มาโนฮารา โอเดเลีย พีนอต
มาโนฮารา โอเดเลีย พีนอต (อินโดนีเซีย: Manohara Odelia Pinot; เกิด 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992) เป็นนางแบบชาวอินโดนีเซีย โดยถือสัญชาติอินโดนีเซียและอเมริกัน[2] และเคยเป็นบาทบริจาริกาในเติงกูมูฮัมมัด ฟาครี เปตรา ช่วง ค.ศ. 2008–2009
มาโนฮารา โอเดเลีย พีนอต | |
---|---|
เกิด | มาโนฮารา โอเดเลีย มันซ์ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย |
คู่สมรส | เติงกูมูฮัมมัด ฟาครี เปตรา (สมรส 2008; หย่า 2009) |
ญาติ |
|
นักเดินแบบ | |
สีผม | ดำ |
สีตา | น้ำตาล |
ประวัติ แก้ไข
พื้นฐานครอบครัว แก้ไข
จำเดิม เดซี ฟาจารีนา (Daisy Fajarina) เคยสมรสครั้งแรกกับเอดี (Edy) ชายชาวอินโดนีเซีย ต่อมาสมรสหนที่สองกับจอร์จ มันซ์ (George Manz) ชายชาวอเมริกัน มีบุตรด้วยกันคือมาโนฮารา แต่ทั้งสองหย่าจากกันใน ค.ศ. 1994 เดซีจึงสมรสหนที่สามกับเยือร์เกิน ไรเนอร์ โนอัค-พีนอต (Juergen Reiner Noack-Pinot) ชายสัญชาติเยอรมัน ซึ่งต่อมารับมาโนฮาราเป็นลูกบุญธรรม เธอจึงใช้นามสกุลของพ่อเลี้ยงแทน
ต่อมาซาลีฮา (Saliha) ลูกสาวบุญธรรมของเดซี ฟาจารีนา แจ้งความว่าเธอถูกเดซีและพีนอตซึ่งเป็นแม่และพ่อบุญธรรมล่วงละเมิดทางเพศและทำร้ายร่างกาย เดซีถูกตัดสินให้จำคุก 18 เดือน ส่วนนายพีนอตถูกตัดสินให้จำคุกเพียง 4 เดือน เดซีพร้อมลูกสาวสองคน คือ มาโนฮารา และเดวี ซรี อาซิฮ์ (Dewi Sri Asih) หลบหนีออกจากประเทศฝรั่งเศสไปอินโดนีเซีย จนถึงตอนนี้เธอยังมีหมายจับในประเทศฝรั่งเศสในฐานะ "ผู้จัดหาหญิงเปราะบางและต้องการที่พึ่งพาอาศัย ให้ไปทำงานที่ไม่มีมาตรฐาน และทำร้ายร่างกายมาตั้งแต่ ค.ศ. 1998"[3]
ความสัมพันธ์กับเจ้าชายฟาครี แก้ไข
มาโนฮาราตกเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวางในสื่อมวลชนอินโดนีเซียเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 หลังเดซี ฟาจารีนา มารดา กล่าวหาว่าเติงกูมูฮัมมัด ฟาครี เปตรา (Tengku Muhammad Fakhry Petra) เจ้าชายแห่งรัฐกลันตันซึ่งเป็นสามีของมาโนฮารา ลักพาตัวมาโนฮาราไป[4]
มาโนฮาราพบกับเติงกูมูฮัมมัด ฟาครี ครั้งแรกในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จัดโดยนาจิบ ราซัก รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในขณะนั้น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2006[5] โดยเติงกูมูฮัมมัด ฟาครี เสกสมรสกับมาโนฮารา หญิงชาวอินโดนีเซียวัย 16 ปี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2008 ซึ่งการแต่งงานดังกล่าวไม่มีพยาน (วะลีย์) และไม่มีเอกสารทางกฎหมายจากสถานทูตอินโดนีเซีย
ระหว่างที่อยู่ในรัฐกลันตัน มาโนฮาราต้องทนทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจจากสามีมายาวนาน ด้วยเหตุนี้เธอจึงลอบหนีกลับอินโดนีเซียผ่านทางสิงคโปร์ เติงกูมูฮัมมัด ฟาครีพยายามง้อมาโนฮาราด้วยการซื้อรถยนต์หรูให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 รวมทั้งเชิญชวนให้มาโนฮารา เดซี มารดา และเดวี น้องสาวต่างมารดา ไปทำอุมเราะฮ์ที่มักกะฮ์ด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2009 หลังเสร็จสิ้นการแสวงบุญที่มักกะฮ์ มาโนฮาราหายตัวไป ส่วนเดซีและเดวีก็ถูกทิ้งไว้ที่สนามบินแห่งหนึ่งในมักกะฮ์ เดซีจึงขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอินโดนีเซียและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้พามาโนฮาราที่ถูกลักพาตัวไปกลับคืนมา[6]
