ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เศรษฐา ศิระฉายา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 30:
 
ดิอิมพอสซิเบิ้ล ยังคงชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบอีก 2 ครั้งติดต่อกัน หลังจากนั้นและได้บรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิ ดวง (2514), สวนสน (2514), ระเริงชล (2515), ตัดเหลี่ยมเพชร (2518) ฯลฯ กลายเป็นวงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ปี พ.ศ. 2518 หลังกลับมาจากการไปทัวร์ที่ต่างประเทศ เศรษฐาก็ได้รับการชักชวนจาก [[จุรี โอศิริ]] ให้มาแสดงภาพยนตร์อย่างจริงจังครั้งแรกใน ฝ้ายแกมแพร (2518) และสามารถคว้า[[รางวัลพระสุรัสวดี]] สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาครองได้ทันที
ฐาย่วดฐาฐาฐายายายา
 
ปี พ.ศ. 2519 ดิอิมพอสซิเบิ้ล ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ เศรษฐาจึงก้าวเข้าสู่โลกมายาอย่างเต็มตัว มีบทบาทโดดเด่นทั้งการเป็นพิธีกรและนักแสดง นับเป็นดารายอดฝีมือคนหนึ่งซึ่งสามารถรับบทบาทได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นบทดี บทร้าย บทตลก ส่งผลให้มีผลงานออกมามากมายจวบจนปัจจุบัน โดยเรื่องที่โดดเด่นที่สุดเรื่องหนึ่งคือ [[ชื่นรัก]] (2522) ซึ่งเขาได้รับบทพระเอกประกบคู่กับ [[อรัญญา นามวงศ์]] นางเอกชื่อดัง เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่ชีวิตกันในเวลาต่อมา
 
ปี พ.ศ. 2554 เศรษฐา ศิระฉายา ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็น[[ศิลปินแห่งชาติ]] [[รายชื่อศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง|สาขาศิลปะการแสดง]] (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง)
 
 
== ผลงาน ==