วัดเจ้าเจ็ดใน
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
วัดเจ้าเจ็ดใน เป็นวัดราษฏร์ ตั้งอยู่บนริมฝั่งลำคลองเจ้าเจ็ด เลขที่ 34 ถนนเทศบาลเจ้าเจ็ด หมู่ที่ 3 ตำบลเจ้าเจ็ด อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
วัดเจ้าเจ็ดใน พระนครศรีอยุธยา | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดเจ้าเจ็ดใน |
ที่ตั้ง | เลขที่ 34 ถนนเทศบาลเจ้าเจ็ด หมู่ที่ 3 ตำบลเจ้าเจ็ด อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | มหานิกาย (เถรวาท) |
พระประธาน | พระพุทธรูป ปางสมาธิ ขนาดพระเพลากว้าง 59 นิ้ว สูง 65 นิ้ว |
เจ้าอาวาส | พระครูปลัดอนงค์ สุมฺคโล |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
จุดสนใจ | สักการบูชา พระพุทธเกสร |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา |
อาณาเขต แก้
มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา โฉนดเลขที่ 11891, 12215, 15223, 15952, อาณาเขต
- ทิศเหนือ ติดต่อกับวัดเจ้าเจ็ดนอก
- ทิศใต้ ติดต่อกับคลองสาธารณะ
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับถนนเทศบาลเจ้าเจ็ด
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับหมู่บ้านประชาชน
มีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 3 แปลง เนื้อที่ 23 ไร่ 3 งาน 10 ตารางวา.[1]
ประวัติ แก้
วัดเจ้าเจ็ดใน เป็นวัดโบราณมีมาช้านาน เกิดขึ้นในสมัยหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าแล้วใหม่ ๆ สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2335 (ตามหนังสือรับรองสภาพวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 4 กองพุทธศาสนสถาน กรมการศาสนากระทรวงศึกษาธิการ) ตามคำบอกเล่า และสันนิษฐานว่า พื้นที่ตั้งวัดเป็นท้องที่ลุ่ม ลาด มักถูกน้ำท่วมเป็นประจำในฤดูฝน อยู่ริมคลองเจ้าเจ็ด ซึ่งมีป่าพงรกร้างมาก จึงเป็นที่อาศัยของสัตว์ร้ายต่างๆ เช่น จระเข้ ช้าง และเสือ เป็นต้น และเป็นที่เหมาะสำหรับลี้ภัยสงครามพม่าของบรรดา เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ในครั้งนั้น เมื่อบรรดาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ทั้งหลายลี้ภัยสงครามมาพำนักอาศัยอยู่ในเขตนี้ตำบลนี้จึงได้สร้างปูชนียวัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ ประชาชนได้ถือเอาเป็นนิมิตที่ดีงามจึงร่วมใจกันสร้างเสริมต่อเติมให้เป็นวัดขึ้นมา ณ ที่นี้ และเพราะเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ทั้งหลายที่ลี้ภัยสงครามมาหลายพระองค์ด้วยกัน ซึ่งคงนับได้ 7 พระองค์ จึงได้ขนานนามวัดนี้ว่า “ วัดเจ้าเจ็ด ” ต่อมาภายหลังได้เกิดมีวัดขึ้นอีกวัดหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดเจ้าเจ็ดนี้ มีเนื้อที่ติดต่อกัน ดังนั้นวัดเจ้าเจ็ดจึงมีคำว่า“ใน”ต่อท้ายอีกคำหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกในปัจจุบันว่า “วัดเจ้าเจ็ดใน”ส่วนวัดเจ้าเจ็ดที่อยู่ทางด้านทิศเหนือเรียก “วัดเจ้าเจ็ดนอก”[1]
ศาสนวัตถุ แก้
- 1.1 พระประธานในอุโบสถ พุทธลักษณะ เป็นพระพุทธรูป ปางสมาธิ ขนาดพระเพลากว้าง 59 นิ้ว สูง 65 นิ้ว
- 1.2 พระพุทธรูป พุทธลักษณะ ปางสมาธิ พระนามว่า “พระพุทธเกสร” สร้างด้วยเกษรดอกไม้
สถานที่สำคัญ แก้
- พลับพลาใจสมาน เป็นอาคารไม้ สร้างเมื่อ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2505 เพื่อเป็นเรือนรับรองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมบรมวงศ์ศานุวงศ์ เป็นการส่วนพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินต้น ที่วัดเจ้าเจ็ดใน เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 และตั้งแต่นั้นมา ทางวัดเจ้าเจ็ดในได้ถือวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดพระกฐินต้น ซึ่งตรงกับวันขึ้น 9 คำ เดือน 12 ได้จัดงานแห่พระพุทธเกสรไปตามลำคลองเจ้าเจ็ดมุ่งสู่วัดกระโดงทอง โดยมีขบวนเรือร่วมแห่ที่สวยงาม และเมื่อกลับจาดวัดกระโดงทองแล้ว ก็จัดให้มีการถวายพระพรพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ในพลับพลาใจสมาน เพื่อเป็นพุทธบูชา และราชานุสรณ์ จนมาถึงปัจจุบันนี้[1]
เสนาสนะ แก้
- อุโบสถ กว้าง 8 เมตร ยาว 19.50 เมตร สร้าง พ.ศ. 2450 โครงสร้างคอนกรีตได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลังเมื่อ 23 เมษายน พ.ศ. 2450 อุโบสถ
- วิหาร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2453 โดยพระธรรมดิลก (อิ่ม จนฺทสิริ) กับหลวงพ่อปั้น
- หอไตร สร้างด้วยคอนกรีต เป็นรูปทรง จตุรมุข 2 ชั้น ชั้นบน เก็บพระธรรมคัมภีร์พระไตรปิฎก ชั้นล่างสำหรับเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง สร้างเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. สมัยหลวงพ่อปั้นเป็นเจ้าอาวาส
- หอสวดมนต์ (หลังใหม่) สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2537-2539 เป็นทรงไทร 2 ชั้น
- กุฏิสงฆ์ จำนวน 21 หลัง (ใหม่) สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2537-2538 ลักษณะ เป็นอาคารไม้ทรงไทย
- ศาลาการเปรียญ สร้างเมื่อ พ.ศ.- กว้าง - เมตร ยาว - เมตร บูรณะครั้งใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2551
- มณฑป จตุรมุข สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534-36 เป็นที่ประดิษฐานอดีตพระมหาเถระของวัดเจ้าเจ็ดใน[1]
นอกจากนี้ ยังมี ฌาปนสถาน 1 หลัง ศาลาบำเพ็ญกุศล าลาอเนกประสงค์ เรือนเก็บพัสดุ โรงครัว และ ซุ้มประตูวัด
ลำดับเจ้าอาวาส แก้
ระเบียงภาพ แก้
-
พระพุทธเกสร
-
อุโบสถวัดเจ้าเจ็ดใน
-
วิหาร
-
มณฑป
อ้างอิง แก้
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 หนังสือรับรองสภาพวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 4 กองพุทธศาสนสถาน กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ,: หนังสือเจ้าอาวาสและวัดในประเทศไทย (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) เล่มที่ 3 หน้าที่ 581 กรมการศาสนา.