ซังเทียนเอ๋อ (จีน:商天娥; พินอิน:Shāng Tiān'é; กวางตุ้ง:Soeng1 Tin1 Ngo4; อังกฤษ:Kiki Sheung) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า กิกิ ซัง เป็นนักแสดงหญิงชาวฮ่องกง ที่อดีตเคยมีชื่อเสียงในยุค 80s มาจากบท "อาเคอ/เฉินหยวนหยวน" ในเรื่องอุ้ยเสี่ยวป้อ (เวอร์ชันเหลียงเฉาเหว่ย) โดยส่วนใหญ่แล้วสถานีโทรทัศน์ทีวีบีมักจะให้เธอได้เล่นเป็นตัวสมทบหรือนางรองในละครฟอร์มใหญ่ และเป็นนางเอกในละครฟอร์มเล็กแทน บทบาทที่เธอได้รับนั้นหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เธอมักจะได้เล่นเป็นตัวละครที่แกร่งนอกอ่อนในอยู่เสมอ เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักพอสมควรในระดับเอเชีย แต่ในฮ่องกงเธออยู่ในฐานะอดีตนักแสดงหญิงคนหนึ่งที่โด่งดังในยุค 80s[1][2][3]

ซัง เทียนเอ๋อ
เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 (60 ปี)
ซังเทียนเอ๋อ
ฮ่องกง
คู่สมรสหลี่เหว่ยเฉิง (李偉誠) พ.ศ. 2553-ปัจจุบัน
อาชีพนักแสดง
ปีที่แสดงพ.ศ. 2526-ปัจจุบัน
ผลงานเด่น-"อาเคอ" เรื่อง อุ้ยเสี่ยวป้อ (พ.ศ. 2527)
-"ฝงเหม่ยซิน" เรื่อง คู่แค้นสายโลหิต (พ.ศ. 2532)
สังกัด-ทีวีบี
-เอทีวี
ฐานข้อมูล
IMDb

ซังเทียนเอ๋อ เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว หลังจากจบหลักสูตรการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในรุ่นที่ 12 เมื่อปีพ.ศ. 2526 โดยประเดิมบทบาทตัวประกอบเล็ก ๆ ในละครโทรทัศน์เรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเธอ คือเรื่อง มังกรหยก ภาค1 "(Legend of the Condor Heroes 1983)" (เวอร์ชัน หวงเย่อหัว-องเหม่ยหลิง) ซึ่งในช่วงแรก ๆ ที่เธอไต่เต้าอยู่นั้นเธอไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก เพราะยังเป็นแค่ตัวประกอบอยู่ หลังจากนั้นก็ขยับขึ้นมาเป็นตัวสมทบบ้างเป็นนางรองบ้างจนได้เป็นนางเอกบ้างในบางเรื่อง และเธอต้องใช้เวลาเกือบสองปีถึงเริ่มจะมีชื่อเสียงขึ้นมากับบทบาท "อาเคอ" ที่เธอได้ร่วมแสดงในผลงานดัง อย่างเรื่อง อุ้ยเสี่ยวป้อ เวอร์ชันเหลียงเฉาเหว่ย ที่ถูกสร้างในปีพ.ศ. 2527 ต่อมาเธอได้ร่วมแสดงในผลงานละครที่สร้างจากบทประพันธ์ดัง ๆ ในหลายต่อหลายเรื่อง ทำให้เธอมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้น เช่น ตำนานอักษรกระบี่ เวอร์ชันในปีพ.ศ. 2530 , เพ็กฮ่วยเกียม จอมดาบงูทอง หรือแม้กระทั่งละครเรื่อง ศึกอภินิหารเหมาซาน และ เลือดล้างแผ่นดิน เป็นต้น ซึ่งผลงานละครเหล่านี้ก็นำพาซึ่งความนิยมให้แก่ตัวเธอได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเธอยังมีส่วนร่วมแสดงในละครยอดนิยมสูงสุดตลอดกาล อย่างเรื่อง คู่แค้นสายโลหิต กับบทบาททนายสาว ฝงเหม่ยซิน อีกด้วย นอกจากนี้เธอยังเคยมีรายชื่อ เข้าชิงนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ในปีพ.ศ. 2533 จากบทบาทสมทบที่เธอเล่นในภาพยนตร์เรื่อง จ้างคนดีมาเป็นคนเลว (Sentenced to Hang 1989) กับงานรางวัล ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ด ครั้งที่ 9 (The 9th Hong Kong Awards)

