ฉบับร่าง:เกี้ยน เสมอพิทักษ์
นี่คือบทความฉบับร่างซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแก้ไขได้ โปรดตรวจสอบว่าเนื้อหามีลักษณะเป็นสารานุกรมและมีความโดดเด่นควรแก่การรู้จักก่อนที่จะเผยแพร่เป็นบทความลงในวิกิพีเดีย กรุณาอดทนรอผู้เขียนคนอื่นมาช่วยตรวจให้ อย่าย้ายหน้าไปเป็นบทความเองโดยพลการ ค้นหาข้อมูล: Google (books · news · newspapers · scholar · free images · WP refs) · FENS · JSTOR · NYT · TWL สำคัญ: ถ้าลบป้ายนี้ออกจะทำให้บันทึกหน้าไม่ได้ ผู้แก้ไขหน้านี้คนล่าสุด คือ Sry85 (พูดคุย | เรื่องที่เขียน) เมื่อ 23 ชั่วโมงก่อน (ล้างแคช) |
My Order - ระบบแจ้งเลขพัสดุ ระบบจัดการแอดมิน และจัดการร้านค้าออนไลน์ครบวงจร
My Order (ภาษาไทย : มาย ออเดอร์) คือ ระบบ Order Management System (OMS) หรือ ระบบจัดการคำสั่งซื้อที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยร้านค้าหรือธุรกิจออนไลน์จัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพการขายและลดขั้นตอนในการทำงาน ทั้งยกระดับธุรกิจของคุณให้สเกลยอดขายได้ง่าย ๆ ด้วยการจัดการหน้าเพจหลายหน้า และจัดการออเดอร์โดยไม่ต้องใช้คนเพิ่ม หรือเพิ่มขั้นตอนการตรวจเช็คให้มากมาย เราสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยโปรแกรมเดียวโดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการในการบริหารจัดการคำสั่งซื้อ การติดตามสถานะคำสั่งซื้อ การจัดการข้อมูลลูกค้า และการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น
ระบบ MyOrder ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2563 โดยบริษัท มายออเดอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด โดยถูกพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาของพ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจออนไลน์ซึ่งเจอกับปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายในการตอบแชทหลายเพจ การจัดการออเดอร์ การจัดการขนส่ง ที่ก่อให้เกิดต้นทุนแฝงที่เพิ่มขึ้นและเวลาที่เสียไปในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ระบบ MyOrder จึงเกิดมาเพื่อช่วยธุรกิจออนไลน์ลดต้นทุน ลดเวลา และเพิ่มกำไรให้กับร้านค้า ด้วยโซลูชั่นส์ด้าน eCommerce ต่าง ๆ และดีลดี ๆ จากคู่ค้าพันธมิตรทั้งธนาคารและขนส่ง รวมไปถึงแพลตฟอร์ม Social Commerce ที่สำคัญอย่าง Meta หรือผู้ให้บริการ Facebook ที่เป็น Business Partner หลักด้าน Messaging หรือ การส่งข้อความของ MyOrder
ฟีเจอร์หลัก
- รวมแชท: MyOrder มีระบบรวมแชทจากเพจ Facebook และ LINE ให้ร้านค้าหรือแอดมินสามารถตอบกลับได้ง่าย ๆ ในหน้าเดียว
- จัดการคำสั่งซื้อ: ระบบสามารถจัดการคำสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไมว่าจะเป็นการเปิดบิลได้ทันที ระบบจำแนกที่อยู่อัตโนมัติ และระบบตรวจสลิปปลอมที่ง่ายต่อการใช้งาน โดยผู้ใช้งานสามารถดูแลและจัดการออเดอร์ได้อย่างเป็นระบบ สร้างเลขพัสดุพร้อมส่งให้ลูกค้าอัตโนมัติทันที ตรวจสอบยอดชำระ COD ที่ได้รับจากขนส่งง่ายขึ้น
