี" ปรับแต่งเสียงโดยสมิธ คาร์ลสัน ที่แพตทริออตสตูดิโอส์ในเดนเวอร์ และโนอาห์ "เมล์บ็อกซ์" พาสโซวอย ที่คอนเวย์สตูดิโอส์ในลอสแอนเจลิส เอริก อายแลนส์รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิศวกรเสียง[4] เซอร์แบน เกเนีย ผสมเสียงเพลงที่มิกซ์สตาร์สตูดิโอในเวอร์จิเนียบีช จอห์น เฮนส์ทำหน้าที่วิศวกรเสียงสำหรับผสมเสียง ขณะที่ฟิล ซีฟอร์ดรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผสมเสียง[4]
การวางองค์ประกอบเพลง
แก้"เลิฟซัมบอดี" เป็นเพลงแดนซ์ป็อป ความยาวสามนาทีสี่สิบเก้าวินาที[4][5] ดนตรีประกอบด้วยเปียโนและกีตาร์[6] ร็อบ เชฟฟิลด์จากนิตยสารโรลลิงสโตน บรรยายถึงเพลงว่าท่อนสร้อยแบบสังเคราะห์เสียงเหมือนสไลสโตนพบกับยูริธมิกส์[7] คริส เพน จากนิตยสารบิลบอร์ดกล่าวว่า เท็ดเดอร์และซานคาเนลลามีอิทธิพลต่อเพลงทั้งเพลงและค่อย ๆ ปรากฏทีละน้อย ๆ ตลอดทั้งท่อน "ก่อนจะมีอยู่เต็มเปี่ยมก่อนจะเข้าท่อนสร้อย"[8] แอดัม มาร์โควิตซ์ จากเอนเตอร์เทนเมนต์วิกลีเขียนวิจารณ์อัลบั้มว่า เพลงมีท่อนประสานเสียงที่ทำได้ "อย่างเข้มข้น" เช่นเดียวกับเพลง "เดย์ไลต์"[9] ด้านเนื้อเพลง "เลิฟซัมบอดี" เทียบความรักเหมือนกับการถึงเนื้อถึงตัวในท่อนที่เลอวีนร้องว่า "I really wanna love somebody [...] I really wanna touch somebody"[10] เนต ชิเนน จากเดอะนิวยอร์กไทมส์บรรยายเนื้อหาในเนื้อเพลงว่าเป็น "การร้องขอไถ่บาปบนฟลอร์เต้นรำหรือบนพื้นราบใด ๆ"[11]
การตอบรับ
แก้ซูซาน เบิร์น จาก RTÉ.ie เขียนว่าเพลง "เลิฟซัมบอดี" "เดย์ไลต์" "เดอะแมนฮูเนเวอร์ลายด์" และ "ลักกีสไตรก์" อาจได้ออกเป็นซิงเกิล[12] บริตทานีย์ เฟรดเดริก จากสตาร์พัลส์เรียกเพลงนี้ว่า "เอาจริงเอาจัง" (earnest)[13] ขณะที่คาเมรอน แอดัมส์ จากหนังสือพิมพ์เฮรัลด์ซัน บรรยายเพลงนี้ว่าเป็นโคลด์เพลย์ที่ "พยายามเป็น" เคที เพร์รี[14] คล้าย ๆ กับแอดัมส์ อีวาน ซอว์ดีย์ จากนิตยสารป็อปแมตเทอส์ เขียนว่า "เลิฟซัมบอดี" เป็น "ช่วงเวลาแห่งความเป็นโคลด์เพลย์ยุครุ่งเรือง" ของวง[15] เจเรมี โธมัส จาก 411 มาเนีย เรียกเพลงนี้ว่าเป็นเพลงหนึ่งที่ใช้อารมณ์มากในอัลบั้มโอเวอร์เอกซ์โพสด์ และเป็น "ช่วงเวลาที่หายากซึ่งกลการผลิตที่ทำให้เพลงโดดเด่นออกมา ผ่อนคลายลงมากพอจนเกิดเป็นเพลงที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและมีอารมณ์ความรู้สึก และมิได้เป็นเพียงลำกล้องเลเซอร์ที่เล็งเป้าไปบนชาร์ตบิลบอร์ด"[16]
ในบทวิจารณ์อัลบั้ม เฟรเซอร์ แม็กอัลไพน์ จากบีบีซีมิวสิก เขียนว่าวงได้ทิ้ง "ความเจ้าอารมณ์ของไก่อ่อนวางมาด" (the strutting cockerel heat) อย่างเพลง "ดิสเลิฟ" ซิงเกิล ค.