ชู จี-ฮุน
ชู จี-ฮุน (เกาหลี: 주지훈; เกิด 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1982) เป็นนักแสดงและนายแบบชาวเกาหลีใต้[1][2] เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อปี ค.ศ. 2003 ในฐานะนายแบบกางเกงยีนส์ลีวายส์ และผลิตภัณฑ์กีฬารีบอค ได้รับความนิยมจากผลงานการแสดงเรื่องแรกในบทบาท "องค์ชายลีชิน" จากละครเรื่อง เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา เมื่อปี ค.ศ. 2006 แสดงร่วมกับ ยุน อึนเฮ นักแสดงหญิงดาวรุ่งที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนั้น และได้รับความนิยมในละครอีกหลายเรื่อง เช่น ทีมหมอใจเพชร (2013), หน้ากากหัวใจ (2015) และผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด (2019) รวมไปถึงในวงการภาพยนตร์ อาทิเช่น ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า ทั้งสองภาค (2017–2018) และ The Spy Gone North (2018) ที่กวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลายในเกาหลีใต้[3]
ชู จี-ฮุน | |
---|---|
ชู จี-ฮุนในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2018 | |
เกิด | โซล เกาหลีใต้ | 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1982
การศึกษา | มหาวิทยาลัยคย็องกี |
อาชีพ | นักแสดง นายแบบ |
ปีปฏิบัติงาน | 2003 – ปัจจุบัน |
ตัวแทน | คีย์อีสต์ (เกาหลีใต้) ยูนิเวอร์ซัล ดี (ญี่ปุ่น) |
ส่วนสูง | 1.87 m (6 ft 1 1⁄2 in) |
ชื่อเกาหลี | |
ฮันกึล | |
อาร์อาร์ | Ju Ji-hun |
เอ็มอาร์ | Chu Chihun |
ชีวิตและการงาน
แก้2006–2008: เริ่มต้นอาชีพนักแสดง และประสบความสำเร็จ
แก้ในปี ค.ศ. 2006 ชู จี-ฮุนก้าวเข้าสู่อาชีพนักแสดง จากการรับบท "องค์ชายรัชทายาทลีชิน" ในละครโรแมนติกคอมเมดี เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำลายสถิติเรตติ้งละครโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ด้วยค่าผู้ชมสูงถึง 28.3% ส่งผลให้เกิดความนิยมละครโทรทัศน์รวมถึงศิลปินเกาหลีทั่วทั้งทวีปเอเชีย[4][5] นอกจากนี้ยังส่งผลให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลของสถานีโทรทัศน์เอ็มบีซี ร่วมกับยุน อึนเฮ จากละครโทรทัศน์เรื่องเดียวกันนั้นเองในช่วงปลายปี
เดือนมีนาคม ค.ศ. 2007 ชู จี-ฮุน แสดงละครโทรทัศน์เรื่อง คำพิพากษาซาตาน ร่วมกับนักแสดงมากฝีมืออย่าง ออม แท-อุง และชิน มิน-อา[6] ในเดือนเดียวกันนั้นเอง เขาได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากงานประกาศผลรางวัลละครโทรทัศน์แห่งเอเชียครั้งที่ 1 จากผลงานเรื่อง เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา และคำพิพากษาซาตาน[7]
เขาร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตในบทบาท คิม จิน-ฮยอก จากเรื่อง หล่อ หรู ร้าย รัก (Antique) ในปี ค.ศ. 2008[8] ภายหลังภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเชิญให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน ครั้งที่ 59[9] และในปีเดียวกัน เขาได้กลับมาร่วมงานกับชิน มิน-อา อีกครั้ง ในภาพยนตร์โรแมนติก ปรุงหัวใจ สูตรเจ้าชายเย็นชา (The Naked Kitchen)[10]
2009–2011: ข่าวอื้อฉาว และการรับใช้ชาติ
แก้เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2009 เขาถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันเสพยาเสพติด พร้อมกับกลุ่มเพื่อนอีก 15 คน กลายเป็นประเด็นข่าวดังในวงการอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงของเกาหลีใต้และระดับเอเชีย ภายหลังเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2009 เขาได้สารภาพต่อศาลว่าใช้สารเสพติด เคตามีน จริง[11] และศาลได้ตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลาหกเดือน รอลงอาญา 1 ปี บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมอีก 120 ชั่วโมง และต้องจ่ายค่าปรับอีก 360,000 วอน
