ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดิแนโร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
Horus ย้ายหน้า เนโร ไปยัง จักรพรรดิเนโร
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 2:
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{Infobox royalty
| name = เนโรแนโร เยอรมานิคุส
| image = Nero 1.JPG
| caption =รูปปั้รครึ่งตัวของเนโรแนโร ในกรุงโรม
| succession =[[จักรพรรดิโรมัน|จักรพรรดิ]]แห่ง[[จักรวรรดิโรมัน]] องค์ที่ 5
| reign = 13 ตุลาคม ค.ศ. 54 – 9 มิถุนายน ค.ศ. 68 (13 ปี)
บรรทัด 18:
| issue = [[คลาอุเดีย ออกุสตา]]
| house = [[ราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียส|จูลิโอ-คลอเดียส]]
| full name = เนโรแนโร คลาอุดิอุส คาเอซาร์ ออกุสตุส เยอรมานิคุส
| father = เยียอุส โดมิทิอุส อาเฮโนบาร์บุส
| mother = [[อากริปปินาผู้ลูก]]
บรรทัด 28:
| religion =
}}
'''จักรพรรดิเนโรแนโร''' หรือ '''เนแนโรจอมโหด''' หรือ '''เนโรแนโร คลาอุดิอุส คาเอซาร์ ออกุสตุส เยอรมานิคุส''' ({{lang-lat|Nerō Claudius Caesar Augustus Germanicus}}) เป็นจักรพรรดิแห่ง[[จักรวรรดิโรมัน]]องค์ที่ 5 เกิดเมื่อวันที่ [[15 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 37]] ที่เมืองแอนเธียม แห่งจักรวรรดิโรมัน บิดาชื่อ ไกอุส โดมิทิอุส อาเฮโนบาร์บุส (Gnaeus Domitius Ahenobarbus) มารดาชื่อ [[อากริพพินา]] ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงน้องสาวของ[[จักรพรรดิคาลิกูลา]] (Caligula) จักรพรรดิรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน มีชื่อเต็มตอนเกิดว่า '''ลูเซียส คลาอุดิอุส เนโรแนโร'''
 