ต่อมาเธอเริ่มมีปัญหาทางด้านสุขภาพส่งผลให้น้ำหนักตัวของเธอขึ้น ๆ ลง ๆ ทำให้เธอรับงานแสดงได้ไม่เต็มที่ เพราะเธอต้องพักรักษาตัว ซึ่งบางช่วงงานละครก็ขาดหายไปเป็นปี แล้วกลับเข้ามาเล่นอีก ทำให้ชื่อเสียงของเธอเริ่มลดลง ในปีพ.ศ. 2538 หลังจากที่ควบคุมน้ำหนักกลับมาได้เหมือนเดิม เธอได้ย้ายไปเป็นนักแสดงให้กับสถานีโทรทัศน์เอทีวี และแจ้งเกิดอีกครั้ง กับผลงานที่เธอได้ร่วมแสดงนำกับ เติ้ง ชุ่ยเหวิน ในละครเรื่อง ดรุณีรักนี้ไม่แปรเปลี่ยน ซึ่งถือได้ว่าบทบาทการแสดงของเธอในเรื่องนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมละครมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตการแสดงของเธอ จากความสำเร็จของเธอในละครเรื่องนี้ทำให้เธอมีผลงานร่วมแสดงเด่น ๆ กับทางค่ายเอทีวี อีกหลายเรื่อง เช่น แผ่นดินรัก แผ่นดินเลือด, ท้าผีกัดข้ามศตวรรษ ภาค 2 และ ศึกเทพยุทธมังกรฟ้า เป็นต้น เธอแสดงละครให้กับทางค่ายเอทีวี จนถึงปีพ.ศ. 2546 ต่อมาได้ย้ายกลับไปเป็นนักแสดงให้กับทางค่ายทีวีบี ดังเดิม และมีบทบาทร่วมแสดงกับผลงานเด่น ๆ ในยุคหลัง ๆ ของทางค่ายทีวีบี เช่น ปมมรณะข้ามภพ, หมอใจเพชร, ลิขิตรักโฉมงามคู่, ไฟรัก เพลิงริษยา, เกมส์อาหารสู้ชีวิต และ ทีเด็ดแม่บ้านตลาดหุ้น เป็นต้น

ปัจจุบันเธอยังคงรับงานแสดงเป็นช่วง ๆ กับสถานีโทรทัศน์ทีวีบีและมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุขกับสามี หลี่เหว่ยเฉิง (李偉誠) ซึ่งเป็นคนนอกวงการ โดยที่ทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกัน

ประวัติ แก้

ซังเทียนเอ๋อ เข้าเรียนในหลักสูตรการแสดงระยะสั้นของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี รุ่นที่ 12 ซึ่งมีเพื่อนนักแสดงร่วมรุ่นเดียวกัน เช่น หลิวเจียหลิง, อู๋จวินหยู, หลันเจี๋ยอิง, เจิงหัวเชี่ยน, หลิวชิงหวิน, อู๋ฉีหัว และ เถาต้าหวี่ โดยใช้เวลาเรียนจนจบครึ่งปี หลังจากเรียนจบการแสดงเธอก็กลายเป็นนักแสดงทันที โดยในเดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2526 เธอได้เข้าร่วมแสดงในบทสาวใช้กับหลิวเจียหลิงในละครโทรทัศน์เรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเธอ คือเรื่อง มังกรหยก ภาค1 "(Legend of the Condor Heroes 1983)" (เวอร์ชัน หวงเย่อหัว-องเหม่ยหลิง) และเป็นตัวประกอบในผลงานละครสากลเรื่อง เฉือนรักเฉือนคม ซึ่งเป็นผลงานละครในปีเดียวกัน

