ระบบควบคุมพีไอดี
ระบบควบคุมแบบสัดส่วน-ปริพันธ์-อนุพันธ์ (อังกฤษ: PID controller) เป็นระบบควบคุมแบบป้อนกลับที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งค่าที่นำไปใช้ในการคำนวณเป็นค่าความผิดพลาดที่หามาจากความแตกต่างของตัวแปรในกระบวนการและค่าที่ต้องการ ตัวควบคุมจะพยายามลดค่าผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุดด้วยการปรับค่าสัญญาณขาเข้าของกระบวนการ ค่าตัวแปรของ PID ที่ใช้จะปรับเปลี่ยนตามธรรมชาติของระบบ
วิธีคำนวณของ PID ขึ้นอยู่กับสามตัวแปรคือค่าสัดส่วน, ปริพันธ์ และ อนุพันธ์ ค่าสัดส่วนกำหนดจากผลของความผิดพลาดในปัจจุบัน, ค่าปริพันธ์กำหนดจากผลบนพื้นฐานของผลรวมความผิดพลาดที่ซึ่งพึ่งผ่านพ้นไป, และค่าอนุพันธ์กำหนดจากผลบนพื้นฐานของอัตราการเปลี่ยนแปลงของค่าความผิดพลาด น้ำหนักที่เกิดจากการรวมกันของทั้งสามนี้จะใช้ในการปรับกระบวนการ
โดยการปรับค่าคงที่ใน PID ตัวควบคุมสามารถปรับรูปแบบการควบคุมให้เหมาะกับที่กระบวนการต้องการได้ การตอบสนองของตัวควบคุมจะอยู่ในรูปของการไหวตัวของตัวควบคุมจนถึงค่าความผิดพลาด ค่าโอเวอร์ชูต (overshoots) และ ค่าแกว่งของระบบ (oscillation) วิธี PID ไม่รับประกันได้ว่าจะเป็นระบบควบคุมที่เหมาะสมที่สุดหรือสามารถทำให้กระบวนการมีความเสถียรแน่นอน
การประยุกต์ใช้งานบางครั้งอาจใช้เพียงหนึ่งถึงสองรูปแบบ ขึ้นอยู่กับกระบวนการเป็นสำคัญ พีไอดีบางครั้งจะถูกเรียกว่าการควบคุมแบบ PI, PD, P หรือ I ขึ้นอยู่กับว่าใช้รูปแบบใดบ้าง
ทฤษฎี
แก้การควบคุมแบบ PID ได้ชื่อตามการรวมกันของเทอมของตัวแปรทั้งสามตามสมการ:
เมื่อ
- , , และ เป็นผลของสัญญาณขาออกจากระบบควบคุม PID จากแต่ละเทอมซึ่งนิยามตามรายละเอียดด้านล่าง
สัดส่วน
แก้เทอมของสัดส่วน (บางครั้งเรียก อัตราขยาย) จะเปลี่ยนแปลงเป็นสัดส่วนของค่าความผิดพลาด การตอบสนองของสัดส่วนสามารถทำได้โดยการคูณค่าความผิดพลาดด้วยค่าคงที่ Kp, หรือที่เรียกว่าอัตราขยายสัดส่วน
เทอมของสัดส่วนจะเป็นไปตามสมการ:
เมื่อ
- : สัญญาณขาออกของเทอมสัดส่วน
- : อัตราขยายสัดส่วน, ตัวแปรปรับค่าได้
- : ค่าความผิดพลาด
- : เวลา
ผลอัตราขยายสัดส่วนที่สูงค่าความผิดพลาดก็จะเปลี่ยนแปลงมากเช่นกัน แต่ถ้าสูงเกินไประบบจะไม่เสถียรได้ ในทางตรงกันข้าม ผลอัตราขยายสัดส่วนที่ต่ำ ระบบควบคุมจะมีผลตอบสนองต่อกระบวนการน้อยตามไปด้วย
ปริพันธ์
แก้ผลจากเทอมปริพันธ์ (บางครั้งเรียก reset) เป็นสัดส่วนของขนาดความผิดพลาดและระยะเวลาของความผิดพลาด ผลรวมของความผิดพลาดในทุกช่วงเวลา (ปริพันธ์ของความผิดพลาด) จะให้ออฟเซตสะสมที่ควรจะเป็นในก่อนหน้า ความผิดพลาดสะสมจะถูกคูณโดยอัตราขยายปริพันธ์ ขนาดของผลของเทอมปริพันธ์จะกำหนดโดยอัตราขยายปริพันธ์, .