== เหตุการณ์ในปีต่างๆ ==
* [[ค.ศ. 39]] เกิดศึกใหญ่ระหว่างโรมันกับเยอรมนี คาลิกูลาจึงนำทัพไปรบ แต่ก็มีข่าวออกมาว่า อากริปปินา น้องสาวของพระองค์กำลังวางแผนโค่นอำนาจจากพระองค์ไป จึงทรงสั่งเนรเทศอากริปปินาไปยังเกาะพอนเธียน ทั้ง ๆ ที่เนแนโรยังเล็กมาก เขาจึงต้องอาศัยอยู่กับพ่อ
* [[ค.ศ. 40]] ไกอุส อาเฮโนบาร์บุส พ่อของเนแนโรเสียชีวิต เนื่องจากป่วยเป็น[[โรคบวมน้ำ]] คลาอุดิอุส (พี่ชายของพ่อของจักรพรรดิคาลิกูลา) จึงรับเลี้ยงดูเนโรต่อแนโรต่อ ซึ่งในช่วงปีนี้ เนแนโรมีความฝันอยากจะเป็นศิลปิน
* [[ค.ศ. 41]] จักรพรรดิคาลิกูลาถูกลอบสังหารขณะชมกีฬา สภาสูงสุดแห่งโรม จึงมีมติให้คลาอุดิอุสครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 เขาเป็นคนดี ปกครองบ้านเมืองได้สงบร่มเย็นตลอดรัชกาล เขานำอากริพพินากลับมายังโรมัน มาพบเนโรแนโร ทำให้แม่ลูกได้พบกัน และอยู่ด้วยกันอย่างสงบ อากริปปินาแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่งเพื่อยกฐานะตนให้รวยขึ้น ต่อมาเศรษฐีเสียชีวิตลง อากริปปินาและเนกริปปินาและแนโรจึงได้สมบัติไปเต็มๆ
* [[ค.ศ. 48]] ภรรยาของคลาอุดิอุสถูกจับได้ว่าคิดกบฏ จึงถูกสั่งประหารชีวิต อากริปปินาจึงพยายามจะแต่งงานกับคลาอุดิอุส เพื่อยกฐานะเนแนโรให้เป็นบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิ ซึ่งในกรณีนี้ ถ้าอากริพพินาทำสำเร็จ เนแนโรจะมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะครองราชย์ต่อจากคลาอุดิอุส
* [[ค.ศ. 49]] อากริปปินาแต่งงานกับคลาอุดิอุสได้สำเร็จ เนแนโรได้กลายเป็นบุตรบุญธรรมของคลาอุดิอุส เนแนโรจึงเปลี่ยนชื่อเต็มใหม่ ว่า '''เนโรแนโร คลาอุดิอุส ซีซาร์ ดรุสซุส''' (Nero Claudius Caesar Drusus)
* [[ค.ศ. 50]] คลาอุดิอุสแต่งตั้งเลื่อนยศอากริปปินาเป็นออกุสตา (จักรพรรดินี) และเลื่อนยศเนแนโรขึ้นเป็นทายาทโดยชอบธรรม (ไม่ใช่บุตรบุญธรรมอีกต่อไป แต่เป็นทายาทแท้ๆ)
* [[ค.ศ. 51]] คลาอุดิอุสประกาศให้เนโรดิอุสประกาศให้แนโร เป็นผู้บรรลุ[[นิติภาวะ]] ทั้งที่อายุยังน้อย ต่อมาไม่นานยังแต่งตั้งเนแนโรเป็นข้าหลวงและมอบสิทธิ์ให้สามารถเข้าร่วมอภิปรายในสภาสูง
* [[ค.ศ. 53]] เนแนโรได้แต่งงานกับคลอเดีย ออคเตเวีย ซึ่งเป็นลูกสาวของจักรพรรดิคลาอุดิอุส
* [[ค.ศ. 54]] วันที่ [[13 ตุลาคม]] จักรพรรดิคลาอุดิอุส ถูกฆาตกรรมโดยเสวยเห็ด "พิเศษ" ที่อากริปปินาหามาถวาย จนเสียชีวิต จากนั้นเธอจึงรีบวิ่งไปยังที่เก็บพระราชลัญจกรและพระราชพินัยกรรม โดยทำลายของเก่าทิ้งเสีย แล้วร่างฉบับใหม่ขึ้นมาพร้อมใส่ชื่อลูกชายเข้าไปแล้วประทับด้วยดวงตราลุญจกรของคลาอุดิอุส ทำให้เนแนโรขึ้นเป็นจักรพรรดิรัชกาลที่ 5 ทั้งๆที่ยังอายุยังไม่ถึง 20 ปี เนแนโรปกครองจักรวรรดิโรมันได้อย่างสงบสุขเรื่อยมาจนกระทั่ง
* [[ค.ศ. 58]] เนแนโรซึ่งได้ใจหลังถูกแต่งตั้งให้เป็นซีซาร์ จึงทำการแก้ไขกฎหมายอย่างจนทำคะแนนความนิยมขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ออกุสตุสจักรพรรดิโรมันพระองค์แรกเป็นต้นมา ถึงกระนั้นแล้วเนแนโรก็ต้องการอภิษกสมรสอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น โดยเจ้าสาวที่คิดไว้คือ แอ็คเต้ เพื่อนสาวสมัยเด็ก แต่หลังจากแต่งงานแล้วเนแนโรก็เกิดความไม่พอใจอากริปปินาที่มายุ่งกับแอ็คเต้ตลอดเวลา เพราะเห็นเป็นเพียงทาสต่ำต้อยคนหนึ่ง
