ลิลี
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ลิลี Lilium | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Liliopsida |
อันดับ: | Liliales |
วงศ์: | Liliaceae |
สกุล: | Lilium L. |
Species | |
See text |
ลิลี (อังกฤษ: lily; ชื่อวิทยาศาสตร์: Lilium) เป็นไม้ดอกประเภทหัว (bulb[1]) ที่มีการชื้อขายกันมากเป็นอันดับห้า รองจากกุหลาบ เบญจมาศ ทิวลิป และคาร์เนชัน ส่วนใหญ่จะปลูกบนที่สูง ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดเลย เนื่องจากมันเป็นพืชที่เจริญเติบโตในสภาพอากาศที่หนาวเย็น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน และบริเวณตอนเหนือของญี่ปุ่น มีฉายาว่า "ดอกไม้ของเจ้าหญิง[2]"
ดอกลิลี่เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ สดใส ไร้เดียงสา จึงมักนำมาใช้ประดับในงานสังสรรค์รื่นเริง เป็นตัวกลางในการสื่อความหมาย โดยจะมีความหมายจำเพาะตามสีของดอก
แต่ในความสวยงามนั้น ก็ยังมีความอันตรายอยู่ เพราะลิลีเป็นพืชมีพิษ ถ้าเผลอรับประทานเข้าไปจะทำให้ไตวาย และนำไปสู่อัมพาตในที่สุด[3]
เนื่องจากลิลีมีสีของดอกที่หลากหลาย จึงมีการตีความในความหมายที่แตกต่างกัน ดังนี้
ดอกสีขาว (white lilly) แสดงออกถึงความรักที่บริสุทธิ์ ความรักแบบอ่อนหวาน จริงใจ และเทิดทูน ความอ่อนหวานแสนดี เป็นเหมือนการบอกเป็นนัยว่าคือรักแรกพบ
ดอกสีชมพู (pink lilly) แสดงออกถึงการค้นหาความรักที่ดีที่สุดแล้วพบเจอมัน เป็นดอกไม้ที่ผสมผสานอารมณ์ของความรักได้ อย่างลงตัว สื่อถึงความรักความจริงใจที่มี นอกจากนี้ยังเป็นนิยมเป็นดอกไม้ที่จะให้แก่คนรักอีกด้วย
ดอกสีส้ม (orange lilly) แสดงออกถึงความร่าเริง สดใส ความปิติสุขที่ได้อยู่ใกล้ เป็นดอกไม้ที่นำความน่ารักและความสดใสมารวมกันอย่างพอดี นิยมให้เพื่อนสนิท หรือคนรู้จัก
ดอกสีเหลือง (yellow lilly) แสดงออกถึงความอบอุ่นห่วงใย อวยพรให้ปลอดภัยจากภยันอันตราย
ลิลี่เป็นไม้ดอกที่มีหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน หัวของลิลี่ คือ ส่วนลำต้นที่อัดตัวกันแน่น ประกอบด้วยฐานของหัว ลักษณะเป็นแผ่นแบน ๆ ด้านบนเป็นกลีบเรียงซ้อนกันเป็นชั้นคล้ายกลีบหอมหัวใหญ่ ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหาร ด้านล่างของฐานจะมีรากงอกออกมา หัวของลิลี่จะเจริญเติบโตและเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปีจะสร้างจุดเจริญใหม่ภายในหัว เมื่อหัวพัฒนาเต็มที่และ ได้ผ่านช่วงฤดูหนาวเกิดการทำลายการฟักตัวของหัว ยอดใหญ่จะเจริญเติบโตเป็นลำต้นเหนือดิน และส่วนยอดะสร้างช่อดอก ซึ่งดอกจะมีกลีบดอก 6 กลีบ แยกออกจากกัน มีเกสรตัวผู้ชูขึ้นอยู่ใจกลางดอก ลิลี่นั้นมีหลายสี มีทั้งสีขาว ชมพู ส้ม แดง ม่วง และมีสองสีในดอกเดียวกัน ดอกจะบานได้ 2-4 วัน
ลิลี่เป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงตั้งแต่ 2-6 ฟุต (60-180 เซนติเมตร) มีการสร้าง Bulb เปลือยเปล่าที่สามารถมีชีวิตอยู่ใต้ในฤดูหนาว สามารถพัฒนาไปเป็นไรโซม rhizomes หรือ stolon ได้ในบางสายพันธุ์
สภาพที่เหมาะสมในการปลูก
- วัสดุปลูก ลิลลี่ปลูกได้ในดินที่มีการระบายน้ำ และอากาศดี มีอินทรีย์วัตถุสูง ph 6 – 7 รักษาความชื้นในแปลงโดยการคลุมดิน ด้วยวัสดุคลุมดิน เช่น ฟางข้าว หรือเปลือกถั่ว
- อุณหภูมิ ช่วงแรกของการเจริญเติบโต ต้องการอุณหภูมิประมาณ 12 – 15 ซ.หากต่ำกว่านี้จะทำให้ยอดเจริญช้าเกินไป หลังจากนั้นอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตของลิลลี่ คือ กลางคืน 14 – 16 ซ. และกลางวัน 22 – 25 ซ.
