ปลาสวาย
ปลาสวาย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Pangasianodon hypophthalmus) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาสวาย (Pangasiidae) มีส่วนหัวค่อนข้างเล็ก แนวบริเวณหัวถึงครีบหลังลาดตรง ตาอยู่เสมอหรือสูงกว่ามุมปาก ปากแคบกว่าปลาบึก ที่อยู่สกุลเดียวกัน รูปร่างเพรียวแต่ป้อมสั้นในปลาขนาดใหญ่ ก้านครีบท้องมี 8–9 เส้น ครีบก้นยาว ปลาขนาดเล็กมีสีคล้ำเหลือบเงิน ด้านข้างลำตัวสีจางและมีแถบสีคล้ำตามยาว ครีบสีจาง ครีบหางมีแถบสีคล้ำตามแนวยาวทั้งตอนบนและล่าง ปลาขนาดใหญ่มีสีเทาหรือคล้ำอมน้ำตาล ด้านข้างลำตัวสีจาง มีขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร ใหญ่สุด 1.5 เมตร
ปลาสวาย | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ Animalia |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata |
ชั้น: | ปลาที่มีก้านครีบ Actinopterygii |
อันดับ: | อันดับปลาหนัง Siluriformes |
วงศ์: | Pangasiidae Pangasiidae |
สกุล: | ปลาบึก (สกุล) Pangasianodon (Sauvage, 1878) |
สปีชีส์: | Pangasianodon hypophthalmus |
ชื่อทวินาม | |
Pangasianodon hypophthalmus (Sauvage, 1878) | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์และอพยพย้ายถิ่นของปลาสวาย | |
ชื่อพ้อง | |
Helicophagus hypophthalmus Sauvage, 1878 |
พบในแม่น้ำและลำคลองสายใหญ่ ทั่วประเทศไทย เป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งซึ่งมีการเพาะเลี้ยงกันมานานกว่า 50 ปี แล้ว โดยเพาะขยายพันธุ์ได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2509 โดยถือเป็นสัตว์น้ำชนิดแรกที่กรมประมงของไทยผสมเทียมประสบความสำเร็จเป็นชนิดแรกด้วย[4] ปลาในธรรมชาติมีฤดูวางไข่ในเดือนกรกฎาคม นิยมบริโภคโดยปรุงสดและรมควัน ในธรรมชาติมักพบชุกชุมตามอุทยานปลาหรือหน้าวัดต่าง ๆ ที่ติดริมน้ำ โดยในบางพื้นที่อาจมีปลาเทโพเข้ามาร่วมฝูงด้วย และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปลาที่สีกลายเป็นสีเผือก และจากการศึกษาล่าสุดพบว่า ในเนื้อปลาสวายนั้นมีโอเมกา 3 คิดเป็นปริมาณแล้วสูงกว่าในปลาทะเลเสียอีก โดยมีถึง 2,570 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม[5] [6]
รูปภาพ
แก้-
เนื้อปลาสวาย
-
ลูกปลาวัยอ่อน
-
ลูกพันธุ์ปลาสวาย
อ้างอิง
แก้- ↑ Vidthayanon, C.; Hogan, Z. (2011). "Pangasianodon hypophthalmus". IUCN Red List of Threatened Species. 2011: e.T180689A7649971. doi:10.2305/IUCN.UK.2011-1.RLTS.T180689A7649971.en. สืบค้นเมื่อ 19 November 2021.
- ↑ "Appendices | CITES". cites.org. สืบค้นเมื่อ 2022-01-14.
- ↑ "Pangasius hypophthalmus". ระบบข้อมูลการจำแนกพันธุ์แบบบูรณาการ. สืบค้นเมื่อ February 7, 2009.
- ↑ หน้า ๑๗๖-๑๗๗, ๘๔ ปี สถาปนากรมประมง. วารสารพิเศษกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๓
- ↑ "กินปลาน้ำจืดแหล่งโอเมกา 3 ไม่แพ้ปลาทะเล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-23. สืบค้นเมื่อ 2009-12-14.
{{cite web}}
: ระบุ|accessdate=
และ|access-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help) - ↑ สมโภชน์ อัคคะทวีวัฒน์. สาระน่ารู้ปลาน้ำจืดไทย เล่ม ๒. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2547. 257 หน้า. หน้า 31. ISBN 974-00-8738-8