เทอมปริพันธ์จะเป็นไปตามสมการ:
เมื่อ
- : สัญญาณขาออกของเทอมปริพันธ์
- : อัตราขยายปริพันธ์, ตัวแปรปรับค่าได้
- : ความผิดพลาด
- : เวลา
- : ตัวแปรปริพันธ์หุ่น
เทอมปริพันธ์ (เมื่อรวมกับเทอมสัดส่วน) จะเร่งกระบวนการให้เข้าสู่จุดที่ต้องการและขจัดความผิดพลาดที่เหลืออยู่ที่เกิดจากการใช้เพียงเทอมสัดส่วน แต่อย่างไรก็ตาม เทอมปริพันธ์เป็นการตอบสนองต่อความผิดพลาดสะสมในอดีต จึงสามารถทำให้เกิดโอเวอร์ชูตได้ (ข้ามจุดที่ต้องการและเกิดการหันเหไปทางทิศทางอื่น)
อนุพันธ์
แก้อัตราการเปลี่ยนแปลงของความผิดพลาดจากกระบวนการนั้นคำนวณหาจากความชันของความผิดพลาดทุกๆเวลา (นั่นคือ เป็นอนุพันธ์อันดับหนึ่งสัมพันธ์กับเวลา) และคูณด้วยอัตราขยายอนุพันธ์ ขนาดของผลของเทอมอนุพันธ์ (บางครั้งเรียก อัตรา) ขึ้นกับ อัตราขยายอนุพันธ์
เทอมอนุพันธ์เป็นไปตามสมการ:
เมื่อ
- : สัญญาณขาออกของเทอมอนุพันธ์
- : อัตราขยายอนุพันธ์, ตัวแปรปรับค่าได้
- : ความผิดพลาด
- : เวลา
เทอมอนุพันธ์จะชะลออัตราการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณขาออกของระบบควบคุมและด้วยผลนี้จะช่วยให้ระบบควบคุมเข้าสู่จุดที่ต้องการ ดังนั้นเทอมอนุพันธ์จะใช้ในการลดขนาดของโอเวอร์ชูตที่เกิดจาเทอมปริพันธ์และทำให้เสถียรภาพของการรวมกันของระบบควบคุมดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอนุพันธ์ของสัญญาณรบกวนที่ถูกขยายในระบบควบคุมจะไวมากต่อการรบกวนในเทอมของความผิดพลาดและสามารถทำให้กระบวนการไม่เสถียรได้ถ้าสัญญาณรบกวนและอัตราขยายอนุพันธ์มีขนาดใหญ่เพียงพอ
ผลรวม
แก้เทอมสัดส่วน, ปริพันธ์, และอนุพันธ์ จะนำมารวมกันเป็นสัญญาณขาออกของการควบคุมแบบ PID กำหนดให้ เป็นสัญญาณขาออก สมการสุดท้ายของวิธี PID คือ:
รหัสเทียม
แก้รหัสเทียม (อังกฤษ: pseudocode) ของ ขั้นตอนวิธีระบบควบคุมพีไอดี โดยอยู่บนสมมุติฐานว่าตัวประมวลผลประมวลผลแบบขนานอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นดังต่อไปนี้
previous_error = setpoint - actual_position integral = 0 start: error = setpoint - actual_position integral = integral + (error*dt) derivative = (error - previous_error)/dt output = (Kp*error) + (Ki*integral) + (Kd*derivative) previous_error = error wait(dt) goto start
การปรับจูน
แก้การปรับจูนด้วยมือ
แก้ถ้าระบบยังคงทำงาน ขั้นแรกให้ตั้งค่า และ เป็นศูนย์ เพิ่มค่า จนกระทั่งสัญญาณขาออกเกิดการแกว่ง (oscillate) แล้วตั้งค่า ให้เหลือครึ่งหนึ่งของค่าที่ทำให้เกิดการแกว่งสำหรับการตอบสนองชนิด "quarter amplitude decay" แล้วเพิ่ม จนกระทั่งออฟเซตถูกต้องในเวลาที่พอเพียงของกระบวนการ แต่ถ้า มากไปจะทำให้ไม่เสถียร สุดท้ายถ้าต้องการ ให้เพิ่มค่า จนกระทั่งลูปอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ถ้า มากเกินไปจะเป็นเหตุให้การตอบสนองและโอเวอร์ชูตเกินยอมรับได้ ปกติการปรับจูน PID ถ้าเกิดโอเวอร์ชูตเล็กน้อยจะช่วยให้เข้าสู่จุดที่ต้องการเร็วขึ้น แต่ในบางระบบไม่สามารถยอมให้เกิดโอเวอร์ชูตได้ และถ้าค่า น้อยเกินไปก็จะทำให้เกิดการแกว่ง
ตัวแปร | ช่วงเวลาขึ้น (Rise time) |
โอเวอร์ชูต (Overshoot) |
เวลาสู่สมดุล (Settling time) |
ความผิดพลาดสถานะคงตัว (Steady-state error) |
เสถียรภาพ[1] |
---|---|---|---|---|---|
ลด | เพิ่ม | เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย | ลด | ลด | |
ลด[2] | เพิ่ม | เพิ่ม | ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ | ลด | |
เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย | ลดลง | ลดลง | ตามทฤษฏีไม่มีผล | ดีขึ้นถ้า มีค่าน้อย |
วิธีการ
