ยะฮ์ยา บิน ซัยด์

(เปลี่ยนทางจาก ยะฮฺยา บินเซด)

ยะฮ์ยา บิน ซัยด์ (อาหรับ: يحيى بن زيد) เป็นบุตรชายเซด บุตรของ อิมามซัยนุลอาบิดีน บุตรของ อิมาม ฮุเซน บุตรของ อะลีย์ บินอะบีฏอลิบ สืบสกุลนบีมุฮัมมัด ทางฟาฏิมะหฺ ธิดานบีมุฮัมมัด ซึ่งเป็นภรรยาของอะลีย์ บินอะบีฏอลิบ

เมื่อยะฮ์ยามีอายุ 18 ปี ได้เข้าร่วมปฏิวัติต่อต้านทรราชย์แห่งตระกูลอุมัยยะหฺ แต่บิดาและพรรคพวกได้รับความปราชัย บิดาเสียชีวิตในสงคราม เดือนศอฟัร ฮ.ศ. 122 (มกราคม ค.ศ. 740)

หลังจากฝังศพของบิดาและพ้นจากการติดตามของกองทัพเจ้าเมืองอิรักก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในเมืองกูฟะหฺต่อไปได้จึงคิดที่จะหนีไป คุรอซาน ตามคำแนะนำของพรรคพวกของเซดคนหนึ่งซึ่งมาจากตระกูลอะซัด เพราะที่คุรอซานมีพรรคพวกที่สนับสนุนเซด และบรรพบุรุษอยู่มากมาย ชายคนนั้นนำยะฮ์ยาไปซ่อนในบ้านของตนหนึ่งคืน วันต่อมาชายคนนั้นได้ขอร้องให้อับดุลมาลิก บินบุชริ บินมัรวานให้ช่วยซ่อนยะฮ์ยา อับดุลมะลิกรับปาก และรับเอายะฮ์ยาเอาไปซ่อน แต่คราวนี้ถึงหูเจ้าเมือง จึงสอบถามอับดุลมะลิก แต่อับดุลมะลิกตอบว่า ฉันจะซ่อนคนที่จะแย่งชิงอำนาจจากฉันได้อย่างไร? เจ้าเมืองจึงสั่งให้ยกเลิกติดตามยะฮ์ยา ดังนั้นยะฮ์ยาจึงออกเดินทางมุ่งหน้าไป คุรอซาน พร้อม ๆ กับพรรคพวกประมาณ 10 คน ผ่านกัรบะลาอ์ เข้าสู่มะดาอิน ข่าวว่ายะฮ์ยากำลังมุ่งหน้าสู่คูรอซานได้มาถึง จึงสั่งให้ ฮะรีษ บิน อะบิลญะฮัม อัลกัลบีย์ ออกติดตาม แต่ก็ไม่ทัน

หลังจาก มะดาอิน แล้ว ยะฮ์ยา ก็มุ่งหน้าสู่ ร็อยย์ (เรย์) และ ซัรคอซ แล้วพำนักอยู่กับยะซีด บินอุมัร อัตตะมีมีย์ เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นจึงออกเดินทางสู่ บะลัค และพำนักอยู่กับ อัลญะรีช บินอับดิรเราะฮฺมาน อัชชัยบานีย์ จนกระทั่งคอลีฟะหฺ ฮิชามเสียชีวิต และ วะลีด บินยะซีด ผู้เป็นหลานขึ้นเป็นคอลีฟะหฺแทนเจ้าเมืองอิรักได้ส่งจดหมายไปยัง นัศรุ บินซัยยาร ซึ่งเป็นเจ้าเมืองคุรอซาน ให้ตามจับ ยะฮ์ยา เจ้าเมืองคุรอซานจึงสั่งให้ อะกีล บินมุอักก็อล ที่เป็นผู้ปกครองเมือง บะลัค ให้จับ อัลญะรีช หากไม่นำยะฮ์ยา มามอบตัว อัลญะรีช ปฏิเสธจึงถูกจับและถูกโบย 600 ครั้ง แต่ก็ยังใจแข็งสาบานว่า แม้ยะฮ์ยาจะอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาเขาก็จะไม่ยอมยกเท้าฉันขึ้นมา ลูกชายของอัลญะรีชชื่อ กุเรช ทนเห็นบิดาถูกทรมานไม่ได้ก็บอกที่ซ่อนให้ อะกีล บินมุอักก็อล จับตัวไปพร้อมๆ กับสหายที่มาจากกูฟะหฺด้วยกันคือ ยะซีด บินอัมริ อิบนุลฟัฎลิ แล้วทั้งสองก็ถูกจับส่งไปให้ นัศรุ บินซัยยาร ฝ่าย นัศรุ บินซัยยาร เมื่อได ้ยะฮ์ยา และ ยะศีด ก็ขังไว้ แล้วส่งจดหมายไปให้เจ้าเมืองอิรัก เจ้าเมืองอิรักจึงส่งสาร์นถึง คอลีฟะหฺ อัลวะลีด เพื่อเล่าเรื่องของ ยะฮ์ยา แต่ คอลีฟะหฺ อัลวะลีด กลับมีหนังสือสั่งให้ปล่อยตัวยะฮ์ยาและสหายไปวันที่ยะฮ์ยาถูกปล่อยตัวนั้น ชาวเมืองที่สนับสนุน ยะฮ์ยา ต่างก็มาหาช่างตีเหล็กที่ตัดเครื่องพันธนาการออกจากตัวของยะฮ์ยา เพื่อขอซื้อโซ่ตรวนเหล่านั้น เมื่อมีการแย่งชิงกัน ราคาของโซ่ตรวน ก็เพิ่มขึ้นถึง 20,000 ดิรฮัม พวกเขาซื้อเหล็กโซ่ตรวนนี้ไปทำหัวแหวน