ศ. 2004 แต่แทนด้วย "ความสุขสมบูรณ์ชนิดอิ่มตัว" (saturated rave bliss) อย่างเพลง "เลิฟซัมบอดี" หรือ "เดอะแมนฮูเนเวอร์ลายด์" เขากล่าวว่านี่เป็นผลจากการตลาดที่พวกเขาเลือกที่จะมอบให้[17] คริส เพย์น จากบิลบอร์ดคิดว่าเพลงค่อย ๆ กลืนไปกับภูมิหลังของเพลงอื่น ๆ ที่เนื้อหาแรงกว่าในอัลบั้มโอเวอร์เอกซ์โพสด์[8] แอดัม มาร์โควิตซ์ จากเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี ค่อนข้างติเสียงร้องของเลอวีนในเพลง "เลิฟซัมบอดี" และเขียนว่า เสียงร้องทำออกมาเป็นเสียงครวญครางไม่น่าฟัง "เหมือนกับริอานนาเพศชาย หรือเสียงคาสตราโตหุ่นยนต์แอนดรอยด์" ซึ่งเขากล่าวว่า มันเป็นแบบอย่างที่ดีในการพิสูจน์ลักษณะทั่วไปของท่อนสร้อยเพลงป็อป[9]
บนชาร์ตเพลง
แก้หลังจากออกจำหน่ายอัลบั้มโอเวอร์เอกซ์โพสด์ เนื่องจากยอดดาวน์โหลดสูง เพลง "เลิฟซัมบอดี" เปิดตัวบนแกออนชาร์ตของเกาหลีใต้ที่อันดับ 8 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2012 ด้วยยอดขาด 35,892 ชุด[18] ในสัปดาห์ต่อมา เพลงตกลงมาอันดับ 15 และขายได้อีก 16,752 ชุด[19] เพลงอยู่บน 100 อันดับแรกได้นาน 8 สัปดาห์[20] เพลงเปิดตัวอันดับที่ 54 บนบิลบอร์ดฮอต 100 และขึ้นสูงสุดอันดับที่ 10 ทำให้อัลบั้มโอเวอร์เอกซ์โพสด์เป็นอัลบั้มแรกของมารูนไฟฟ์ที่ทำเพลงติด 10 อันดับแรกได้ถึง 4 เพลง[21] นับถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014 เพลงขายได้ 1,694,000 ชุดในสหรัฐอเมริกา[22]
มิวสิกวิดีโอ
แก้มิวสิกวิดีโอถ่ายทำในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2013 ออกเผยแพร่ในวีโว เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม[23] วิดีโอกำกับโดยริช ลี แสดงเลอวีนและเอมิลี ราไทคาวสกี รับบทเป็นคนรัก และสมาชิกวงทุกคน ถูกทาด้วยสีเทา ทีแรก เลอวีนทาสีตัวเองให้ตัดกับพื้นหลังสีขาว จากนั้นก็ทาสีตัวราไทคาวสกีที่อยู่ตรงหน้าเขา ฉากท้าย ๆ แสดงเครื่องดนตรีของสมาชิกวงพ่นสีออกมาในขณะที่พวกเขากำลังบรรเลงอย่างต่อเนื่อง มีผู้หญิงคนหนึ่งเต้นยั่วยวน และเลอวีนกอดกับคนรักด้วยความเสน่หา ทุกอย่างมีสีเทาทาทั่วตัว ในฉากสุดท้าย เลอวีนย้อนกลับสิ่งที่เขาทำ ลบรอยสีออกจากฉากจนไม่เหลือร่องรอย
การแสดงสด
แก้ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 มารูนไฟฟ์แสดงเพลง "เลิฟซัมบอดี" ในรายการเดอะวอยซ์ฤดูกาลที่สี่[24] ต่อมา พวกเขาแสดงเพลงนี้ในฮอนดาซีวิกทัวร์ประจำปีครั้งที่ 12 และโอเวอร์เอกซ์โพสด์ทัวร์
ผู้มีส่วนร่วมทำเพลง
แก้- การปรับแต่งเสียงและผสมเสียง
- ปรับแต่งเสียงที่แพตทริออตสตูดิโอส์ เดนเวอร์ รัฐโคโลราโด และคอนเวย์สตูดิโอส์ ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย
- ผสมเสียงที่มิกซ์สตาร์สตูดิโอส์ เวอร์จิเนียบีช
- คณะทำงาน
|
คณะทำงานปรับปรุงจากโน้ตในอัลบั้มโอเวอร์เอกซ์โพสด์ สังกัดเอแอนด์เอ็ม/อ็อกโทนเรเคิดส์[4]
ชาร์ตและการรับรอง
แก้
ชาร์ตประจำสัปดาห์แก้
|
ชาร์ตประจำปีแก้
ชาร์ตประจำปีแก้
การรับรองแก้
|
อ้างอิง
แก้- ↑ Corner, Lewis (August 17, 2011). "Maroon 5: 'We want to release new album soon'". Digital Spy. Nat Mags. สืบค้นเมื่อ January 21, 2013.