ประเด็นการหายตัวไปของมาโนฮาราเป็นที่สนใจมากขึ้น หลังนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลีกเลี่ยงการตอบคำถามเกี่ยวกับมาโนฮาราซึ่งถามโดยซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เมื่อครั้งพบปะกันที่จาการ์ตา เมื่อ 23 เมษายน ค.ศ. 2009[7] เดซี มารดาของมาโนฮาราจัดการแถลงข่าวหน้าคณะกรรมาธิการแห่งชาติว่าด้วยความรุนแรงต่อเด็กและสตรีกรุงจาการ์ตา โดยตัดพ้อว่าทางการมาเลเซียห้ามเธอเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียเพื่อไปหาลูกสาว ซึ่งเปรียบได้กับเหตุการณ์การเสียชีวิตของชารีบูกี อัลตันตูยา[8] ทางการอินโดนีเซียได้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียอธิบายว่าเพราะเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้นางเดซีไปเยี่ยมลูกสาว ท่ามกลางการกล่าวอ้างว่าเจ้าชายของมาเลเซียล่วงละเมิดมาโนฮารา[9]
ต่อมาสุลต่านแห่งกลันตันทรงพระประชวรและเข้ารับถวายการรักษาที่ประเทศสิงคโปร์ มาโนฮาราได้ตามเสด็จไปด้วย ในเวลานั้นเดซีอยู่ที่สิงคโปร์เช่นกัน จึงสอบถามชื่อโรงแรมจากลูก ครั้นมาโนฮาราจะหลบหนีออกจากโรงแรม บอดีการ์ดกลันตันพยายามให้เธอหยุดที่ชั้นสามที่สุลต่านประทับอยู่ แต่จากความช่วยเหลือจากสถานทูตสหรัฐ เธอจึงหนีไปยังท่าอากาศยานนานาชาติชางงีและบินกลับอินโดนีเซียพร้อมมารดาได้สำเร็จเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2009[10] มีการจัดแถลงข่าวออกโทรทัศน์ โดยมาโนฮาราออกมายืนยันคำพูดของมารดาว่าเติงกูมูฮัมมัด ฟาครี ทำร้ายร่างกายและจิตใจของเธอจริง[11] และกล่าวอีกว่าเธอจะไม่เดินทางกลับไปกลันตันอีก และตั้งใจจะฟ้องหย่ากับเติงกูมูฮัมมัด ฟาครี[12]
รัตนา ซารุมปาเยต (Ratna Sarumpaet) นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีผู้เคยให้ความช่วยเหลือมาโนฮาราและเดซี ได้ถอนการเสนอที่จะช่วย โดยให้เหตุผลว่าหญิงทั้งสองขาดมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินคดีต่อ[13] ส่วน โอ. ซี. กาลีกิส (O. C. Kaligis) ทนายความซึ่งเคยเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ก็ถอนตัวจากการเป็นตัวแทนของมาโนฮาราเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาด้านการรวบรวมหลักฐานและการให้ข้อมูล[14] ต่อมากระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซียเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือและยื่นรายงานต่อตำรวจมาเลเซียในนามของมาโนฮารา โดยเธอต้องยื่นแสดงหลักฐานสำคัญออกมาทั้งหมด แต่มาโนฮาราปฏิเสธการช่วยเหลือ และไม่ยอมส่งมอบรายงานทางการแพทย์แก่ทนายความชาวมาเลเซีย ที่สุดทนายความคนดังกล่าวได้ยื่นคำร้องขอให้เขาออกจากคดี[15]
ต่อมาซาฮีลา ลูกสาวบุญธรรมของเดซี เดินทางกลับสู่ประเทศอินโดนีเซีย หลังใช้เวลากว่าสิบปีในการนำตัวแม่บุญธรรมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ฮัซซัน วีราจูดา (Hassan Wirajuda) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า เขาได้รับเอกสารจากสถานกงสุลใหญ่เมืองมาร์แซย์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเนื้อหาขอให้รัฐบาลอินโดนีเซียเร่งรัดคดีของเดซีให้รับโทษจำคุก[16]