ยะฮ์ยาจึงเดินทางสู่ ซัรคอส เมื่อ นัศรุ บินซัยยาร ได้ยินข่าวก็ส่งจดหมายให้ผู้ปกครองซัรคอส ขับไล่ยะฮ์ยาออกจากเมืองนี้ และยังได้ส่งสาร์นให้ผู้ปกครองฏูซ ไม่ให้อนุมัติยะฮ์ยาพำนักอยู่ในเมือง ยะฮ์ยาจึงเดินทางต่อไปยัง อิบรุ ชะหฺริ ซึ่งมี อัมรุ บินซะรอเราะหฺ เป็นผู้ปกครองเมืองอยู่ ผู้ปกครองคนนี้ได้มอบเงินแก่ยะฮ์ยา 1,000 ดิรฮัม พร้อมด้วยเสื้อผ้าและเสบียงแล้วส่งเขาไปเมือง บัยหัก ยะฮ์ยาอยู่ในเมืองนี้ได้ไม่กี่วัน ก็เดินทางกลับมายัง อิบรุ ชะหฺริ นำผู้คนจำนวน 70 คนกลับมาด้วยพร้อมด้วยม้าที่ซื้อให้ผู้คนเหล่านั้นขี่ อัมรุ บินซะรอเราะหฺ จึงเขียนจดหมายถึง นัศรุ บินซัยยาร บอกเล่าเรื่อง ของยะฮ์ยา ให้ทราบ นัศรุ บินซัยยาร จึงเขียนจดหมายถึง เกซ บินอิบาด อัลบักรีย์ ผู้ปกครองซัรคอส และ อัลฮะซัน บินยะซีด ผู้ปกครอง ตูซ ให้นำกำลังพลไป อิบรุ ชะหฺริ เพื่อต่อสู้กับยะฮ์ยา ทัพจากเมืองทั้งสามรวมกันแล้ว มีทหารหนึ่งหมื่นนาย ส่วนไพร่พลของยะฮ์ยามีเพียง 70 คนแต่ก็พยายามต่อสู้กับกองทัพใหญ่นี้ จนทำให้กองทัพระส่ำระส่ายและ อัมรุ บินซะรอเราะหฺ ก็ถูกฆ่าตายในการต่อสู้ครั้งนี้ ยะฮ์ยาจึงสามารถเข้ายึดค่ายทหารและเก็บเอาทรัพย์สินและม้าไปมากมาย

หลังจากนั้นยะฮ์ยา ก็ได้นำพรรคพวกจากอิบรุชะหฺริ ผ่านเมือง มันฮะรอต ที่มี อัลมุฆลิซ บินศิยาด ปกครองอยู่ ผู้ปกครองเมืองปล่อยให้ยะฮ์ยาและพรรคพวกผ่านไปโดยไม่สะกัดกั้นแต่อย่างใด จนกระทั่งมาถึง อัลอะบุซญาน

นัศรุ บินซัยยารจึงส่ง ซะลีม บินอะหฺวัซ พร้อมด้วยทหารม้าจำนวน 8,000 นายที่มาจากซีเรียและอื่น ๆ ไล่ตามยะฮ์ยา จนถึง อัรฆอวา จึงเกิดการต่อสู้กันเป็นเวลาสามวันสามคืน จนกระทั่ง พรรคพวกของยะฮ์ยาถูกฆ่าเสียจนหมดสิ้น และยะฮ์ยาเองก็ถูกฆ่าตายเช่นกันยะฮ์ยา เสียชีวิตตอนบ่าย ของวันศุกร์ ไม่ทราบเดือน ปี ฮศ. 225 ศีรษะของเขาถูกตัดส่งไปให้ คอลีฟะหฺ อัลวะลีด หลังจากนั้นคอลีฟะหฺ จึงสั่งให้นำหัวไปเมืองมะดีนะหฺ เพื่อเขย่าขวัญญาติพี่น้อง ตระกูลฮาชิมมีคนนำศีรษะยะฮ์ยาไปให้นาง รีเฎาะหฺ ผู้เป็นมารดาของเขาได้ดู เมื่อนางเห็นแล้ว ก็ได้กล่าวว่า “พวกเธอทำให้เขาพลัดพรากจากฉันตั้งนาน แล้วพวกเธอก็นำเขาเป็นศพกลับมา!”ส่วนร่างกายของเขาก็ถูกตรึงที่ไม้ตั้งที่หน้าประตูเมือง ญุรญาณ ชาวคุรอซานจึงร้องห่มร้องไห้ แสดงความอาลัยต่อยะฮ์ยาเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ในปีนั้นเด็กชายทุกคนที่เกิดในคุรอซานจะได้รับการตั้งชื่อว่า ยะฮ์ยา หรือเซด กันหมด

ร่างกายของเขาก็ถูกตรึงที่ไม้อยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน จนกระทั่ง อะบูมุสลิม แห่งคุรอซาน ได้ทำการปฏิวัติล้มอาณาจักร อุมาวียะหฺ สำเร็จ จึงนำร่างของยะฮ์ยาไปฝัง