- ↑ "Overexposed - June 26th". Maroon5. YouTube. สืบค้นเมื่อ April 10, 2012.
- ↑ "Overexposed by Maroon 5". iTunes Store (US). Apple. สืบค้นเมื่อ January 21, 2013.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 4.6 Overexposed (inlay cover). Maroon 5. A&M/Octone Records. 2012.
{{cite AV media notes}}
: CS1 maint: others (ลิงก์) - ↑ Jacobsen, Kevin (May 22, 2013). "Maroon 5 'Love Somebody' Music VIDEO: Adam Levine Covered in Metallic Paint Following 'The Voice' Performance". Enstarz. สืบค้นเมื่อ December 15, 2013.
- ↑ "Maroon 5 - Love Somebody". Musicnotes.com. Universal Music Publishing Group. สืบค้นเมื่อ January 28, 2013.
- ↑ Sheffield, Rob (June 26, 2012). "Overexposed - Album Reviews". Rolling Stone. Jann Wenner. สืบค้นเมื่อ January 28, 2013.
- ↑ 8.0 8.1 Payne, Chris (June 26, 2012). "Maroon 5, 'Overexposed': Track-By-Track Review". Billboard. Prometheus Global Media. สืบค้นเมื่อ January 28, 2013.
- ↑ 9.0 9.1 Markovitz, Adam (June 27, 2012). "Overexposed Review". Entertainment Weekly. Time Inc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-23. สืบค้นเมื่อ January 29, 2013.
- ↑ R. Holz, Adam. "Overexposed Album Review (2012) | Plugged In". Plugged In. สืบค้นเมื่อ October 30, 2015.
- ↑ Chinen, Nate (July 9, 2012). "Albums from Clare and the Reasons and Maroon 5". The New York Times. The New York Times Company. สืบค้นเมื่อ January 29, 2013.
- ↑ Byrne, Suzanne (June 30, 2012). "Maroon 5 - Overexposed". RTÉ.ie. Raidió Teilifís Éireann. สืบค้นเมื่อ June 23, 2013.
- ↑ Frederick, Brittany (June 26, 2012). "Album Review: Maroon 5, 'Overexposed'". StarPulse. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-22. สืบค้นเมื่อ January 25, 2013.
- ↑ Adams, Cameron (June 20, 2012). "Album review: Overexposed by Maroon 5". Herald Sun. The Herald and Weekly Times. สืบค้นเมื่อ January 24, 2012.
- ↑ Sawdey, Evan (July 10, 2012). "Maroon 5: Overexposed". PopMatters. สืบค้นเมื่อ January 23, 2013.
- ↑ Thomas, Jeremy (June 26, 2012). "Maroon 5 - Overexposed Review". 411Mania. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-26. สืบค้นเมื่อ January 26, 2013.
- ↑ McAlpine, Fraser (June 22, 2012). "BBC - Music - Review of Maroon 5 - Overexposed". BBC Music. BBC. สืบค้นเมื่อ January 26, 2013.
- ↑ 18.0 18.1 "South Korea Gaon International Chart (Week, June 24, 2012 to June 30, 2012)" (ภาษาเกาหลี). Gaon Chart. สืบค้นเมื่อ January 22, 2013.
- ↑ "South Korea Gaon International Chart (Week, July 1, 2012 to July 7, 2012)" (ภาษาเกาหลี). Gaon Chart. สืบค้นเมื่อ January 24, 2013.
