ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บุญต๋วน บุญอิต"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ลบเนื้อหาไม่เป็นกลาง เชิงชื่นชม เยิ่นเย้อ
บรรทัด 1:
{{ไม่เป็นกลาง}}
{{กล่องข้อมูล บุคคลตามอาชีพ
| name = บุญต๋วน บุญอิต
เส้น 30 ⟶ 31:
 
'''ศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิต'''
ท่านเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย ท่านก่อตั้งโรงเรียนผดุงราษฎร์ คริสตจักรคริสตคุณานุกูล [[จังหวัดพิษณุโลก]] และคริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์ [[กรุงเทพมหานคร]] เป็นผู้ริเริ่มและเผยแพร่งานของ [[YMCA]] ที่จะให้เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ อาคารบุญอิตอนุสรณ์สำนักงานของสมาคมไว.เอ็ม.ซี.เอ.กรุงเทพฯ ที่ถนนวรจักร เกิดสร้างขึ้นจากผู้ถวายทั้งในและนอกประเทศที่รักท่าน เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับท่าน
 
ชีวิตของศาสนาจาย์บุญต๋วนจึงสมควรที่จะได้รับการพลิกฟื้นขึ้น ไม่เพียงแต่เพื่อระลึกถึงคุณความดีที่ท่านได้ทำไว้ซึ่งได้กลายเป็นมรดกตกทอดมาถึงพวกเราเท่านั้น แต่เราจะได้กำลังใจที่จะเสริมสร้างความเชื่อศรัทธาของเราจากชีวิตที่ถวายตัวและสัตย์ซื่อต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่าน
==ประวัติความเป็น==
ศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิต เป็นบุตรคนโตของนางต๋วน และนายบันสุ้ย นางต๋วนเป็นบุตรของซินแส กีเอ็ง ก๊วย เซียน ครูใหญ่คนแรกในโรงเรียนสำเหร่ ศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิต เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1865 ที่ตำบลบางป่า เป็นผู้หนึ่งที่ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1875 เมื่อท่านอายุได้ 11 ปี โดยมีหมอเฮ้าส์และภรรยาเป็นผู้อุปการะดูแล ท่านได้รับศีลบัพติศมาเมื่อปี 1875 ท่านเป็นคนมีผลการเรียนดีเยี่ยม มีความสามารถทางกีฬา นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนสังคมดีมีอุปนิสัยร่าเริง ซื่อสัตย์ มีอารมณ์ขันเบิกบานและมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่วิทยาลัยวิลเลี่ยมท่านได้รู้จักพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง คือ ท่านได้มอบถวายชีวิตเป็นผู้ประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ โดยท่านถือว่างานนี้ประเสริฐกว่างานอื่นใด ในปี ค.ศ. 1892 ท่านได้รับสถาปนาเป็นศาสนาจารย์และแปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน แต่ศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิต ได้เลือกเดินทางกลับประเทศไทยในปี 1893
 
ท่านเป็นมิตรสนิทของพระยาสารสิน สวามิภักดิ์ แรกเริ่มนั้นท่านได้เช่าบ้านหลังหนึ่งใกล้ๆ กับบริเวณที่ตั้ง[[โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน]]ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ เปิดบ้านให้เป็นศูนย์กลางสำหรับอนุชนได้จัดสร้างห้องประชุมและห้องนมัสการ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้งคริสตจักร อีก 2 ท่านก็คือ พระยาสารสิน และครูญ่วน ซึ่งทั้ง 3 ท่านได้ถูกตั้งให้เป็นกรรมการจัดหาที่ดิน และเตรียมการก่อสร้างคริสตจักรใหม่ แต่ต่อมาขณะที่กำลังทำการสร้างคริสตจักรนั้นท่านอาจารย์บุญอิต ก็เสียชีวิตลงด้วยโรคอาหิวาห์ ในวันที่ 8 พฤษภาคม 1903
คู่หมั้นของท่านคือ นางกิมฮ๊อคเป็นหญิงของพระเจ้าและเธอมีทัศนคติสูงส่งต่อการประกาศ
คู่หมั้นของท่านคือ นางกิมฮ๊อค
พระกิตติคุณ เธอยินดีให้ศาสนาจารย์บุญต๋วนประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูยิ่งกว่าจะทำงานที่ได้ลาภสักการะมากมาย
==พันธกิจ==
ศาสนาจารย์บุญต๋วนเริ่มงานประกาศพระกิตติคุณที่[[จังหวัดพิษณุโลก]] ในเวลานั้นไม่มีรถไฟไปถึงพิษณุโลกได้ จึงต้องเดินทางด้วยเรือซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน แล้วแต่ฤดูกาล สมัยนั้นพิษณุโลกยังอยู่ในสภาพบ้านนอกคอกนา ท่านเป็นผู้บุกเบิกสำหรับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ด้านการศึกษามีการตั้งโรงเรียนผดุงราษฎร์สำหรับเด็กชาย และโรงเรียนผดุงนารีสำหรับเด็กหญิง ต่อมาได้มีการรวมโรงเรียนทั้งสองเข้าด้วยกันเป็นโรงเรียนผดุงราษฎร์ สังกัดกองการศึกษามูลนิธิสภาคริสตจักรฯ และคริสตจักรคริสตคุณานุกูล
 
ศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิต ชนะใจบิดามารดาของนักเรียนโดยไปเยี่ยมเยียนถึงบ้านเรือน ท่านพานักเรียนไปเดินทางไกลและสอนวิชาให้อย่างดี ปี 1902 Dr.Author J. Brown เลขาธิการใหญ่ของมิชชันนารีบอร์ดจากนิวยอร์ก ต้องการให้มีโบสถ์ใกล้ๆ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จึงเรียกศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิต ให้กลับมาที่บางกอก ท่านอาจารย์บุญต๋วนจึงมอบหมายงานให้อาจารย์เทียนเป้า รับผิดชอบโรงเรียนผดุงราษฎร์ต่อไป ส่วนท่านกลับลงมาทำงานที่กรุงเทพและท่านได้ขนไม้จากแม่น้ำ เพื่อนำมาสร้างพระวิหาร ท่านเริ่มงานที่บางกอก โดยเช่าบ้านอยู่ใกล้กับ[[โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย]] บ้านของท่านกลายเป็นศูนย์กลางของนักเรียนนักศึกษาและปัญญาชน มีห้องประชุมเล็กๆ ห้องสมุด และห้องนั่งเล่น ที่เปิดต้อนรับทุกคน ยิ่งกว่านั้นท่านได้เริ่มและเผยแพร่งานของ YMCA ที่จะให้เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ที่[[ถนนวรจักร]] เกิดขึ้นจากผู้ถวายทั้งในประเทศและนอกประเทศที่รักท่าน เพื่อเป็นศูนย์กลางของเยาวชน การกีฬา และงานสังคมสงเคราะห์ต่างๆขึ้น ซึ่งความคิดนี้ใหม่มาก{{ใครกล่าว}} และเหมาะสมกับบางกอกที่กำลังเจริญเติบโต{{ใครกล่าว}}
==กำเนิดคริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์==
 
พระยาสารสินซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ ศจ. บุญต๋วน บุญอิต ได้ถวายที่ดินแปลงหนึ่ง มีเนื้อที่ประมาณ 350 ตารางวา เลขที่ 5 ถนนศรีเวียง ตำบลบางรัก กรุงเทพมหานคร เหลืออยู่ จึงได้ยกให้แก่คณะทรัสตีหรือมูลนิธี แต่ขอให้นามพระวิหารนี้ว่า “พระวิหาร สืบสัมพันธวงศ์” เพื่อเป็นที่ระลึกถึงคุณ “สืบ” บุตรชายหัวปีของท่านเจ้าคุณ เพื่อสร้างพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้าและได้บริจาคเงินครึ่งหนึ่งเพื่อการก่อสร้างพระวิหารนี้ ต้องใช้เวลาในการสร้างประมาณ 1 ปีเศษ กว่าจะสร้างได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1904 นับว่าเป็นคริสตจักรแห่งแรกที่สำเร็จขึ้นด้วยกำลังและศรัทธาของคริสต์ศาสนิกชนชาวไทย{{อ้างอิง}} เมื่อการก่อสร้างคริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์เสร็จ ความหวังอันแรกเริ่มนั้นก็คือ จะเชิญให้อาจารย์บุญต๋วน บุญอิต มาเป็น
ศิษยาภิบาล เพราะท่านผู้นี้ได้เคยเป็นศิษยาภิบาลในสหรัฐมาแล้ว แต่เนื่องจากท่านได้เสียชีวิตลงในขณะที่ทำการสร้างพระวิหารแห่งนี้อยู่ จึงเป็นอันหมดหวัง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงได้เรียนเชิญท่านอาจารย์ ญ่วน เตียงหยก มาเป็นศิษยาภิบาลคนแรกของคริสตจักรแห่งนี้ โบสถ์สืบสัมพันธวงศ์ เคยเป็นคริสตจักรนานาชาติแห่งกรุงเทพ ต่อมาภายหลังคริสตจักรนานาชาติ ได้ย้ายไปใช้คริสตจักรวัฒนา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986
==การตาย==
ศจ. บุญต๋วน บุญอิต ล้มป่วยด้วยโรคอหิวาตกโรค เนื่องจากท่านลงมือดำน้ำในคลองน้ำสาทร เพื่อคัดเลือกไม้สำหรับใช้ในการก่อสร้างด้วยตนเอง จนเสียชีวิตด้วยโรคอหิวาต์ท่ามกลางงานก่อสร้างที่ยังไม่สำเร็จ ศจ.บุญต๋วน บุญอิต เสียชีวิตภายใน 10 วัน เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1903 รวมสิริอายุได้ 39 ปี ดร.เจ เอ เอกิ้น บันทึกเหตุการณ์ในวันนั้นไว้ว่า “เรายังจดจำได้ว่า เป็นคืนที่น่าหวาดกลัวยิ่ง เมื่อวิญญาณจะต้องจากไปในท่ามกลางความวิปริตของธรรมชาติ แต่ภรรยาและมารดารที่ดี นางกิมฮ๊อกได้ตั้งอยู่ในความสงบ และชุมนุมบรรดามิตรสหายในห้องรับแขกเล็กๆ ร้องเพลงแสดงความเชื่อของคริสเตียน ความหวัง และความประเล้าประโลมใจตลอดเวลาที่พายุแรงจัดกำลังพัดกระพืออย่างหนักทุกคนได้ร้องเพลงหลายบท”{{อ้างอิง}}
 
การเสียชีวิตของศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิต ทำให้ความหวังของมิชชันนารีที่จะปลูกสร้างคริสตจักรที่เป็นของชนชาวไทยได้ลดลงในปี 1902 ศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิตได้กล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับ อาร์เธอร์ เจ บราวน์ มีใจความบางตอนดังต่อไปนี้คือ “ควรที่จะได้ตระหนักอย่างแท้จริงว่า ประชาชนของเราสมควรที่จะมีการจัดการในกิจกรรมของตนเอง ทั้งในด้านศาสนาและกิจกรรมอื่นๆ โดยปราศจากการครอบงำของต่างชาติ แต่...มิใช่ว่าเราจะวางแผนที่จะยึดกุมอำนาจการควบคุมปกครองเอาไว้”{{อ้างอิง}}
ความปรารถนาของท่านสัมฤทธิ์ผล ด้วยในเวลาต่อมามิชชันนารีเพรสไบทีเรียน ได้มอบความรับผิดชอบทั้งสิ้นในงานพันธกิจและทรัพย์สินทั้งปวงไว้กับคนไทย ทัศนคติที่น่าสรรเสริญยกย่องคือ องค์การเพรสไบทีเรียนในประเทศไทยยอมสลายตัว และผนวกงานพันธกิจเข้ากับคณะอื่น เช่น คณะอเมริกันแบ๊บติสต์ โดยได้มีการตั้งสภาคริสตจักรในประเทศไทยในปี 1947 และ[[สภาคริสตจักรในประเทศไทย]]ยังสนใจในการประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูต่อไปอย่างสัตย์ซื่อ โดยได้ตั้งกองการเผยแพร่พระกิตติคุณขึ้นในปี 1956
 
