ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สำเนียงโคราช"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ล บริการเปลี่ยนหมวดหมู่อัตโนมัติด้วยบอต |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 10:
ต่อมาได้มีการติดต่อค้าขายกับ[[ชาวลาว]] ชาวไทยอีสานและชาวเขมร และมีการอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวลาว ชาวไทยอีสานและชาวเขมรเข้ามาทีหลัง ทำให้เกิดการวิวัฒนาการของภาษา โดยมีการยืมคำไทยอีสาน และคำเขมรปะปนเข้ามาใช้ เกิดเป็นคำไทโคราช ซึ่งแตกต่างจากภาษาไทยถิ่นอิสานโดยทั่วไป เพราะยังคงรักษารากศัพท์เดิมไว้คือภาษาไทยถิ่นกลางนั่นเอง
ไทโคราชนั้นเป็นชื่อเผ่าชนพื้นเมืองที่เรียกกันโดยรวม ซึ่งเกิดจากการจำแนกภาษา การแต่งกาย วัฒนธรรมและอื่นๆ โดยหากกล่าวถึงเรื่องภาษานั้น ภาษาไทโคราชจะคล้ายไปทางภาษากลาง มีปนอิสานบ้าง เขมรบ้าง แต่หากฟังจากสำเนียง และคำแต่ละคำนั้นจะเห็นได้ว่า สำเนียงภาษาไทโคราชนั้นจะเบนไปทางสำเนียงอิสาน และภาษานั้นส่วนใหญ่จะเป็นภาษาเขมร ปนภาษาอิสาน ซึ่งภาษาเขมร และภาษาอิสานล้วนแล้วแต่เป็นสำเนียงภาษาแม่ของแถบประเทศไทย หากลองสังเกตคำง่ายๆเช่น '''"ทองคำ"''' แยกได้เป็น "ทอง" เป็น เป็นภาษาแถบทางมอญ "คำ"เป็นภาษาอิสาน รวมกันเป็นภาษาไทยคือ "ทองคำ" ซึ่งก็เป็นทำนองเดียวกันกับภาษาไทโคราช เช่นคำว่า "'''จิ'''" (แปลว่า จะ) "จะ" เป็นภาษากลาง "สิ" เป็นภาษาอิสาน ภาษาไทโคราชคือ "จิ" เกิดจากการกร่อนเสียงของคำสองคำที่นำมารวมกัน "'''เดิ๋น'''" (แปลว่า เดิน) "ดำเนิน" เป็นภาษาเขมร ส่วนในภาษาไทโคราชคือ "เดิน" หรือ "เดิ๋น" ตามสำเนียงท้องที่ "'''ซะ'''" (แปลว่า สระน้ำ) "สระ" มาจากภาษาเขมร ส่วนภาษาไทโคราชคือ "สระ" หรือ "ซะ" ออกเสียงตรงตัวตามภาษาต้นแบบ คำลงท้ายเพื่อเน้นย้ำในภาษานั้นคือ "'''เด้อ'''" ซึ่งเป็นภาษาทางไทลาว "'''ทอง'''" เป็นภาษาตระกูลมอญ ดังนั้นจะเป็นได้ว่าภาษาไทโคราชนั้นเกิดจากหลายสำเนียงภาษามารวมกัน ซึ่งเกิดจากการกร่อนคำบ้าง ผสมคำบ้าง ตัดทองลดคำบ้าง ทำให้เกิดเป็นภาษาไทโคราช
== การกระจายตัว ==
|