|
== ภูมิศาสตร์ ==
{{โครงส่วน}}
พื้นที่ 124,320 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง กรุงแอสมารา (Asmara)
ประชากร 6.3 ล้านคน (ปี 2557)
ภาษาราชการ Afar, อารบิก
== เศรษฐกิจ ==
{{โครงส่วน}}
สกุลเงิน แนกฟาเอริเทรีย (ERN) (1 ERN=3.09 บาท)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 3.438 พันล้าน USD
รายได้ประชาชาติต่อหัว 1,200 USD
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 7.0
อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 13.0
เงินทุนสำรอง 192.9 ล้าน USD
อุตสาหกรรมที่สำคัญ การแปรรูปอาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าและสิ่งทอ อุตสาหกรรมเบา เกลือ ซีเมนต์
สินค้าส่งออกที่สำคัญ ปศุสัตว์ ข้าวฟ่าง สิ่งทอ อาหาร สินค้าอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
สินค้านำเข้าที่สำคัญ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม อาหาร สินค้าอุตสาหกรรม
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ส่งออกไปยังอินเดีย อิตาลี ซูดาน จีน ฝรั่งเศส ซาอุดิอาระเบีย นำเข้าจากซาอุดิอาระเบีย อินเดีย อิตาลี จีน สหรัฐอเมริกา
== ประชากร ==
== วัฒนธรรม ==
{{โครงส่วน}}
รัฐบาลพยายามควบคุมการเคลื่อนย้ายของคนและเงินทุกทางที่ทำได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีบริษัท ธนาคารหรือห้างร้านต่างชาติ
ผู้คนยังนิยมปั่นจักรยานตามท้องถนน มีรถจักรยานปั่นและจอดกันทั่วไปตามถนน ตึกรามบ้านช่องต่างๆ เป็นสไตล์ฝรั่งอิตาเลียน โดยเฉพาะ Downtown คล้ายเมืองเล็กๆ ในยุโรป เพียงแต่ผสมผสานกันระหว่างคริสต์กับอิสลามมีทั้งโบสถ์ ซึ่งที่ใหญ่และมีชื่อเสียงพอจะเป็นที่ท่องเที่ยวได้มากที่สุด คือ Saint Mary’s Catholic Cathedral ข้างในเปิดให้เข้าดูเป็นเวลา และมัสยิด ซึ่งก็มีอยู่เยอะแยะมากมายเช่นกัน
ถนนสายหลักปลูกต้นอินทผาลัมประดับตลอดสาย เรียงรายไปด้วยร้านขายกาแฟที่ชวนให้นั่งดื่ม นิยมดื่มชามากกว่าอย่างอื่น
สโลแกนการท่องเที่ยวของประเทศนี้ คือ Three Seasons in Two Hours โดยเส้นทางจากแอสมาราไปยังเมืองท่องเที่ยวริมทะเลชื่อ Massawa ซึ่งใช้เวลา 2 ชม. (เส้นทางตามภาพถ่ายมาจากโปสเตอร์) ท่านจะสามารถเจออากาศได้ถึงสามฤดู คือ หนาว ฝนและร้อน
อาหารที่หาทานง่ายที่สุด คือ อาหารอิตาเลี่ยนชั้นดี เนื่องจากตกอยู่ใต้อิทธิพลอิตาลีมานาน ร้านดีๆ มีดาษดื่นเต็มเมืองพวกสปาเก็ตตี้ ลาซานญ่า พิซซ่า
ส่วนอาหารพื้นเมืองของเขาจริงๆ รสชาติและการปรุงเหมือนอาหารเอธิโอเปีย แบบที่เอาแป้งเปรี้ยวๆ รองมาในถาดและใส่ทุกอย่างลงไปในนั้นที่สำคัญต้องเปิบด้วยมือ
ชาวเอริเทรียหน้าตาผสมกันระหว่างแขกกับคนดำ คือผิวคล้ำแต่หน้าแขก ก็สวยงามไปอีกแบบ ละม้ายคนเอธิโอเปีย แต่ทำไมรบกันจัง สุดท้ายก็ conflict of interest อีกเช่นเคย ส่วนประชากรนับถือศาสนาคริสต์และอิสลามอย่างละครึ่ง จึงมีทั้งโบสถ์และมัสยิดปะปนกันอยู่ทั่วไป
จากที่สัมผัส(มือ)อยู่ห้าวัน ชาวเอริเทรียเป็นคนใจดี มีชีวิตชีวา ช่วยเหลือชาวต่างชาติดี ไม่มีลักขโมยและมีความสุขตามอัตภาพ ตำรวจก็แทบจะไม่เห็น เพียงแต่คนเขาจิตใจดีโดยเนื้อแท้
แม้จะเป็นสังคมนิยมและไม่มีเสรีภาพในการดำรงชีวิตอย่างเต็มที่ แต่ประชากรเขาก็มีความสุขดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้ขาดแคลนอะไร พอใจกับชีวิตที่รัฐบาลออกแบบให้
ขอยกให้เอริเทรียเป็นประเทศที่แปลกที่สุดในฐานะที่เป็นสังคมนิยมผสมคอมมิวนิสต์ที่ยังคง survive ได้ในโลกของเราในศตวรรษที่ 21 นี้
== อ้างอิง ==
| 