ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรมขุนวิมลพัตร"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ล ย้อนการแก้ไขของ 223.24.180.60 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย พุทธามาตย์ ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว |
แอนเดอร์สัน (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 18:
== พระราชประวัติ ==
=== พระชนม์ชีพช่วงต้น ===
กรมขุนวิมลพัตรมีพระนามเดิมว่า'''พระองค์เจ้าแมงเม่า''' บางแห่งออกพระนามว่า '''เม้า''' หรือ'''เมาฬี'''<ref name="พม่า"/> "''บัญชีพระนามเจ้านาย''" ใน[[คำให้การชาวกรุงเก่า]]ระบุว่าพระองค์เป็นพระราชธิดาใน[[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]] ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาศรี มีพระเชษฐาและพระภคินีร่วมพระชนกชนนีคือ พระองค์เจ้าหญิงผอบ, พระองค์เจ้าชายสถิต, พระองค์เจ้าชายพงศ์ และพระองค์เจ้าชายแตง<ref>''ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง'', หน้า 176</ref>
[[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]] ระบุว่า หลัง[[สงครามพระเจ้าอลองพญา]]ในรัชสมัย[[สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์]] [[สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร|สมเด็จพระอนุชาธิราช]]ให้สึกพระองค์เจ้าแมงเม่าจาก[[แม่ชี|ชี]] นำมาถวายเป็นบาทบริจาริกาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<ref>''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)'', หน้า 374</ref> ต่อมาจึงทรงยกเจ้าแมงเม่าเป็นพระอัครมเหสี<ref name="กรุงเก่า1">''ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง'', หน้า 129</ref> ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถาปนาขึ้นเป็น'''กรมขุนวิมลพัตร'''<ref name="กรุงเก่า"/> และทรงให้มเหสีอื่น ๆ มียศถาบรรดาศักดิ์เสมอกัน<ref name="หาวัด">''ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง'', หน้า 494</ref>
กรมขุนวิมลพัตรมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวคือเจ้าฟ้าหญิงสิริจันทรเทวี บางแห่งออกพระนามเป็นศรีจันทเทวี ([[คำให้การขุนหลวงหาวัด]])<ref name="หาวัด"/> หรือเจ้าฟ้าน้อย ([[คำให้การชาวกรุงเก่า]])<ref name="กรุงเก่า"/> หลังประสูติกาลมีการประโคมดนตรีสามครั้งตามโบราณราชประเพณี<ref name="กรุงเก่า1"/>
=== พระราชอำนาจ ===
พระนางมีบทบาททางการเมืองระดับหนึ่ง ดังที่[[ปีแยร์ บรีโก]] บาทหลวงฝรั่งเศสได้เขียนจดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า ''"... บ้านเมืองแปรปรวน เพราะฝ่ายใน [พระราชชายา] ได้มีอำนาจเท่ากับพระเจ้าแผ่นดินผู้มีความผิดฐานกบฏ ฆ่าคนตายเอาไฟเผาบ้านเรือนจะต้องได้รับโทษถึงประหารชีวิต แต่ความโลภของฝ่ายในให้เปลี่ยนเป็นริบทรัพย์สิน ริบได้ก็ตกเป็นของฝ่ายในทั้งสิ้น พวกข้าราชการเห็นความโลภของฝ่ายใน ก็แสวงหาผลประโยชน์กับผู้ต้องหาคดีให้ได้มากที่สุดที่จะหาได้ จะได้แบ่งเอาบ้าง ความเดือดร้อนลำเค็ญก็ยิ่งทับถมราษฎรมากขึ้น..."''<ref>ขจร สุขพานิช. ''ข้อมูลประวัติศาสตร์ : สมัยบางกอก''. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2531. หน้า 269</ref> และบาทหลวงคนนี้ยังสรุปว่าการที่ฝ่ายในมีอำนาจนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้อาณาจักรอ่อนแอ และเป็นแบบอย่างให้เหล่าข้าราชการทำตาม<ref name="บรีโก"/>
=== ปลายพระชนม์ ===
หลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์, กรมขุนวิมลพัตร และเจ้านายพระองค์อื่น ๆ ต่างพากันหลบหนีพม่า สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์เสด็จสวรรคต พม่าตามจับกรมขุนวิมลพัตรพระมเหสี พระราชบุตร และพระบรมวงศานุวงศ์อื่น ๆ กวาดต้อนไปยังกรุง[[อังวะ]]<ref name="พม่า"/><ref>''ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง'', หน้า 136</ref> โดย[[พระเจ้ามังระ]]โปรดให้พระองค์รวมทั้งเจ้านายฝ่ายในพระองค์อื่นประทับอยู่ภายในพระราชวังหลวงอังวะ<ref>ศานติ ภักดีคำ, รศ. ดร. (5 มีนาคม 2561). "ตามรอยสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร หรือขุนหลวงหาวัด: จากกรุงศรีอยุธยาสู่กรุงอมรปุระ". ''ศิลปวัฒนธรรม''. (39:5), หน้า 72-92</ref> พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสด็จสวรรคต
เส้น 35 ⟶ 40:
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = | ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น| จังหวัด = นนทบุรี| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2553| ISBN = 978-616-7146-08-9| จำนวนหน้า = 800}}
{{จบอ้างอิง}}
{{เจ้านายทรงกรมสมัยกรุงศรีอยุธยา}}
|