- ↑ "South Korea Gaon International Chart (Week, August 12, 2012 to August 18, 2012)" (ภาษาเกาหลี). Gaon Chart. สืบค้นเมื่อ January 24, 2013.
- ↑ Wood, Mikael (September 10, 2014). "Maroon 5 takes 'V' to No. 1 on Billboard 200 album chart". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ October 30, 2015.
- ↑ 22.0 22.1 Trust, Gary (June 15, 2014). "Ask Billboard: MAGIC!'s 'Rude' Revives Reggae". Billboard. Prometheus Global Media. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "us sales" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ Ali, Jon (May 21, 2013). "Maroon 5: 'Love Somebody' Video Premiere!". Jon Ali's Blog. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-21. สืบค้นเมื่อ October 25, 2018.
- ↑ Ball-Dionne, Caila (May 21, 2013). "The Voice: Adam Levine and Maroon 5 Perform New Single "Love Somebody"". Idolator. สืบค้นเมื่อ May 23, 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Maroon 5 – Love Somebody" (in Dutch). Ultratip.
- ↑ "Maroon 5 – Love Somebody" (in French). Ultratip.
- ↑ "Maroon 5 Chart History (Canadian Hot 100)". Billboard.
- ↑ "Maroon 5 Chart History (Canada AC)". Billboard. สืบค้นเมื่อ 19 February 2015.
- ↑ "Maroon 5 Chart History (Canada CHR/Top 40)". Billboard. สืบค้นเมื่อ July 09, 2014.
- ↑ "Maroon 5 Chart History (Canada Hot AC)". Billboard. สืบค้นเมื่อ June 09, 2014.
- ↑ "ARC, Issue Date: September 2, 2013" (ภาษาโครเอเชีย). HRT. September 2, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-20. สืบค้นเมื่อ September 2, 2012.
- ↑ "Maroon 5 – Love Somebody" (in French). Les classement single.
- ↑ Icelandic Singles Chart
- ↑ "Chart Track: Week 22, 2013". Irish Singles Chart.
- ↑ "The Official Lebanese Top 20". สืบค้นเมื่อ August 13, 2013.
- ↑ "Top 20 Ingles". Monitor Latino (ภาษาสเปน). RadioNotas. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-04-08. สืบค้นเมื่อ 2015-05-04.
- ↑ "Maroon 5 – Love Somebody". Top 40 Singles.
- ↑ "Maroon 5 - Love Somebody SERBIA". poptoplista.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ May 12, 2013.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "ČNS IFPI" (in Slovak). Hitparáda – Radio Top 100 Oficiálna. IFPI Czech Republic. Note: insert 201324 into search.
- ↑ "EMA Top 10 Airplay: Week Ending September 24, 2013". Entertainment Monitoring Africa. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- ↑ "Ukrainian Airplay Chart". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-21. สืบค้นเมื่อ 2015-05-04.
- ↑ "Maroon 5 Chart History (Hot 100)". Billboard.
- ↑ 43.0 43.1 43.2 "Maroon 5 Chart History (Adult Contemporary)". Billboard.
- ↑ 44.0 44.1 "Maroon 5 Chart History (Adult Pop Songs)". Billboard.
- ↑ "Maroon 5 Chart History (Dance Mix/Show Airplay)". Billboard.
- ↑ 46.0 46.1 "Maroon 5 Chart History (Pop Songs)". Billboard.
- ↑ "Record Report - Pop Rock General". Record Report (ภาษาสเปน). R.R. Digital C.A. August 24, 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-26. สืบค้นเมื่อ 2015-05-04.
- ↑ "Best of 2013: Canadian Hot 100". Prometheus Gobal Media. สืบค้นเมื่อ December 13, 2013.
- ↑ "ARC, Issue Date: December 31, 2013" (ภาษาโครเอเชีย). HRT. December 31, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-20. สืบค้นเมื่อ December 31, 2013.
- ↑ "Best of 2013 – Hot 100 Songs". Billboard.com. สืบค้นเมื่อ December 13, 2013.
- ↑ "ARIA Charts – Accreditations – 2019 Singles". Australian Recording Industry Association. สืบค้นเมื่อ February 19, 2019.
- ↑ "Canadian single certifications – Maroon 5 – Love Somebody". Music Canada.
- ↑ "American single certifications – Maroon 5 – Love Somebody". Recording Industry Association of America. สืบค้นเมื่อ August 19, 2014.