==วิเคราะห์==
ความปรารถนาของท่านสัมฤทธิ์ผล ด้วยในเวลาต่อมามิชชันนารีเพรสไบทีเรียน ได้มอบความรับผิดชอบทั้งสิ้นในงานพันธกิจและทรัพย์สินทั้งปวงไว้กับคนไทย ทัศนคติที่น่าสรรเสริญยกย่องคือ องค์การเพรสไบทีเรียนในประเทศไทยยอมสลายตัว และผนวกงานพันธกิจเข้ากับคณะอื่น เช่น คณะอเมริกันแบ๊บติสต์ โดยได้มีการตั้งสภาคริสตจักรในประเทศไทยในปี 1947 และ[[สภาคริสตจักรในประเทศไทย]]ยังสนใจในการประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูต่อไปอย่างสัตย์ซื่อ โดยได้ตั้งกองการเผยแพร่พระกิตติคุณขึ้นในปี 1956
ศาสนาจารย์บุญต๋วน บุญอิตเป็นคนไทยและเป็นคริสต์ที่แท้จริง คุณภาพชีวิตของท่านเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อในองค์พระเยซูและค่าชีวิตของคนไทย วิธีการทำงานของท่านก็เป็นวิธีการของคนไทย ที่ผนวกเข้ากับวิธีการที่ดีของตะวันตกอย่างชาญฉลาด เพราะท่านเป็นคนสองวัฒนธรรม ท่านสวมหัวใจฝรั่งและสวมหัวใจไทยได้ ท่านเข้าใจสิ่งที่ดีและไม่ดีในสองวัฒนธรรมและเข้าใจพระกิตติคุณถ่องแท้ ท่านจึงเลือกวิธีการที่ถูกต้องในการประกาศ ท่านเป็นคนรักทั้งพระเยซูคริสต์และคนไทย ท่านจึงมองเห็นสิ่งที่จะรับใช้คนไทยได้อย่างเหมาะสม
ครอบครัวของท่านเป็นครอบครัวที่ได้รับพร คือ มีตำนานแห่งความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและแผ่นดินไทย ตั้งแต่ปู่ของท่านคือ ซินแส กี เอ็ง มารดาของท่านและภรรยาล้วนเป็นหญิงของพระเจ้า รากฐานของครอบครัวผูกพันท่านให้กลับแผ่นดินไทย ยิ่งกว่านั้นอีกท่านได้รับพรที่ได้อยู่ได้เห็นได้สัมผัสชีวิตของหมอเฮ้าส์และภรรยา และท่านได้อยู่ในชุมชนผู้เชื่อในรัฐแมสสาซูเซทและนิวยอร์ก ขณะเมื่อเกิดการฟื้นใจใหญ่ครั้งที่ 2 ใน[[สหรัฐอเมริกา]] พระคุณพระเจ้าเหนือชีวิตของท่าน และอุปนิสัยอันงดงามของท่านเป็นดินดีที่ทำให้ชีวิตของท่านงอกงามเป็นพรต่อแผ่นดินไทย
ท่านนั้นเป็นคนอ่อนน้อม แต่กล้าพูดความจริงเรื่องคริสตจักรของคนไทย ท่านมิได้เกรงคำติฉินนินทาที่ผู้อื่นจะกล่าวหาว่าท่านแสวงหาอำนาจ เพราะท่านคงจะพูดเพื่อการประกาศพระกิตติคุณจะแพร่ไปกว้างไกลและลึกซึ้ง ท่านคงเห็นว่าพระกิตติคุณของพระเยซูควรแจกจ่ายให้กับคนไทย ด้วยคำอธิบายและวิธีการที่คนไทยเข้าใจและรับไว้ด้วยใจโมทนา เพื่อผู้เชื่อจะเป็นไทยแท้และคริสตชนแท้คล้ายท่าน ท่านกล้าพูดเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะตลอดชีวิตของท่าน ท่านไม่เคยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัว มีแต่ประโยชน์แห่งพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ท่านสนใจ ชีวิตครอบครัวของท่าน อุปนิสัยของท่าน วิธีการในการประกาศพระกิตติคุณของท่าน น่าจะสอนบทเรียนล้ำค่าแก่บรรดาคริสตชนคนไทยถึงพระพรของการเป็นคริสต์และเป็นไทยในประเทศไทย บางทีท่านอาจจะเสนอแนะเราได้ว่า เราควรเลือกคนไทยแบบไหนเป็นผู้นำ เราควรสนับสนุนคริสตชนไทยแบบไหนให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงจะกลับมารับใช้แผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนอย่างเกิดผล คนไทยเช่นนั้นน่าจะเป็นคนที่กตัญญูรู้คุณชาติ รู้คุณบิดามารดา รู้คุณผู้มีพระคุณ เขาจึงรู้คุณพระเยซูได้ ถ้าคนเรารู้คุณมนุษย์ จึงจะรู้คุณพระเจ้าได้ใช่หรือไม่
 
==อ้างอิง==