จากนั้นอากริปปินาเริ่มเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงที่เนแนโรมัวสนใจอยู่แต่แอ็คเต้ แม้กระนั้นเนแนโรก็ไม่ได้สนพระทัยท่านแม่เลยและคิดจะละทิ้งความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกเสีย เหลือไว้เพียงความรักกับแอ็คเต้เท่านั้น ซึ่งทำให้พระราชมารดาทรงขู่จะเปิดเผยพินัยกรรมฉบับจริงที่จักรพรรดิคลาอุดิอุสทรงระบุว่า จะมอบราชสมบัติให้แก่บริทานิคัสผู้เป็นรัชทายาทที่แท้จริง คำขู่นี้ก่อให้เกิดผลร้ายต่อบริทานิคัสผู้ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นคนแรก โดยเนแนโรได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์หนุ่มมาร่วมเสวย และแล้วเหตุการณ์ก็ซ้ำรอยเดิมเมื่อบริทานิคัสเกิดอาการชักเกร็งแล้วสิ้นใจในที่สุดด้วย "เห็ดพิเศษ" หลังจากนั้นจึงมีพระบรมราชโองการให้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า "บริทานิคัส พระบรมวงศานุวงศ์ผู้เป็นที่รักของซีซาร์เสด็จสู่สวรรค์คาลัยแล้วด้วยสาเหตุลมชักอันเป็นโรคประจำตัว"
* [[ค.ศ. 59]] หลังจากบริทานิคัสสิ้นใจไปแล้ว เหยื่อรายต่อไปคือเจ้าของคำขู่ เนแนโรจึงวางแผนให้ทิเจลลินัส ทหารพรีโตเรียนการ์ดคนสนิททูลเชิญพระราชมารดาเสด็จทางชลมารค โดยเรือพระที่นั่งสั่งทำพิเศษ คือ มีรูมากเป็พิเศษและโครงเรือบางจนต้องล่มก่นถึงฝั่งอย่างแน่นอน แต่พระนางอากริปปินาก็ทนทายาด พาตัวพระองค์เองกระเสือกกระสนขึ้นฝั่งได้สำเร็จ แต่ด้วยวิบากกรรมที่ได้ทำเอาไว้จึงชักจูงให้นางมาพบจุดจบ เพราะเนแนโรมีแผนสอง ถ้าพระนางไม่สิ้นพระชนม์สมพระราชหฤทัยก็ทรงให้เสวยพระกระยาหารพิเศษ แถมด้วยการปักกริชที่อกจากทิเจลลินัส ทำให้อากริปปินาสิ้นพระชนม์ในที่สุด
* [[ค.ศ. 62]] เนแนโรหย่าขาดกับนางคลอเดีย ออคเตเวีย และในปีเดียวกันนั้น นางก็เสียชีวิต อย่างลึกลับ จนถึงปัจจุบันยังหาสาเหตุไม่ได้
* [[ค.ศ. 64]] วันที่ [[21 มกราคม]] ปอปปาเอียได้ให้กำเนิดลูกสาวของตนกับเนโรแนโร ชื่อว่า คลาอุเดีย ออกุสตา ซึ่งเป็นลูกคนแรกของเนโรแนโร เนแนโรดีใจมาก จึงสถาปนาปอปปาเอียเป็นจักรพรรดินี และจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต แต่ 4 เดือนต่อมา คลาอุเดีย ออกุสตา ก็ป่วยจนเสียชีวิต เนแนโรและปอปปาเอียเศร้ามาก เนแนโรจึงประกาศให้คลาอุเดีย ออกุสตา เป็นเทพีองค์ใหม่ของโรมัน สร้างรูปบูชาและจัดนักบวชไว้คอยรับใช้รูปบูชา
* [[ค.ศ. 64]] วันที่ [[18 กรกฎาคม]] ตอนกลางคืน เกิดไฟไหม้ขึ้นที่ร้านขายวัตถุไวไฟแห่งหนึ่งในกรุง[[โรม]] ประกอบกับการที่ถนนกรุงโรมในช่วงนั้นแคบ ทำให้ไฟจากร้านค้าวัตถุไวไฟนั้น ลุกลามไปยังบ้านเรือนหลังอื่นๆอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ไฟก็ไหม้ทั่วเมือง เนแนโรรู้ข่าวก็รีบมาดูเปลวเพลิงที่หอคอยมาเอเซนัส (Maecenas) แล้วก็บอกว่าเปลวเพลิงนั้นช่างสวยงาม นั่งมองไฟผลาญกรุงโรมอย่างสบายอารมณ์ พร้อมทั้งนำเครื่องดนตรีมาบรรเลงอย่างสุนทรีย์โดยไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ
* [[ค.ศ. 64]] วันที่ [[25 กรกฎาคม]] เปลวเพลิงที่ผลาญกรุงโรมมาตลอด 6 วัน 6 คืนดับลงในวันที่ 7 เผาบ้านเผาเรือนไป 132 หลัง ใน 4 หมู่บ้าน เนแนโรสั่งให้เวนคืนที่ดินจำนวนหนึ่งมาสร้างพระราชวังทองคำ (Golden Palace) ประกอบกับการที่เนแนโรไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ และในอดีตพระองค์เคยคิดจะเปลี่ยนชื่อกรุงโรมเสียใหม่ว่า กรุงเนแนโรโพลิส (Neropolis) ประชาชนจึงปักใจเชื่อว่าเนแนโรเป็นผู้เผากรุงโรม (นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันเองก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่เนแนโรจะเป็นผู้เผากรุงโรม)
 