- ความชื้น ที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ของลิลลี่ คือความชื้น สัมพัทธ์ ร้อยละ 80 – 85 ควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงความชื้น แบบกระทันหัน เพราะจะทำให้เกิดใบไหม้ (leaf scorn) ในพันธุ์ที่อ่อนแอ กับอาการนี้ หารมีการเปลี่ยนแปลงควรค่อยเป็น ค่อยไป จึงควรใช้การพรางแสง การระบายอากาศ และการให้น้ำ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว
- แสง ในช่วงอากาศร้อน อุณหภูมิสูง ทำให้คุณภาพดอกต่ำ ในช่วงแดดจัดควร พรางแสงให้ ลิลลี่กลุ่มเอเชียติก และลองจิฟลอรัม ร้อยละ 50 ส่วนกลุ่ม ออเรียนเทิล ร้อบละ 70 การพรางแสง ยังช่วยรักษาความชื้นด้วย
การปลูก
แปลงปลูกควรยกแปลงสูง 20-30 ซ.ม กว้าง 1 เมตร เว้นทางเดิน 50 ซ.ม
ระยะปลูก ขึ้นอยู่กับขนาดของหัวพันธุ์ เมื่อได้รับหัวพันธุ์ ในลักษณะแช่แข็ง (-4 องศาเซลเซียส) ให้เปิดถุงพลาสติกในร่มมีหลังคา และปล่อยให้ละลายในถุง เป็นเวลา 1-2 วัน จากนั้น จึงนำไปปลูก โดยขุดหลุม และกลบดินเหนือหัวพันธุ์ประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพื่อให้รากที่เกิดขึ้นบนต้นเหนือหัวพันธุ์ เจริญได้สมบูรณ์ที่สุด ร้อยละ 90 ของการเจริญของลิลลี่ขึ้นอยู่กับรากนี้
การให้น้ำ
ควรให้น้ำ 2 – 3 วันก่อนปลูกเพื่อให้ดินชื้น ในระยะแรกที่ปลูกใหม่ จากนั้น ควรรดน้ำวันละครั้ง ในช่วงเช้า พยายามให้ดินมีความชื้นอยู่ เสมอ
การให้ปุ๋ย
ควรใส่ปุ๋ยคอกเก่า ๆ หรือปุ๋ยหมัก ปริมาณ 1 ลูกบาตรเมตร ต่อพื้นที่ 100 ตรม. ให้ปุ๋ยครั้งแรก 3 สัปดาห์หลังปลูก ควรให้ปุ๋ย แคลเซี่ยมไนเตรต สูตร 15 – 0 – 0 อัตรา 1 กก. ต่อพื้นที่ 100 ตรม. ต่อมาให้สูตร 12 – 10 – 18 ทุก 2 สัปดาห์ หลังตัดดอกแล้วหากต้องการเก็บหัวพันธุ์ ควรให้ปุ๋ยที่มี โปแตสเซี่ยมสูง เพื่อช่วยในการพัฒนาหัว เช่นสูตร 13 – 13 -21 ทุก 2 สัปดาห์
การเก็บเกี่ยวและปฏิบัติหลังเก็บเกี่ยว
ระยะที่เหมาะสมในการตัดดอกลิลลี่จะแตกต่างกันตามสายพันธุ์ หลักการทั่วไปคือ ควรตัดดอกลิลลี่ ในระยะที่ดอกล่างสุดตูม เริ่มมีสี และพร้อมที่จะบานในวันถัดไป เพื่อความสะดวกในการขนส่ง หรือสังเกตระยะก่อนดอกบาน 1 วัน เป็นระยะที่เหมาะสมในการตัดดอก การตัดดอกเร็วเกินไปจะทำให้ดอกบานช้า สีซีด จำนวนดอกบานน้อย และคุณภาพต่ำ ควรตัดที่ช่อ โดยเหลือต้นไว้เหนือดินประมาณ 10-20 ซม. จากนั้นทำการคัดเกรด ตามจำนวนดอก ความยาว และความแข็งแรงของก้าน ควรเอาใบที่โคนก้านใบออกทั้งหมดเป็นระยะประมาณ 10 ซม. เพื่อยืดอายุในการปักแจกัน และป้องกันน้ำเสีย มัดกำ คัดก้าน เนื่องจากดอกลิลลี่เสียหายง่าย หากได้รับแก๊สเอ็ทธิลีน หลังการตัดดอก ควรแช่ในสาร ชิลเวอร์ไธโอซัลเฟส อัตรา 30 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร เป็นเวลา 20 นาที จากนั้นจึงย้ายใส่ในน้ำสะอาด ที่ปรับค่า pH เท่ากับ 3.5 เก็บที่อุณหภูมิ 3-5 องศาเซลเซียส หากได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้อง จะสามารถเก็บดอกลิลลี่ในห้องเย็นเป็นเวลานานถึง 4 สัปดาห์
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้[1] https://en.wikipedia.org/wiki/Bulb
[2] http://natres.psu.ac.th/Department/PlantScience/510-111web/510-482web/510-482web-1-10-46/Lily.htm เก็บถาวร 2016-08-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
[4] https://sites.google.com/site/pakaporntunsuwan/dxk-lilli เก็บถาวร 2020-10-31 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
[5] https://en.wikipedia.org/wiki/Lilium
[6] https://zack43095.wordpress.com/2011/01/16/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88/
- ↑ 1.0 1.1 https://en.wikipedia.org/wiki/Bulb
- ↑ 2.0 2.1 "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-11. สืบค้นเมื่อ 2016-05-16.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-24. สืบค้นเมื่อ 2020-09-13.
- ↑ 4.0 4.1 "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-31. สืบค้นเมื่อ 2016-05-16.
- ↑ 5.0 5.1 https://en.wikipedia.org/wiki/Lilium
- ↑ 6.0 6.1 https://zack43095.wordpress.com/2011/01/16/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88/