ถัดมาในปีพ.ศ. 2527 เธอได้เป็นตัวประกอบทั้งในละครเรื่อง ยุทธจักรชิงจ้าวบัลลังค์ (The Foundation 1984) และละครเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร (The Smiling, Proud Wanderer 1984) เวอร์ชันโจวเหวินฟะ ต่อมาเธอได้ขยับขึ้นมาเป็นนางเอกในละครสั้นแนวสากลเรื่อง สายใยรัก (Once Upon an Ordinary Girl 1984) โดยเธอได้มีโอกาสแสดงคู่กับซุปเปอร์สตาร์ อย่าง เลสลี่ จาง ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นผลงานแจ้งเกิดของเธอ ทำให้เธอมีชื่อเสียงขึ้นมาในระดับหนึ่ง ต่อมาผลงานที่ทำให้เธอโด่งดังขึ้นมาเป็นอย่างมาก กับการร่วมแสดงในละครยอดฮิตแห่งปี เรื่อง อุ้ยเสี่ยวป้อ (The Duke of Mount Deer 1984) เวอร์ชันเหลียงเฉาเหว่ย กับการสวมบทบาทเป็น "อาเคอ" ซึ่งเป็นหนึ่งในเมียทั้ง 7 ของอุ้ยเสี่ยวป้อ หลังจากประสบความสำเร็จกับผลงานละครเรื่องนี้ ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงยอดนิยมคนหนึ่งทันที

ในปีพ. ศ. 2528 เธอได้เข้าร่วมแสดงในละครกำลังภายในยอดนิยมชุดเรื่อง เพ็กฮ่วยเกียม จอมดาบงูทอง หรือ ดาบเลือดสะท้านแผ่นดิน (sword stained with royal blood 1985) ซึ่งละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ในเดือนสิงหาคม ผลงานที่เธอร่วมแสดงนำในละครอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มใหญ่แห่งปี เรื่อง 3 ก๊ก ตอน ศึกสองแผ่นดิน (The Battlefield 1985) ซึ่งเธอได้ร่วมแสดงนำกับ สือซิ่ว, อู๋ฉีหัว และ เฉิน อวี้เหลียน อีกทั้งละครชุดเรื่องนี้ยังเป็นละครเรื่องสุดท้ายในชีวิตของดาราชื่อดัง องเหม่ยหลิง ที่ได้ร่วมแสดงอีกด้วย ซึ่งเนื้อเรื่องในละครเรื่องนี้เป็นการบอกถึงจุดสิ้นสุดของราชวงศ์ฉิน ที่พ่ายแพ้ในการสู้รบต่อราชวงศ์ฮั่น และในปีเดียวกันนั้นเธอได้เข้าร่วมแสดงในละครดังแห่งปีเรื่อง ขุนศึกตระกูลหยาง (The Yang's Saga 1985) ซึ่งเป็นละครที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในวาระครบรอบ 18 ปีของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี

ปีพ.ศ. 2529 ในเดือนมกราคม ผลงานที่เธอได้ร่วมนำแสดงในซีรีส์แนวอภินิหารเรื่อง ศึกอภินิหารเหมาซาน (Brothers Under the Skin 1986) ซึ่งได้เล่นประกบกับ หวงเย่อหัว และเติ้งชุ่ยเหวิน ตามด้วยในเดือนตุลาคม ผลงานที่เธอได้เข้าร่วมแสดงในละครเรื่อง พลังหนุ่มใจเพชร (The Turbulent Decade 1986) และในเดือนธันวาคม กับละครสากลแนวตลกเรื่อง ผมเป็นโสดนะครับ (A Taste of Bachelorhood 1986) ได้ทำการออกอากาศในฮ่องกง