:เนแนโรจึงสุ่มสี่สุ่มห้าบอกไปว่าผู้ที่นับถือลัทธิคริสเตียน (ศาสนาคริสต์เมื่อเกือบสองพันปีก่อนในจักรวรรดิโรมันเป็นเพียงแต่ลัทธิเล็กๆ มิใช่ศาสนาอันยิ่งใหญ่เหมือนปัจจุบัน) เป็นกลุ่มคิดกบฏและพยายามเผาโรม จึงเกิดเป็นการประหารหมู่ชาวคริสเตียนในโรมันด้วยข้อหาเผาโรม ประหารโดยวิธีให้อดอาหารสัตว์ป่าใน[[โคลอสเซียม]]จนหิวโซ และนำชาวคริสเตียนไปปล่อยที่สนามโคลอสเซียม และปล่อยสัตว์ป่าให้มารุมฉีกทึ้งชาวคริสเตียนต่อหน้าผู้ชม นอกจากนี้ยังเก็บภาษีอย่างหนักเพื่อมาซ่อมแซมบ้านเมืองและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล่มจมของโรม ทำให้ประชาชนคลางแคลงใจในเนโรแนโร จนเกิดเป็นคำติดปากประชาชนชาวโรมว่า "เนแนโรจอมเผาโรม" ซึ่งในปัจจุบัน วลีอายุกว่า 2,000 ปีนี้ ได้ถูกใช้เป็นชื่อโปรแกรมซอฟต์แวร์เขียนแผ่นซีดี/ดีวีดี
 