- การติดตามลูกค้าด้วยบอท: MyOrder มีระบบติดตามลูกค้าอัตโนมัติด้วยแชทบอท จะช่วยให้ร้านค้าสามารถส่งข้อความที่ตั้งไว้ให้ลูกค้าที่ยังไม่ได้มีการสั่งซื้อ ไม่ว่าจะส่งโปรโมชั่น ข้อมูลสินค้า หรือการบริการ เพื่อเพิ่มยอดขายในเพจได้ทันทีโดยเฉลี่ยได้มากถึง 32%
- เชื่อมต่อกับขนส่งและติดตามสถานะพัสดุ: ระบบ MyOrder เชื่อมต่อกับขนส่งมากมายด้วยราคาสุดพิเศษ นอกจากจะช่วยลดระยะเวลาในการสร้างและพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุ ระบบยังสามารถกดเรียกรถให้มารับถึงหน้าบ้านได้เพียงคลิกเดียว ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย, Flash Express, DHL และอื่น ๆ
- รายงาน Dashboard: สามารถดูรายงานการขายได้ง่าย ๆ ว่ามียอดขายและกำไรเท่าไหร่ สินค้าขายดีอันดับ 1 รวมไปถึงแดชบอร์ดผลลัพธ์การยิงโฆษณา Facebook (Ads Insight) เพื่อดู ROAS ของเพจ
MyOrder เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มขาย ขนาดกลางที่กำลังขยับขยาย และขนาดใหญ่ที่ต้องการสร้างระบบการจัดการธุรกิจเพื่อความมั่นคงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น แฟชั่น ความงาม สินค้าปลีก-ส่ง ของใช้ ของเล่น ผลไม้ เป็นต้น
MyOrder ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานได้สะดวก ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกทั้งบนเว็บไซต์และบนแอปพลิเคชั่นทั้ง iOS และ Android
อ้างอิง
- https://landing.myorder.ai/
- https://th.linkedin.com/company/myorder-marketing
- https://www.facebook.com/business/partner-directory/search?solution_type=messaging&countries=TH&platforms=messenger&languages=th
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
มีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ | |
---|---|
อัครมุขนายกมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง | |
ดำรงตำแหน่ง 1 กรกฏาคม ค.ศ. 1959(พ.ศ. 2502) – 6 มีนาคม 1980(พ.ศ. 2523) | |
ก่อนหน้า | มีคาแอล มงคล (อ่อน) ประคองจิต |
ถัดไป | ลอว์เรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 18 ธันวาคม ค.ศ. 1920 (พ.ศ. 2463) บ้านท่าแร่ จังหวัดสกลนคร ประเทศไทย |
เสียชีวิต | 16 ตุลาคม ค.ศ. 1998 (77 ปี) บ้านซีเมออน บ้านพักบาทหลวงสูงอายุ บ.ท่าแร่ |
ที่ไว้ศพ | สุสานวัดอัครเทวดามีคาเอลท่าแร่ |
เชื้อชาติ | ไทย |
ศาสนา | คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก |
บุพการี | บิดา นายชา เสมอพิทักษ์ มารดา นางสอ ชมพูจันทร์ |
"แสงสว่างในความมืด" | |
มีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ ( ไทย: มีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์, อักษรโรมัน: Most Rev. Michael Kien Samorpitak , 18 ธันวาคม ค.ศ. 1920 (พ.ศ. 2463)– 6 มีนาคม ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) เป็น อัครมุขนายกกิตติคุณแห่งอัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959(พ.ศ. 2502) จนกระทั่งเกษียณอายุในปี 1980 (พ.ศ. 2523) (1 กรกฏาคม ค.ศ. 1959(พ.ศ. 2502) - 14 พฤษภาคม 2547) ท่านเป็นอัครมุขนายก จากบาทหลวงชาวพื้นเมืองท่านแรกของภาคอีสานและเป็นชาวบ้านท่าแร่ สกลนคร นับเป็นเกียรติต่อจังหวัดสกลนครอย่างยิ่ง
พระคุณเจ้า มีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 1920 ที่บ้านท่าแร่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป็นบุตรคนที่ 7 ของนายชา เสมอพิทักษ์ และนางสอ ชมพูจันทร์ มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน
ชีวิตในวัยเด็ก
แก้เมื่อยังเด็ก ท่านได้เข้าเรียนในโรงเรียนของโบส์ถท่าแร่ (ตึกเหลือง) เมื่ออายุ 11 ปี ขณะกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 2 วันหนึ่งท่านได้ไปแก้บาปกับบาทหลวงบาเยต์ ซึ่งต่อมาเป็นมุขนายกบาเยต์ บาทหลวงถามว่า “ลูกอยากไปเป็นเณรที่บางช้างไหม?” ในเวลานั้น ท่านไม่เคยมีความคิดมาก่อนเลยว่าจะเข้าบ้านเณร จึงขอเวลาคิดอยู่ 2-3 วันโดยมิได้ปรึกษาใคร หลังจากนั้นท่านก็ตอบบาทหลวง บาเยต์ว่า “ยินดีไปครับ คุณพ่อ” นั่นคือจุดเริ่มต้นของกระแสเรียกแห่งการเป็นผู้รับใช้พระเจ้าของท่าน
กระแสเรียกและการบวช
แก้ท่านเข้าเรียนบ้านเณรเล็กที่บ้านเณรบางช้าง ต่อมาย้ายมาที่บ้านเณรบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหโบส์ถสมุทรสงคราม เมื่อปี ค.ศ. 1932 และไปต่อที่บ้านเณรพระหฤทัย ศรีราชา จังหโบส์ถชลบุรี ในช่วงปี ค.ศ. 1935-1939 จากนั้นออกทดลองเป็นครูเณรที่บ้านเณรหนองแสง นครพนม เมื่อปี ค.ศ. 1940 แต่เนื่องจากเกิดสงครามบูรพา ท่านได้ออกมาทำนากับพี่ๆ จนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1941
รับศีลอนุกรมบวชเป็นบาทหลวง
แก้ท่านเข้าเรียนบ้านเณรใหญ่ (ชั่วคราว) ที่แม่พระนฤมลทิน บางนกแขวก ระหว่างปี ค.ศ. 1941-1948 และบวชเป็นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1948 ที่ปะรำพิธีหน้าอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่ (หลังเก่า) โดยมุขนายกเกลาดิอุส บาเยต์
พิธีอภิเษกเป็นมุขนายก
แก้วันที่ 30 มิถุนายน ต้อนรับสัตบุรุษจำนวนมากจากมิสซังอุดร, อุบล, ท่าแขก, เวียงจันทร์ และกรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางมาทางรถไฟ รวมทั้งมุขนายกและบาทหลวงรวม 71 ท่าน เพื่อมาร่วมงานพิธีอภิเษก
วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1959 พิธีอภิเษกอัครมุขนายกแห่งมิสซังท่าแร่-หนองแสง จัดขึ้น เป็นวันประวัติศาสตร์เนื่องจากเป็นอัครมุขนายกท่านแรกที่เป็นบาทหลวงมาจากมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง และรับอภิเษกที่บ้านท่าแร่
- เวลา 07.40 น. เริ่มขบวนแห่ผู้รับอภิเษกซึ่งนั่งบนวอ จากบ้านเจ้าอธิการ ผ่านหน้าโบส์ถท่าแร่ โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ มาสู่ปะรำพิธี เนื่องจากโบส์ถท่าแร่เก่าแก่และคับแคบจึงไม่ได้จัดพิธีอภิเษกที่โบส์ถ