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เขาได้เข้าร่วมรับราชการทหาร หลังจากครบกำหนดเวลาเข้ากรมรับใช้ชาติพอดี ด้วยการฝึกขั้นพื้นฐานเป็นเวลาห้าสัปดาห์ ตามด้วยการปฏิบัติหน้าที่กับกองกำลังสำรอง[12][13] ในช่วงเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เขาได้ร่วมงานกับอี จุน-กี แสดงละครเพลงรำลึกถึงวันครบรอบ 60 ปีสงครามเกาหลี ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันของกระทรวงกลาโหมและสมาคมโรงละครดนตรีแห่งเกาหลี จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 21–29 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ณ โรงละครแห่งชาติ[14][15] และในที่สุด เขาได้ปลดประจำการทหารเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011[16][17]
2012–2016: กลับเข้าร่วมงานแสดงอีกครั้ง
แก้ในช่วงเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ก่อนการปลดประจำการทหาร เขาตัดสินใจเซ็นสัญญาร่วมกับ คีย์อีสต์[18]
เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012 เขาได้กลับมาร่วมแสดงอีกครั้งในผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สามอย่าง ข้า(น้อย)นี่แหละราชา (I Am the King)[19] รวมถึงผลงานละครโทรทัศน์ เบญจดรรชนี ดนตรีแห่งรัก (Five Fingers)[20][21] ในปีเดียวกัน ปีต่อมา เขามีผลงานการแสดงอย่างต่อเนื่องทั้งภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ อาทิ ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี Marriage Blue และการกลับมาเล่นซีรีส์ให้กับเอ็มบีซี อีกครั้งในรอบ 7 ปีอย่าง ทีมหมอใจเพชร (Medical Top Team)[22]
ปี ค.ศ. 2014 เขามีผลงานภาพยนตร์ต่างประเทศเป็นเรื่องแรก คือเรื่อง Love Suspicion ภาพยนตร์โรแมนติกระทึกขวัญสัญชาติจีน[23] ก่อนจะมาร่วมแสดงกับ จี ซ็อง และอี กวัง-ซู ในภาพยนตร์ Confession ช่วงกลางปีเดียวกัน[24]
ปี ค.ศ. 2015 เขาได้กลับมาร่วมงานกับ มิน คยู-ด็อง ผู้กำกับจากภาพยนตร์ที่เขาเคยร่วมแสดง ในภาพยนตร์พีเรียดย้อนยุค The Treacherous[25] ในปีเดียวกัน เขายังมีผลงานละครโทรทัศน์อีกเรื่องอย่าง หน้ากากหัวใจ (Mask) แสดงร่วมกับ ซูเอ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอสบีเอส[26] ส่งผลให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากซีรีส์ความยาวขนาดกลาง งาน SBS Drama Awards 2015 ไปครอบครอง
ปี ค.ศ. 2016 เขาได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ทริลเลอร์อย่าง เมืองคนชั่ว (แล้วเราจะกลัวใคร) (Asura: The City of Madness) ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำไปฉายเปิดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโทรอนโต ครั้งที่ 41[27] ทั้งนี้ เขายังได้รับรางวัลนักแสดงภาพยนตร์ยอดนิยม จากงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติของเกาหลีใต้ จากภาพยนตร์เรื่องเดียวกันนั้นเอง[28] และถูกเสนอชื่อถึงสองครั้งในสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม
2017–ปัจจุบัน: คิวทองกับผลงานภาพยนตร์
แก้ในปี ค.ศ. 2017 – ค.ศ. 2018 ชู จี-ฮุน ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ฟอร์มยักษ์อย่าง ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า ทั้งสองภาค[29][30] รับบทเป็นยมทูต แฮ วอน-มัก โดยภาพยนตร์ทั้งสองภาคนี้ กวาดรายได้อย่างถล่มทลายในเกาหลีใต้ ภาคแรกสามารถทำรายได้สูงถึง 108.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับ 3 ในเกาหลีใต้ ขณะที่ภาคสอง ซึ่งเข้าฉายในปีถัดมา ยังคงทำรายได้สูงอยู่ที่ 92.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับ 10 ในเกาหลีใต้[31]