ในปีพ.ศ. 2530 ประเดิมบทบาทที่ร่วมแสดงในละครชุด อ้อมอกแม่ (the seasons 1987) ตามด้วยละครสากลแนวชีวิตเรื่อง สุภาพบุรุษเดินดิน (The Making Of A Gentleman 1987) และละครสากลแนวแอ็คชั่น เรื่อง หน่วยฉลามขาว ล่าล้างทรชน (Operation Sharkhunt 1987) ตามด้วยผลงานฟอร์มใหญ่แห่งปี อย่างเรื่อง ตำนานอักษรกระบี่ (The Legend of the Book and the Sword 1987) ที่มีนักแสดงชั้นนำมาร่วมแสดงด้วยกันอย่างมากมาย

ปีพ.ศ. 2531 เธอได้มีโอกาสร่วมแสดงกับ หลี่เหลียงเหว่ย, หวงเย่อหัว, กัวฟู่เฉิง และ หลิวชิงหวิน ในละครฟอร์มใหญ่ยักษ์แห่งปีเรื่อง ศึกน้องพระเยซูสะท้านแผ่นดิน "(Twilight of a Nation 1988)" และผลงานฟอร์มใหญ่อีกเรื่อง คือ ศึกชิงบัลลังก์ (Bing Kuen 1988) ที่ร่วมแสดงกับ หลีหมิง และ เส้า เหม่ยฉี

ปีพ.ศ. 2532 เธอมีผลงานร่วมแสดง ในละครสากลที่ติดท็อป 10 เรตติ้งสูงสุดตลอดกาลของฮ่องกงเรื่อง คู่แค้นสายโลหิต (Looking Back in Anger 1989) ที่เธอสวมบทบาทเป็นทนายสาว ฝงเหม่ยซิน ซึ่งเธอแสดงเป็นตัวละครตัวนี้ออกมาได้ดีเกินคาด ถึงแม้ว่าจะมีบางกระแสจากผู้ชมที่วิจารณ์ในเรื่องน้ำหนักตัวของเธอที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้นก็ตาม

ปีพ.ศ. 2533 เธอร่วมแสดงในละครเรื่อง ตะวันทอแสง (When the Sun Shines 1990) และมีผลงานเด่น ๆ ตามมาคือ เรื่อง ศึกชิงเจ้าปฐพี (Sword Of Defence 1990) และละครตลกดราม่า เรื่อง สามี...ขี้จุ๊ (失職丈夫 1990) เป็นต้น

และในปีพ.ศ. 2534 ละครโทรทัศน์เรื่องท้าย ๆ ก่อนที่เธอจะห่างหายไปจากวงการละคร คือเรื่อง เรื่องเล่า...คดีเร้นลับ (The Crime File 1991) และละครเรื่อง คุณพ่อ...ยังโสด (未婚爸爸 1991) หลังจากนั้นเธอก็ไม่มีผลงานละครออกมาให้ได้ชมอีกเลย ว่ากันว่าเธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพ

จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2537 เธอกลับมาอีกครั้งกับบทบาทที่เธอได้ร่วมแสดงในละครชุดแนวสากลฟอร์มใหญ่แห่งปี เรื่อง จอมบงการ (Instinct 1994) ที่มีนักแสดงชั้นนำมากมายมาร่วมงานกัน อย่าง เจิ้งเส้าชิว, เจิ้ง อี้เจี้ยน, กั๋วจิ้งอัน,จูเจียง, เฉิน สงหลิง และ กัวอ้ายหมิง นำแสดง และตามด้วยผลงานในปีถัดมา คือเรื่อง กามเทพจอมจุ้น (A GOOD MATCH FROM HEAVEN 1995) หลังจากละครเรื่องนี้ เธอได้ย้ายไปอยู่กับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี

ในปีพ.ศ. 2539 เธอมีผลงานดังกับทางค่ายเอทีวีหลายเรื่อง โดยประเดิมเรื่องแรกนั้น เธอได้ร่วมแสดงนำกับอดีตเพื่อนร่วมค่ายทีวีบี ที่ได้ย้ายมาอยู่ค่ายเอทีวี เช่นกันอย่าง เติ้ง ชุ่ยเหวิน กับละครเรื่อง ดรุณีรักนี้ไม่แปรเปลี่ยน (I Have a Date With Spring 1996) ซึ่งเป็นผลงานละครแนวคอมเมดี้ ที่ได้รับความนิยมมากเรื่องหนึ่งของทางค่ายเอทีวี และบทบาทของเธอในละครเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นผลงานที่ถูกจดจำมากที่สุดเรื่องหนึ่งของเธอ ตามด้วยละครฟอร์มใหญ่เรื่อง แผ่นดินรัก แผ่นดินเลือด (the good old days 1996) ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ต่อด่วยละครเรื่อง ท้าผีกัดข้ามศตวรรษ ภาค 2 (Vampire ExpertII 1996) ที่เธอได้เป็นนางเอกเต็มตัว เธอมีผลงานกับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี จนถึงปีพ.ศ. 2546 เธอได้ย้ายกลับไปอยู่ค่ายทีวีบี อย่างเดิม

ปีพ.ศ. 2547 เธอได้กลับมาร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี อีกครั้ง โดยประเดิมบทบาทเด่นในละครเรื่อง ปมมรณะข้ามภพ (To Get Unstuck In Time 2004) ทำให้เธอได้รับความสนใจอีกครั้ง ตามด้วยละครเรื่อง วอลเล่ย์บอลสื่อรัก (Sunshine Heartbeat 2004) และ หมอใจเพชร (The Last Breakthrough 2004) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้ร่วมแสดงในผลงานเด่น ๆ กับทางค่ายทีวีบีมากมาย มาจนถึงปัจจุบัน

ชีวิตส่วนตัว แก้

ในอดีต ซังเทียนเอ๋อ เป็นนักแสดงหญิงทรงเสน่ห์คนหนึ่ง ถึงเธอจะไม่ใช่คนสวยจัด ในสายตาของใครหลายคนก็ตาม แต่เธอก็เคยมีข่าวถึงความสัมพันธ์รักกับดาราชายชื่อดังในยุคสมัยนั้น มาแล้วหลายต่อหลายคน เช่น เลสลี่ จาง , อู๋ฉี่หัว (吴启华) และ เถาต้าหวี่ (陶大宇) มีทั้งที่เป็นข่าวลือและที่เป็นเรื่องจริง ระหว่างเธอกับเสลลี่จาง นั้นว่ากันว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (ที่มักจะใช้นักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้วมาผลักดันนักแสดงที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักให้มีชื่อเสียงขึ้นมา โดยการสร้างข่าวให้เป็นที่สนใจ) ที่ใช้ในการโปรโมตละครที่ทั้งคู่เล่นร่วมกัน แต่...ความสัมพันธ์รักระหว่างเธอกับอู๋ฉี่หัว และ เถาต้าหวี่ นั้นเธอเคยคบหาดูใจกับนักแสดงทั้งสอง จริง ๆ แต่ทว่าก็ไปไม่รอดจนต้องเลิกลากันไป และเธอก็ครองโสดอยู่นาน

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ซังเทียนเอ๋อ ผู้ซึ่งมีอายุ 48 ปี ได้ตัดสินใจแต่งงานกับ หลี่เหว่ยเฉิง (李偉誠) ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มอายุ 47 ปีที่มีอายุอ่อนกว่าเธอ 1 ปี หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานถึงสี่ปี และทั้งคู่ยังคงครองรักกันดีมาจนถึงปัจจุบัน