:แต่เนแนโรก็เปิดพระราชวังให้คนที่ไร้บ้านมาอาศัย พร้อมทั้งจัดหาข้าวน้ำให้ประชาชนดื่มกินฟรี นอกจากนี้ยังสั่งให้ออกแบบการสร้างเมืองใหม่ให้ถนนกว้างขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก และเพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่มีโฉนดต้องเสียที่ดินไปเพราะการขยายถนนไปเบียด จึงจัดสรรที่ดินใหม่ให้เขตบ้านเรือนและถนนแผ่กว้าง ทำให้ความเป็นไปได้ที่เนแนโรจะเป็นผู้เผาโรมลดลง ชาวบ้านบางส่วนก็เริ่มเชื่อใจ และจนถึงปัจจุบันยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุของเพลิง
 
:แต่ที่กล่าวมานั้น ชาวบ้านที่เชื่อใจเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ชาวบ้านหลายส่วนไม่เชื่อใจเนโรแนโร และประท้วงถอดถอนเนโรแนโร เป็นการประท้วงที่รุ่นแรงและยืดเยื้อ
 
* [[ค.ศ. 66]] ปอปปาเอียตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่เนโรแนโร กำลังเครียดกับกลุ่มผู้ประท้วงที่จะปลดตนจากตำแหน่งจักรพรรดิให้ได้ จึงไม่ค่อยได้มาอยู่ที่วังมาดูแลปอปปาเอียและลูกในครรภ์ วันหนึ่งในปีเดียวกันนั้น เนแนโรกลับมาอยู่ที่วัง และพูดจาบางอย่างที่ทำให้ปอปปาเอียโมโห ปอปปาเอียจึงด่าว่าเนแนโรอย่างหนัก เนแนโรที่กำลังเครียดจึงพลั้งมือฆ่าปอปปาเอียตายพร้อมทั้งลูกในครรภ์
* [[ค.ศ. 67]] เนแนโรเครียดจัด ประกอบกับช่วงนั้นที่กรีซกำลังจะจัดกีฬาโอลิมปิกขึ้น เนแนโรตัดสินใจไปร่วมแข่งขัน ทั้งๆที่บ้านเมืองยังตึงเครียด ทิ้งภาระหน้าที่ไว้กับสภาสูง ระหว่างที่เนแนโรไม่อยู่นั้น สภาสูงลงมติว่าเนแนโรไม่ควรเป็นจักรพรรดิอีกต่อไป...
* [[ค.ศ. 68]] เนแนโรกลับจากกีฬาโอลิมปิก สภาสูงจึงส่งคนมาจับกุมโค่นอำนาจจักรพรรดิเนโรแนโร เนแนโรจึงฆ่าตัวตายในวันที่ [[9 มิถุนายน]]ขณะอายุไม่ถึง 31 ปี และการที่พระองค์ไม่ทีทายาทเลย ทำให้ราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน ต้องสิ้นสุดลง
 
== กรณีเผากรุงโรม ==
[[ไฟล์:Château de Versailles, galerie des glaces, buste d'empereur romain 05 (Néron ?).jpg|thumb|left|upright|{{PAGENAME}}]]
{{ต้นฉบับ}}
"แทกซิตัส" นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันที่มีชื่อเสียงในยุคของเนแนโรได้บันทึกข้อกล่าวหาไว้และถูกเชื่อถือกันมาตลอดระยะเวลา 2,000 กว่าปี ดังนี้
# ในระหว่างที่เนแนโรออกไปตากอากาศที่แอนติอุมเมืองชายทะเลได้เกิดเพลิงไหม้ในกรุงโรมและเมื่อเนแนโรทราบข่าวแต่พระองค์ก็ไม่เร่งรีบกลับพระนครอย่างใด
# คฤหาสถ์ของบรรดาวุฒิสมาชิกโรมันที่สร้างจากอิฐที่ไม่น่าติดไฟ แต่กลับถูกเพลิงเผาทำลายไปสิ้นนั้นน่าจะเกิดจากการวางเพลิงจากภายในแล้วสั่งทหารโรมันคอยเฝ้าขู่เพื่อไม่ให้มีการดับไฟ เนื่องจากความโกรธแค้นที่บรรดาวุฒิสมาชิกไม่ยอมอนุมัติให้พระองค์สร้างกรุงโรมใหม่
# ทิศทางเพลิงดูวิปริตผิดธรรมดา ไฟลามขึ้นสู่ทิศเหนือ และบ้างก็ลงใต้ ทั้งที่ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นลักษณะของการวางเพลิงอย่างชัดเจน
บรรทัด 68:
ปัจจุบัน '''เอริก วาร์นเนอร์''' และ '''เฮนรี่ เฮิร์สต์''' นักประวัติศาสตร์สองท่านที่มีชื่อเสียงไม่เชื่อในบันทึกของแทกซิตัส เนื่องจากในขณะที่กรุงโรมเกิดเพลิงไหม้นั้นแทกซิตัสมีอายุเพียง 8 ขวบ ซึ่งเข้าใจว่าแทกซิตัสอาจจะบันทึกตามคำบอกกล่าวของชาวโรมในสมัยนั้น โดยมีข้อสังเกตว่า
 