ปี ค.ศ. 2018 เขายังคงมีผลงานภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น The Spy Gone North[32][33] และ Dark Figure of Crime[34][35] ส่งผลให้เขาชนะรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง The Spy Gone North และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Dark Figure of Crime ในงานประกาศผลรางวัล Blue Dragon Awards อีกด้วย[36]
ปี ค.ศ. 2019 เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทผลิตภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง เน็ตฟลิกซ์ กับผลงานซีรีส์เรื่อง ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด (Kingdom) ซึ่งออกอากาศไปยังผู้ชมทั่วโลก[37][38] และได้กลับมาร่วมแสดงนำบนหน้าจอโทรทัศน์ครั้งแรกในรอบ 4 ปี กับผลงานเรื่อง Item ออกอากาศทางเอ็มบีซี[39]
ผลงานการแสดง
แก้ภาพยนตร์
แก้ปี | เรื่อง | บทบาท |
---|---|---|
2008 | หล่อ หรู ร้าย รัก (Antique) | คิม จิน-ฮยอก |
2009 | ปรุงหัวใจ สูตรเจ้าชายเย็นชา (The Naked Kitchen) | พัก ดู-เร |
2012 | ข้า(น้อย)นี่แหละราชา (I Am the King) | เจ้าชายชุง นย็อง / ทอก-ชิล |
2013 | Marriage Blue | คยัง-ซู |
2014 | Love Suspicion | คัง-ฮาน |
Confession | อิน-ชุล | |
2015 | The Treacherous | อิม ซุง-แจ |
2016 | เมืองคนชั่ว (แล้วเราจะกลัวใคร) (Asura: The City of Madness) | มุน ซัน-โม |
2017 | ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า (Along with the Gods: The Two Worlds) | แฮ วอน-มัก |
2018 | ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า 2 (Along with the Gods: The Last 49 Days) | |
The Spy Gone North | ผู้จัดการจอง | |
Dark Figure of Crime | คัง แท-โอ |
ละครโทรทัศน์
แก้ปี | เรื่อง | บทบาท | สถานีออกอากาศ |
---|---|---|---|
2006 | เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา (Princess Hours) | องค์รัชทายาทลีชิน | เอ็มบีซี |
2007 | คำพิพากษาซาตาน (The Devil) | โอ ซึง-ฮา | เคบีเอส |
2012 | เบญจดรรชนี ดนตรีแห่งรัก (Five Fingers) | ยู จี-โฮ | เอสบีเอส |
2013 | ทีมหมอใจเพชร (Medical Top Team) | ฮัน ซึง-แจ | เอ็มบีซี |
2015 | หน้ากากหัวใจ (Mask) | ชเว มิน-วู | เอสบีเอส |
2019 | ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด (Kingdom) : ซีซั่น 1 | องค์รัชทายาทลีชาง | เน็ตฟลิกซ์ |
Item | คัง-กอน | เอ็มบีซี | |
2020 | เกมกฎหมาย (Hyena) | ยุน ฮี-แจ | เอสบีเอส และเน็ตฟลิกซ์ |
ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด (Kingdom) : ซีซั่น 2 | องค์รัชทายาทลีชาง | เน็ตฟลิกซ์ |
มิวสิกวิดีโอ
แก้ปี | เรื่อง | ศิลปิน | อ้างอิง |
---|---|---|---|
2012 | "처연" | Lowdown 30 | |
2014 | "Fxxk U" | Gain feat. Bumkey | [40] |
อ้างอิง
แก้- ↑ "Joo Ji-hoon (주지훈, Korean actor) @HanCinema". HanCinema. สืบค้นเมื่อ 9 November 2018.
- ↑ "주지훈 :: 네이버 인물검색". Naver. สืบค้นเมื่อ 9 November 2018.
- ↑ "[INTERVIEW] Ju Ji-hoon - chameleonic actor". The Korea Times. 19 September 2018.
- ↑ "An interview of Joo Ji-hoon from Princess Hours". MBC Global Media. 14 February 2008.
- ↑ "China Crowns Joo Ji-hoon 5th Most Handsome Male". The Chosun Ilbo. 24 December 2008.
- ↑ "'마왕' 세 주인공 신민아·엄태웅·주지훈, 신비로운 자태". The Chosun Ilbo (ภาษาเกาหลี). 5 March 2007.
- ↑ "Ju Ji-hoon Selected New Asian Star of 2007". KBS Global. 13 March 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-08. สืบค้นเมื่อ 2013-06-15.
- ↑ "Pretty boys serve up a musical dramedy". Korea JoongAng Daily. 3 April 2009.
- ↑ "6 Korean Films to Screen at Berlin Festival". The Chosun Ilbo. 30 January 2009. สืบค้นเมื่อ 2012-11-28.
- ↑ "'Kitchen' Offers Tasteful Romance". The Korea Times. 5 February 2009 – โดยทาง Hancinema.