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 มาโนฮาราระบุในสตอรีอินสตาแกรมระบุว่าเธอเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ โดยอ้างว่าเปลี่ยนมานานแล้ว และไม่ใช่กงการอะไรของใคร เพราะเป็นเรื่องระหว่างเธอกับพระเจ้า[17]
อ้างอิง แก้ไข
- ↑ "My ex-wife's an evil mother, says Manohara's dad, Frankie D'Cruz, July 6, 2009, Malay Mail
- ↑ MANOHARA ISSUE: Indonesian NGO calls for official investigation เก็บถาวร 2009-07-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Frankie D'Cruz, July 6, 2009, Malay Mail
- ↑ MANOHARA ISSUE: Now it’s father vs father เก็บถาวร 2010-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Mmail.com.my (2009-07-13). Retrieved on 2011-12-24.
- ↑ Menguak Hilangnya Manohara Odelia Pinot, KapanLagi.com, accessed 19 April 2009
- ↑ MANOHARA ISSUE: Now it’s father vs father เก็บถาวร 2010-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Mmail.com.my (2009-07-13). Retrieved on 2011-12-24.
- ↑ Komnas HAM Indonesia Segera Surati Komnas HAM Malaysia (Komnas HAM wrote to their Malaysian counterparts), KapanLagi.com, 25 April 2009, accessed 25 April 2009
- ↑ Malaysia's Najib dodges queries on model. Straits Times. 23 April 2009.
- ↑ Questions for Najib over a Missing Model เก็บถาวร 2009-04-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Asia Sentinel, 24 April 2009.
- ↑ RI demands KL explain ban on anxious mother The Jakarta Post, 24 April 2009.
- ↑ Manohara Pulang, Deasy Fajarina Sambut Dengan Pelukan (Manohara is home, Daisy welcomes her with hugs), KapanLagi.com, 31 May 2009, accessed 31 May 2009
- ↑ Manohara Odelia Pinot Model Flees Clutches of Malaysian Prince. 03/04/2009 เก็บถาวร 2013-11-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Newsbizarre.com (2008-08-26). Retrieved on 2011-12-24.
- ↑ Redaksi Kontroversi Trans-7, Manohara Succeed to Escape Back to Homeland. 31/05/2009 เก็บถาวร ตุลาคม 17, 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ Ratna Sarumpaet Cabut Pendampingan untuk Manohara เก็บถาวร 2009-05-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Entertainment.kompas.com. 25 May 2009 Retrieved on 2011-12-24.
- ↑ OC Kaligis Juga Tinggalkan Manohara เก็บถาวร 2012-04-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Pos-kupang.com. 6 June 2009 Retrieved on 2011-12-24.
- ↑ It’s ‘hearsay’, says Manohara’s lawyer เก็บถาวร 2009-11-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Mmail.com.my (2009-09-28). Retrieved on 2011-12-24.
- ↑ Daisy's worst nightmare comes true เก็บถาวร 2011-06-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Mmail.com.my (2009-07-23). Retrieved on 2011-12-24.
- ↑ "Putuskan Pindah Agama, Manohara Odelia Pinot: I am a Christian!". 27 February 2020.