ต๋าจี่
ต๋าจี่ ตามสำเนียงมาตรฐาน หรือ ถันกี ตามสำเนียงฮกเกี้ยน เอกสารไทยโบราณเรียกเพี้ยนเป็น ขันกี (จีน: 妲己; พินอิน: Dájǐ; เวด-ไจลส์: Ta2-chi3; ยฺหวิดเพ็ง: Taan2 Gei2) เป็นชายาคนโปรดของโจ้วหวัง (紂王; ฮกเกี้ยนว่า "ติวอ๋อง") กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ชาง (商朝) แห่งจีนโบราณ
ต๋าจี่妲己 (จีน) | |||||
---|---|---|---|---|---|
ภาพสลักต๋าจี่ที่วัด Ping Sien Si ในรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย | |||||
เกิด | ประมาณ 1076 ปีก่อน ค.ศ. | ||||
ตาย | หลัง 1046 ปีก่อน ค.ศ. | ||||
สวามี | พระเจ้าชางโจ้ว | ||||
|
อย่างน้อยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง (唐朝) เกิดร่ำลือกันว่า ต๋าจี่เป็นปิศาจจิ้งจอก (狐狸精)[2] ข่าวลือยิ่งโด่งดังเมื่อได้รับการใส่ไว้ในนวนิยายหลายเรื่องในสมัยราชวงศ์หมิง (明朝) เช่น อู่หวังฝาโจ้วผิงฮฺว่า (武王伐紂平話; "เล่าเรื่องอู่หวังปราบโจ้ว"), เฟิงเฉินหยั่นอี้ (封神演義; "วีรคติเรื่องสถาปนาเทวดา"), และ ตงโจวเลี่ยกั๋วจื้อ (東周列國志; "บันทึกเรื่องรัฐต่าง ๆ สมัยโจวตะวันออก")[3] ทำให้นางเป็นที่จดจำในวัฒนธรรมจีนในฐานะตัวอย่างของหญิงงามล่มเมือง
นอกจากนี้ ช่วงราชวงศ์ซ่ง (宋朝) ยังเกิดลัทธิบูชาปิศาจจิ้งจอกซึ่งหลายกลุ่มนับถือตาจี๋ ทางการกำหนดให้เป็นลัทธินอกกฎหมาย และใน ค.ศ. 1111 จักรพรรดิซ่งฮุ่ยจง (宋徽宗) ยังรับสั่งให้ทำลายศาลปิศาจจิ้งจอกหลายแห่งในนครหลวงเปี้ยนจิง (汴京) รวมถึงศาลของต๋าจี่[4] แต่ไม่เคยปราบปรามสำเร็จ[5]
อ้างอิง
แก้- ↑ Guoyu
- ↑ Huntington, Rania (2003). Alien kind : foxes and late imperial Chinese narrative. Cambridge: Harvard University Press. p. 195. ISBN 9780674010949.
- ↑ Epstein, Maram (2001). Competing discourses: Orthodoxy, authenticity, and endangered meanings in late Imperial Chinese fiction. Cambridge: Harvard University Asia Center. p. 136. ISBN 9780674005129.
- ↑ Lin, Fu-shih. ""Old Customs and New Fashions": An Examination of Features of Shamanism in Song China". Modern Chinese Religion I. Leiden: Brill. pp. 262–263. ISBN 9789004271647.
- ↑ Kang, Xiaofei (2006). The cult of the fox: Power, gender, and popular religion in late imperial and modern China. New York: Columbia University Press. pp. 37–39. ISBN 9780231133388.