- ↑ "Movie Star Booked on Drug Charges". The Chosun Ilbo. 28 April 2009. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Kang, Seung-hun (14 January 2010). "Joo Ji-hoon to enter military next month". 10Asia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-08. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Yun, Tae-hui (2 February 2010). "Actor Joo Ji-hoon enters military". 10Asia. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Jang, Kyung-Jin (3 August 2010). "Lee Jun-ki says "depressed about Joo Ji-hoon turning first private today" (2)". 10Asia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-08. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Lee, Jin-hyuk (3 August 2010). "Joo Ji-hoon attends Voyage of Life press conference". 10Asia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-08. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Hong, Lucia (11 November 2011). "Ju Ji-hoon to be discharged from military next week". 10Asia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-08. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ "Actor Joo Ji-hoon salutes his fans after completing his mandatory military service in Seoul on Monday". The Chosun Ilbo. 22 November 2011. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Kim, Heidi (5 January 2011). "Actor Joo Ji-hoon signs with Bae Yong-joon agency". 10Asia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-08. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Lee, Jin-ho (21 July 2012). "Joo Ji Hoon Says He'll Dress Up Like a Servant If I Am the King Succeeds". enewsWorld. CJ E&M. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-09-10. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Ho, Stewart (13 June 2012). "Joo Ji Hoon to Make Drama Comeback in Five Years; First Since His Drug Scandal". enewsWorld. CJ E&M. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 June 2012. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.
- ↑ Yoon, Hee-seong; Suk, Monica (13 June 2012). "Ju Ji-hoon to return to the small screen, says he is reflecting on himself". 10Asia. สืบค้นเมื่อ 2012-12-10.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Hong, Grace Danbi (26 July 2013). "Ju Ji Hoon Returns to MBC After 7 Years for Medical Top Team". enewsWorld. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 July 2013. สืบค้นเมื่อ 2013-07-26.
- ↑ "JU Ji-hoon to Make Debut in China". Korean Film Biz Zone. 14 May 2013.
- ↑ Conran, Pierce (16 December 2013). "JU Ji-hoon, JI Sung and LEE Kwang-soo Team Up for New Film". Korean Film Biz Zone. สืบค้นเมื่อ 2014-05-30.
- ↑ "Ju Ji-hoon gambles on 'Treacherous'". Korea JoongAng Daily. 19 May 2015.
- ↑ Ha, Soo-jung (10 March 2015). "Joo Ji Hoon and Soo Ae Confirmed to Return to TV with Mask". enewsWorld. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-07-12.
- ↑ Lowe, Justin (14 October 2016). "Jung Woo-sung and Hwang Jung-min star in Kim Sung-soo's South Korean gangland saga". The Hollywood Reporter.
- ↑ "Actors Gong Hyo-jin, Cho Jung-seok, Cho Jin-woong win top star award". Yonhap News Agency. 29 December 2016.
- ↑ "ALONG WITH THE GODS Filming Ends, Release Pushed to December". Korean Film Biz Zone. 27 March 2017.
- ↑ "Will 'Along with the Gods' create a second box office smash?". The Korea Herald. 6 July 2018.
- ↑ "(Yonhap Interview) Actor Ju Ji-hoon: Shooting two films simultaneously was tough but memorable". Yonhap News Agency. 27 July 2018.
- ↑ "HWANG Jung-min Infiltrates YOON Jong-bin's DUKE". Korean Film Biz Zone. 6 January 2017.
North Korea Thriller Co-Stars LEE Sung-min, CHO Jin-woong & JU Ji-hoon
- ↑ "HWANG Jung-min Wraps NK Action-Drama BLACK VENUS". Korean Film Biz Zone. 3 August 2017.
- ↑ "KIM Yun-seok and JU Ji-hoon Face Off in MURDER OF MAN OR WOMAN". Korean Film Biz Zone. 1 September 2017.
- ↑ "Ju Ji-hoon becomes killer in real story-based 'Dark Figure of Crime'". The Korea Times. 28 August 2018.
- ↑ "Ju Ji-hoon throws himself into his latest character: The 'Dark Figure of Crime' actor found a new challenge: Busan dialect". Korea JoongAng Daily. 21 September 2018.
- ↑ "Joo Ji-hoon to star in "Kingdom" with Bae Doona". Hancinema. 22 October 2017.
- ↑ "Netflix's new Korean original 'Kingdom' brings zombie to Joseon Dynasty". Kpop Herald. 21 January 2019.
- ↑ "Ju Ji-hoon to return to small screen". Kpop Herald. 10 September 2018.
- ↑ "Joo Ji-hoon joins Ga-in music video". Korea JoongAng Daily. 28 January 2014.