แก้วิธีการนี้นำเสนอโดย John G. Ziegler และ Nathaniel B. Nichols ในคริสต์ทศวรรษที่ 1940 ขั้นแรกให้ตั้งค่า และ เป็นศูนย์ เพิ่มอัตราขยาย P สูงที่สุด, , จนกระทั่งเริ่มเกิดการแกว่ง นำค่า และค่าช่วงการแกว่ง มาหาค่าตัวแปรที่เหลือดังตาราง:
Control Type | |||
---|---|---|---|
P | - | - | |
PI | - | ||
PID |
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 Kiam Heong Ang; Chong, G.; Yun Li (2005). "PID control system analysis, design, and technology" (PDF). IEEE Transactions on Control Systems Technology. 13 (4): 559–576. doi:10.1109/TCST.2005.847331. S2CID 921620.
- ↑ 2.0 2.1 Jinghua Zhong (Spring 2006). "PID Controller Tuning: A Short Tutorial" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 21 เมษายน 2015. สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2011.
อ่านเพิ่มเติม
แก้- Liptak, Bela (1995). Instrument Engineers' Handbook: Process Control. Radnor, Pennsylvania: Chilton Book Company. pp. 20–29. ISBN 978-0-8019-8242-2.
- Tan, Kok Kiong; Wang Qing-Guo; Hang Chang Chieh (1999). Advances in PID Control. London, UK: Springer-Verlag. ISBN 978-1-85233-138-2.
- King, Myke (2010). Process Control: A Practical Approach. Chichester, UK: John Wiley & Sons Ltd. ISBN 978-0-470-97587-9.
- Van Doren, Vance J. (1 กรกฎาคม 2003). "Loop Tuning Fundamentals". Control Engineering.
- Sellers, David. "An Overview of Proportional plus Integral plus Derivative Control and Suggestions for Its Successful Application and Implementation" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 7 มีนาคม 2007. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2007.
- Graham, Ron; Mike McHugh (3 ตุลาคม 2005). "FAQ on PID controller tuning". Mike McHugh. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2005. สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2009.
- Aidan O'Dwyer (2009). Handbook of PI and PID Controller Tuning Rules (PDF) (3rd ed.). Imperial College Press. ISBN 978-1-84816-242-6.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้โปรแกรมการสอนการควบคุมแบบพีไอดี
แก้- PID Tutorial เก็บถาวร 15 มิถุนายน 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- P.I.D. Without a PhD เก็บถาวร 9 กุมภาพันธ์ 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน: a beginner's guide to PID loop theory with sample programming code
- What's All This P-I-D Stuff, Anyhow? เก็บถาวร 6 กันยายน 2007 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Article in Electronic Design
- Shows how to build a PID controller with basic electronic components เก็บถาวร 17 เมษายน 2006 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (pg. 22)
- Virtual PID Controller Laboratory
- PID Design & Tuning เก็บถาวร 4 สิงหาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานตัวควบคุมพีไอดีกับปัญหา Inverted Pendulum โดยมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน
หัวข้อพิเศษและการประยุกต์ใช้การควบคุมแบบพีไอดี
แก้- Proven Methods and Best Practices for PID Control เก็บถาวร 5 มิถุนายน 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- PID Control Primer เก็บถาวร 9 กุมภาพันธ์ 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Article in Embedded Systems Programming