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แก้

ครั้งหนึ่งภายหลังการเสียชีวิตของ องเหม่ยหลิง

ซังเทียนเอ๋อ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อและตำหนิ ชิเหม่ยเจิน ที่มีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้ องเหม่ยหลิง ต้องเสียใจและจบชีวิตลง

ซังเทียนเอ๋อ เธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ องเหม่ยหลิง ต่อมา เหมียวเฉียวเหว่ย (แฟนของชิเหม่ยเจิน) ไม่พอใจกับคำพูดของ ซังเทียนเอ๋อ มากและได้มีการพูดคุยกับทางทีวีบี จนมีข่าวว่า ซังเทียนเอ๋อ จะถูกทีวีบีแช่แข็งหลายปี และ ชิเหม่ยเจิน ได้เข้ามาแทนที่เธอในกลุ่ม 7นางฟ้าทีวีบีแห่งยุค 80s[4]แต่อย่างไรก็ตาม ทีวีบี ก็ไม่ได้แช่งแข็ง ซังเทียนเอ๋อ แบบที่ หลิวเต๋อหัว โดน เพียงแต่ซ่อนเธอจากการโปรโมต และลดบทบาทในละครที่เธอร่วมแสดงลง จะเห็นได้ว่าช่วงกลางปีพ.ศ. 2528-2529 (1985-1986) เธอยังคงมีผลงานหลายเรื่อง เพียงแต่(ส่วนใหญ่)บทบาทของเธออาจจะไม่โดดเด่นเท่าที่ควร

ผลงานบางส่วน แก้

สถานีโทรทัศน์ทีวีบี แก้

(พ.ศ. 2526)

(พ.ศ. 2527)

(พ.ศ. 2528)

(พ.ศ. 2529)

(พ.ศ. 2530)

(พ.ศ. 2531)

(พ.ศ. 2532)

(พ.ศ. 2533)

(พ.ศ. 2534)

(พ.ศ. 2537)

(พ.ศ. 2538)

(พ.ศ. 2547)

(พ.ศ. 2548)

(พ.ศ. 2548)

(พ.ศ. 2549)

(พ.ศ. 2551)

สถานีโทรทัศน์เอทีวี แก้

(พ.ศ. 2539)

(พ.ศ. 2543)

ภาพยนตร์ แก้

  • วิ่งสู้ฟัด 2 (Police story 2 1985)
  • จ้างคนดีมาเป็นคนเลว (Sentenced to Hang 1989)
  • เจ้าพ่อแต้จิ๋ว (LEGEND OF CHIUCHOW BROTHERS 1991)
  • อุ้มบุญมาเกิด (Fait Accompli 1994)
  • เมนูรัก ปรุงรสให้เต็มหัวใจ (It Had to Be You! 2005)
  • สืบล่าปมฆ่าสยองโลก (The Detective 2007)

รางวัล แก้

  • เข้าชิงนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ในปีพ.ศ. 2533 จากบทบาทสมทบที่เธอเล่นในภาพยนตร์เรื่อง จ้างคนดีมาเป็นคนเลว (Sentenced to Hang 1989) กับงานรางวัล ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ด ครั้งที่ 9 (The 9th Hong Kong Awards)

อ้างอิง แก้

  1. ""ประวัติ ซังเทียนเอ๋อ"". โดย Baidu. สืบค้นเมื่อ 2018-08-18.
  2. ""ประวัติและผลงานบางส่วนของ ซังเทียนเอ๋อ"". douban. สืบค้นเมื่อ 2018-08-18.
  3. ""เลสลี่จาง กับ ซังเทียนเอ๋อ"". mpweekly. 2017-07-24. สืบค้นเมื่อ 2018-08-18.[ลิงก์เสีย]
  4. ซังเทียนเอ๋อ ต่อว่า ชิเหม่ยเจิน จนถูกแช่แข็ง:

แหล่งข้อมูล แก้