# แท้จริงแล้วมีบันทึกจากนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเนแนโรบันทึกไว้ว่า เมื่อเนแนโรทราบข่าวการเกิดเพลิงไหม้ก็รีบรุดกลับกรุงโรมทันที และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารดับเพลิงแห่งโรมด้วยพระองค์เอง
# ได้มีการทดลองสร้างคฤหาสถ์จำลองแบบโรมันซึ่งก่อด้วยอิฐจริงแล้วจุดไฟเผา ปรากฏว่าเมื่อโครงสร้างที่เป็นไม้ภายในไหม้ไฟทำให้เกิดความร้อนถึง 1,100 ดีกรี แม้อาคารที่ก่ออิฐก็แตกพังทลาย
# วิลล่าของเนโรชื่อวิลล่าของแนโรชื่อ โดมุส ทรานซิโตเรีย ที่ทอดยาวตั้งแต่เนินพาลาทีนไปจนถึงเอสควอลีนก็ถูกไฟเผาไปด้วยเช่นกัน
# กลไกการเกิดเพลิงไหม้ใหญ่เนื่องจากกรุงโรมถูกล้อมด้วยเนินเขาสำคัญ 7 ลูก เมื่อไฟไหม้หนักขึ้นก็จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนมากขึ้น บนเนินเขาเตี้ยๆ ยังพอมีออกซิเจนเหลืออยู่มากกว่าพื้นดิน ไฟจึงโหมกระพือไปหาออกซิเจนทางเนินเขาที่อยู่ทิศเหนือบ้าง ทิศใต้บ้าง เป็นเรื่องปกติ
 
อย่างใดก็ตามแต่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าเนแนโรมีความผิดปกติทางจิตจริง โดยหลักฐานและบันทึกที่ปรากฏอยู่มากมาย แต่มีนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกับเนแนโรอยู่หลายท่านที่บันทึกเรื่องราวที่เป็นธรรมกับเนแนโรด้วยเช่นกัน เช่น
 
'''โยเซฟัส (Josephus)''' นักประวัติศาสตร์ที่เกิดและโตในรัชกาลของเนโรแนโร และมีอายุยืนถึง 70 ปี เขากล่าวว่า แท็กซิตัส และ ซูโตเนียส บันทึกกล่าวว่าร้ายใส่เนแนโรจนเกินไป เพราะทั้งสองคนนี้อยู่ในสมัยหลังเนโรถึงแนโรถึง 50 ปี และสิ่งที่บันทึกล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ได้แต่ฟังมา ไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง
 
'''มาร์คัส แอนเนียส ลูคานัส''' นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเนแนโรอีกคนหนึ่งบันทึกว่า ไพร่ฟ้าต่างหน้าใสเมื่ออยู่ใต้การปกครองของเนโรแนโร เศรษฐกิจของกรุงโรมในขณะนั้นดีมากประชากรต่างร่ำรวย และเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้นถูกเป็นเครื่องมือหาความชอบธรรมให้กับเหล่าสมาชิกสภาสูงในการโค่นอำนาจจักรพรรดิ์เนโรรดิ์แนโร
 
{{เริ่มกล่อง}}
บรรทัด 88:
}}{{จบกล่อง}}
 
{{lifetime|37|68|เนโรแนโร}}
{{จักรพรรดิโรมัน}}