วังปาฏิหาริย์
วังปาฏิหาริย์ (อังกฤษ: court of miracles; ฝรั่งเศส: cour des miracles) เป็นเขตชุมชนแออัดในกรุงปารีสเมื่อครั้งอดีต โดยเป็นที่อาศัยของบรรดาผู้ลักลอบเข้าเมืองและผู้อพยพจากชนบทที่ปราศจากงานทำ กลายเป็นแหล่งที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นซ่องโจร ก่อนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะเข้ากวาดล้างไปจนสิ้นเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19[1]
วังปาฏิหาริย์มีชื่อเสียง เพราะวิกตอร์ อูโก (Victor Hugo) นำไปใช้แต่งนิยายเรื่อง นอทร์-ดามเดอปารี (Notre-Dame de Paris, คนค่อมแห่งนอทร์-ดาม)[2]
ชื่อ
แก้ในกรุงปารีสสมัยก่อน ผู้คนส่วนใหญ่เลี้ยงชีพด้วยการขอทาน ขอทานบางคนแสร้งทำป่วยเจ็บหรือเป็นโรค เพื่อเรียกความเห็นใจ ครั้นกลับบ้านแล้วก็เลิกเสแสร้งและทำปรกติดังเดิม ขอทานที่ตอนเช้าเห็นง่อยเปลี้ยอยู่ ตกกลางคืนอาจเห็นเดินได้วิ่งปรื๋ออยู่ในชุมชนแออัดเป็นต้น ราวกับว่ามีเรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นในชุมชนเหล่านี้ทุก ๆ วัน ชาวปารีสจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "ปาฏิหาริย์" และเรียกชุมชนของคนเหล่านี้ว่า "วังปาฏิหาริย์"[3]
วัฒนธรรมและความเป็นอยู่
แก้บ่อยครั้งที่ผู้คนพากันเชื่อว่า วังปาฏิหาริย์เป็นซ่องโจร มีหัวหน้ามีสถาบันของตนเองเพื่อแบ่งหน้าที่กันฉกชิงวิ่งราว ความเชื่อเช่นนี้เป็นของปรกติในกาลครั้งนั้น แต่น่าจะเป็นเรื่องเล่าขานกันสนุกปากมากกว่าเป็นเรื่องจริง ตัวอย่างเช่น ว่ากันว่า มีนักเรียนเรียนไม่จบกลุ่มหนึ่งคอยออกสั่งสอนคำหยาบประจำท้องถิ่นให้แก่ผู้มาใหม่ และเรียกนักเรียนเหล่านี้ว่า "อาร์ชิสซูพ็อตส์" (archissupots) เรื่องเล่าเช่นนี้เป็นเพราะในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเรียกกันว่าเป็นวิกฤติกาล (time of crisis) นั้น เหล่านักเรียนนักศึกษามักสานความสัมพันธ์กับกลุ่มมิจฉาชีพ[4]
อย่างไรก็ดี อ็องรี โซวาล (Henri Sauval) นักประวัติศาสตร์ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 ยืนยันว่า วังปาฏิหาริย์เป็น "ถนนสายตันที่เหม็นสาบคละคลุ้ง, ไขเสนียดเฉอะแฉะ, ไม่สงบ และขรุขระ" เขาบันทึกว่า ท้องที่นี้ใช้ภาษาของตนเอง และมีวัฒนธรรมเป็นโจรและชอบสำส่อนทางเมถุนธรรม เขาว่า "พวกมันล้วนแต่แพศยาหื่นกาม ไม่มีใครตั้งอยู่ในศาสนาหรือกฎหมาย ไม่มีใครรู้จักบาปบุญคุณโทษ, การสมรส และศาสนกิจ"[1] ขณะที่ เซอร์วิลเลียม วอลตัน (William Walton) นักวรรณศิลป์ชาวอังกฤษ กล่าวว่า "เหล่ายาจกที่ซ่อนเร้นอยู่ในมุมเมืองปารีสใช้สถานที่นี้เป็นร่มไม้ชายคา พวกเขามืดมน โสโครก สถุล และมีลับลมคมใน เสแสร้งว่าป่วยเจ็บ และชอบฉกชิงวิ่งราว"[5]
วังปาฏิหาริย์ขยายตัวเป็นอันมากในรัชกาลพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ค.ศ. 1654-1715) และเกิดขึ้นชุกชุมในกรุงปารีส แถว ๆ สำนักนางชีฟีย์-ดีเยอ (Filles-Dieu convent), ถนนต็องปล์ (Rue du Temple), ราชวังฌุสเซียน (Court of Jussienne), ถนนเรออูยยี (Reuilly Street), ถนนแซ็งต์ฌ็องและตูร์แนลโบซีร์ (Rue St. Jean et Tournelles Beausire) , ถนนเลแฌ็ล (Rue de l'Echelle) และกลางถนนไกโร (Cairo Street) กับถนนโรมูร์ (Rue Reaumur)[2] โดยเฉพาะวังปาฏิหาริย์แถว ๆ กลางถนนไกโรกับถนนโรมูร์นี้เป็นแรงบันดาลใจของ วิกตอร์ อูโก ในการสร้างสรรค์วรรณกรรมเรื่อง เลมีเซราบล์ (Les Misérables, เหยื่ออธรรม) กับเรื่อง นอทร์-ดามเดอปารี[2]
การกวาดล้าง
แก้เพราะว่าอาชญากรรมและความแร้นแค้นนับวันยิ่งทวีขึ้น เจ้าหน้าที่ในกรุงปารีสจึงพยายามลดชุมชนแออัดในนครลง หน้าที่นี้ตกแก่ กาเบรียล นีโกลา เดอ ลา เรย์นี (Gabriel Nicolas de la Reynie) ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยใน ค.ศ. 1667 เขาใช้กำลังตำรวจควบคุมพฤติกรรมชาวชุมชนแออัดอย่างเข้มงวด ครั้น ค.ศ. 1750 จึงเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์เพิ่มสุขอนามัยและปรับปรุงสถานะทางสังคมแทน บรรดาชุมชนแออัดจึงดับสูญลง และชาวประมงกับช่างโลหะพากันเข้าไปอยู่อาศัยแทน ร่องรอยสุดท้ายของวังปาฏิหาริย์สลายไปสิ้นเมื่อมีการปรับปรุงย่านสำนักนางชีฟีย์-ดีเยอขนานใหญ่ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสและหลังจากการบูรณะของบารงโอสม็อง (Haussmannisation) ในคริสต์ศตวรรษที่ 19[1]
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 1.2 Colin Jones, Paris: The Biography of a City, Penguin, 2006, 5:3.
"everyone lived in great licentiousness; no one had faith or law and baptism, marriage and the sacrements were unknown." - ↑ 2.0 2.1 2.2 Jones, Colin (2006-04-04). Paris: The Biography of a City. Penguin Group. ISBN 9780143036715.
- ↑ Paul Bru, Histoire de Bicêtre (hospice, prison, asile) : d’après des documents historiques, préf. M. le Dr Bourneville, Chap II, « Les mendiants », Hôpital Général, p. 15-6.
- ↑ Goldstone Jack A. (1988) “East and West in the Seventeenth Century: Political Crises in Stuart England, Ottoman Turkey, and Ming China”, Comparative Studies in Society and History, 30/1, 103-142.
- ↑ Walton, William (1899). Paris from the earliest period to the present day. G. Barrie & son. pp. 230–235. สืบค้นเมื่อ 25 July 2010.
the usual refuge of all those wretches who came to conceal in this corner of Paris, sombre, dirty, muddy, and tortuous, their pretended infirmities and their criminal pollution