ประเทศไทยในสงครามเวียดนาม

ประเทศไทยในสงครามเวียดนาม ราชอาณาจักรไทยในสมัยรัฐบาลทหารจอมพล ถนอม กิตติขจร มีบทบาทนำในสงครามเวียดนาม ประเทศไทยเป็นผู้จัดหากำลังภาคพื้นรายใหญ่สุดอันดับ 3 แก่เวียดนามใต้ รองจากสหรัฐและเกาหลีใต้[1]

ประเทศไทยในสงครามเวียดนาม
ส่วนหนึ่งของ สงครามเวียดนาม และสงครามเย็น
พลปืนยิงระเบิดเอ็ม79 ของจงอางศึกในเฟื้อกโท ปี 2510
ชนิดสงคราม
ตำแหน่งประเทศเวียดนามใต้
โดยกองทัพไทย
วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเวียดนามใต้จากการโจมตีของคอมมิวนิสต์
วันที่พ.ศ. 2507 – พ.ศ. 2516
ผู้สูญเสียเสียชีวิต 351 นาย
บาดเจ็บ 1,358 นาย

ชนวนเหตุ

แก้

เนื่องจากที่ตั้งใกล้เคียงกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงเฝ้าติดตามความขัดแย้งของเวียดนามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ประเทศไทยยังไม่ได้เข้าร่วมสงครามอย่างเป็นทางการจนสหรัฐมีมติอ่าวตังเกี๋ยซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐเพื่อสนับสนุนเวียดนามใต้ในปี พ.ศ. 2506 จากนั้นรัฐบาลไทยอนุญาตให้กองทัพอากาศสหรัฐในประเทศไทยใช้ฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือในประเทศ ทหารอเมริกันที่ประจำการในประเทศไทยเพิ่มสูงสุดเกือบ 50,000 นาย[2]

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2510 มีการส่งกรมทหารอาสาสมัคร (จงอางศึก) ไปยังค่ายเบียร์แคต ณ เบียนฮหว่า เพื่อรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารอเมริกัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และเวียดนามใต้ ในปี พ.ศ. 2511 กรมทหารอาสามัคร ถูกแทนด้วยกองพลทหารอาสาสมัคร (กองพลเสือดำ)[3]

มีทหารไทยรับราชการสงครามในเวียดนามใต้จำนวน 38,173 นาย, เสียชีวิตในการหน้าที่ 351 นาย และอีก 1,358 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากสงคราม[2][4][5]

มีการถอนกำลังภาคพื้นดินไทยชุดสุดท้ายออกจากเวียดนามใต้เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515[1]

การส่งทหารไปร่วมรบ

แก้

กองทัพอากาศ

แก้

ในปี พ.ศ. 2507 ประธานาธิบดี เซือง วัน มิญ แห่งเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย โดยขอให้ฝึกหัดนักบินของกองทัพอากาศเวียดนามใต้ ที่ส่งเข้ามาฝึกในประเทศไทย ต่อมาในเดือนกันยายนในปีเดียวกัน ไทยได้ส่งชุดทหารอากาศชุดแรกไปยังเวียดนามใต้[6][7]

กองทัพเรือ

แก้

ต่อมาในปี พ.ศ. 2509 รัฐบาลเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือทางทหารจากไทยเพิ่มเติม โดยขอให้จัดส่งเรือไปช่วยปฏิบัติการลำเลียง และเฝ้าตรวจบริเวณชายฝั่ง ป้องกันการแทรกซึมทางทะเลให้แก่เวียดนามใต้[6]

กองทัพบก

แก้
 
กองพลทหารอาสาสมัคร ในปี พ.ศ. 2511

ในปี พ.ศ. 2509 รัฐบาลเวียดนามใต้ก็ได้ขอกำลังจากกองทัพบก เพื่อช่วยยับยั้งการคุกคามของเวียดนามเหนือ นอกจากรัฐบาลไทยแล้วเวียดนามใต้ก็ได้ขอร้องทำนองเดียวกันไปยังประเทศฝ่ายโลกเสรีอื่น ๆ[6]

คณะรัฐมนตรี ได้ลงมติอนุมัติหลักการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่รัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนาม จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้น เรียกว่า กรมทหารอาสาสมัคร มีภารกิจในการรบเป็นหลัก และปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนเป็นรอง ถือว่าเป็นกองกำลังทหารไทยหน่วยแรก ที่ปฏิบัติการรบในเวียดนาม หลังจากที่กรมทหารอาสาสมัคร เดินทางไปปฏิบัติการรบในสาธารณรัฐเวียดนาม เป็นเวลา 1 ปี กองทัพบกได้ มอบให้คณะกรรมการพิจารณา เตรียมการส่งกำลังไปผลัดเปลี่ยน กรมทหารอาสาสมัคร และเพิ่มเป็น 1 กองพล

เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2511 จึง มีคำสั่งจัดตั้ง กองพลทหารอาสาสมัคร บรรจุมอบเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก มีที่ตั้งปกติ ณ ค่ายกาญจนบุรี ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และไปปฏิบัติการรบ ณ สาธารณรัฐเวียดนาม มีสมญานามเป็น ที่รู้จักกัน ในนามว่า กองพลเสือดำ

หลังจากสิ้นสุด

แก้

การมีส่วนร่วมของไทยในสงครามเวียดนามยังเสริมสร้างความสัมพันธ์กับสหรัฐ ตลอดระยะสงคราม สหรัฐเทความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการทหารรวมมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (USAID) เทงบช่วยเหลืออีก 590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งช่วยเศรษฐกิจไทยและจ่ายค่าเข้าร่วมสงครามของไทยโดยอ้อม ผู้ประกอบการไทยสร้างโรงแรม ร้านอาหารและบาร์เพื่อต้อนรับทหารอเมริกันที่ประจำการในประเทศ ทำให้เงินตราต่างประเทศไหลเข้าประเทศ เมื่อสงครามยุติ ประเทศไทยได้เก็บยุทธภัณฑ์และโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดที่อเมริกันเหลือไว้ให้ ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ชาติทันสมัย[8]

กำลังทหาร

แก้

ประเทศไทยได้ส่งกำลังทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ร่วมทั้งหมด 38,173 นาย โดยแบ่งแยกดังนี้

  • กองบัญชาการกองกำลังทหารไทยในสาธารณรัฐเวียดนาม จำนวนทั้งหมด 1,055 นาย ทั้งหมด 5 ผลัด
  • สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไซ่ง่อน จำนวนทั้งหมด 38 นาย
  • กองทัพบก จำนวนทั้งหมด 35,959 นาย ดังนี้
  • กองทัพเรือ (หน่วยเรือซีฮอร์ส/Sea Horse Task Element) จำนวนทั้งหมด 876 นาย ลำละ 5 ชุด
    • เรือหลวงพงัน : 756 นาย
    • เรือ ต.12 : 120 นาย
  • กองทัพอากาศ (หน่วยบินวิคตอรี/Victory Wing Unit) จำนวนทั้งหมด 265 นาย ทั้งหมด 7 ชุด

หลังจากกองกำลังทหารไทยถอนกำลังออกไปทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2515 กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า จึงได้ตั้งสำนักงานผู้แทนทหารไทยในสาธารณรัฐเวียดนาม (สน.ผทท.ไทย วน.) ขึ้น มีกำลังพล 38 คน โดยมี พ.อ. ชูวิทย์ ช.สรพงษ์ เป็นหัวหน้าสำนักงาน เดินทางไปปฏิบัติงานเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 และรับมอบหน้าที่ในการติดต่อประสานงานกับกองกำลังฝ่ายโลกเสรี ที่ยังคงอยู่ในเวียดนามใต้

เมื่อปฏิบัติได้เกือบครบ 1 ปี สถานการณ์ในเวียดนามใต้เข้าสู่สภาพคับขันยิ่งขึ้น ทางกองบัญชาการทหารสูงสุด จึงได้มีคำสั่งให้ปิดสำนักงานแล้วส่งมอบงานการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ให้กับสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไซ่ง่อน และให้กำลังพลเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ 2 มีนาคม พ.ศ. 2516 เป็นการยุติการปฏิบัติการรบของทหารไทยในเวียดนามใต้ตั้งแต่นั้นมา

ระเบียบภาพ

แก้

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 Albert Lau (2012). Southeast Asia and the Cold War. Routledge. pp. 190–. ISBN 978-0-415-68450-7.
  2. 2.0 2.1 Ruth, Richard A (7 November 2017). "Why Thailand Takes Pride in the Vietnam War" (Editorial). New York Times. สืบค้นเมื่อ 8 November 2017.
  3. James F. Dunnigan; Albert A. Nofi (5 May 2000). Dirty Little Secrets of the Vietnam War: Military Information You're Not Supposed to Know. St. Martin's Press. pp. 314–. ISBN 978-0-312-25282-3.
  4. Trauschweizer, Ingo (December 2011). "Forgotten Soldiers in Vietnam" (Book review). H-Net Online. สืบค้นเมื่อ 8 November 2017.
  5. "Thailand Involvement in Vietnam War". The Vietnam War. 29 March 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-10. สืบค้นเมื่อ 10 December 2017.
  6. 6.0 6.1 6.2 กรมยุทธศึกษาทหาร,ประวัติการรบของทหารไทยในสงครามเวียดนาม, (กรุงเทพฯ: กรมยุทธศึกษาทหาร, 2541), 53
  7. สารคดี ชุด ปีกแห่งเกียรติยศ ตอน สงครามเวียดนาม
  8. Ruth, Richard. "Why Thailand Takes Pride in the Vietnam War." New York Times. November 8, 2017.