- เวลา 08.10 น. พิธีเริ่มขึ้นโดยมีมุขนายกบาเยต์ (Bishop Claudius-Philippe Bayet, M.E.P.) เป็นผู้อภิเษก, มุขนายกเปโตร คาเร็ตโต (Bishop Pietro Luigi Carretto, S.D.B.) และมุขนายกสงวน สุวรรณศรี (มุขนายกแห่งมุขมณฑลจันทบุรี) เป็นมุขนายกผู้ช่วยอภิเษก
พิธีจัดขึ้นท่ามกลางพระสมณทูต มุขนายกดรุ๊สแดร๊ก แห่งเวียงจันทร์ (Etienne-Auguste-Germain Loosdregt, O.M.I.), พระอัครมุขนายก อาร์โนด์ อังตวน การ์โนลต์ และมุขนายกดูฮาร์ต (Bishop Clarence James Duhart, C.SS.R.) ตลอดจนคณะบาทหลวง ภคินี และสัตบุรุษมากมาย นอกจากนี้ นายอำเภอจังหวัดสกลนครและหัวหน้าส่วนราชการบางท่านได้ให้เกียรติมาร่วมในพิธีด้วย อุปมุขนายกเป็นผู้อ่านสารตราตั้งของสมเด็จพระสันตะปาปายวงที่ 23
พิธีดำเนินไปอย่างสง่า ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ผู้มารับพรคนแรกคือมารดาผู้ชราของท่าน ต่อจากนั้นเป็นการแห่มุขนายกใหม่โดยรถยนต์ไปรอบๆ บ้านท่าแร่ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร
มุขนายกเกี้ยนได้อธิบายคติประจำตัวของท่าน คือ “Lux in tenebris” เป็นความสว่างที่เปรียบได้กับศีลมหาสนิท ท่านยังพูดถึง 3 จังหวัดในปกครอง ได้แก่ นครพนม ซึ่งมีมรณสักขีที่สองคอน, สกลนคร ที่มีคริสตศาสนิกชนมากที่สุด และกาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ในความหวังเพราะยังไม่มีโบสถ์คริสต์ในจังหวัดเลย
ตอนเย็น มีมหรสพปิดงานด้วยภาพยนตร์ของคณะข่าวสารเวียดนาม ประชันกับละครเรื่อง “สาวน้อยผู้ภักดี” (ประวัตินักบุญโรซาแห่งลิมา) ของโรงเรียนเซนต์ยอแซฟแผนกหญิง สลับฉากด้วยการฟ้อนรำต่าง ๆ ซึ่งมีประชาชนมาชมมากมาย
คติพจน์
แก้“Lux in tenebris”
แสงสว่างในความมืด
ความหมายของตราประจำตำแหน่ง (Coat of Arms)
แก้ตราสัญลักษณ์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน:
1. ส่วนที่หนึ่ง: พื้นสีแดงมีรูปกิ่งใบลาน ต้นก้านใบลานเป็นตัวอักษร N นครพนม: แทนด้วยตัวอักษร N คือ NAKHON PHANOM พื้นเป็นสีแดงมีกิ่งใบลาน หมายถึงนครพนมเป็นดินแดนที่มีผู้มรณสักขียอมเสียสละโลหิตเพื่อความเชื่อที่บ้านสองคอน กิ่งใบลานเป็นเครื่องหมายตามพระคัมภีร์ว่า ผู้สละโลหิตเพื่อยืนยันความเชื่อจะถือกิ่งใบลาน
2. ส่วนที่สอง: พื้นสีเหลืองมีอักษร S ที่บริเวณยอดมีรูปศีลมหาสนิท (ปังกับเหล้าองุ่น) สกลนคร: แทนด้วยตัวอักษร S คือ SAKONNAKHON พื้นเป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นสีของความสว่าง หมายถึงจังหวัดสกลนครมีจำนวนโบสถ์มาก ความเชื่อแพร่หลาย ส่วนปังกับองุ่นเตือนให้ท่านเอาศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับคติพจน์ “แสงสว่างในความมืด”
3. ส่วนที่สาม: พื้นสีเขียวมีรวงข้าว ต้นก้านเป็นตัวอักษร C กาฬสินธุ์: แทนด้วยตัวอักษร C ซึ่งอ่านได้เหมือนตัว K เมื่อตามด้วยตัว A เช่น KALASIN หรือ CALASIN พื้นสีเป็นสีเขียวมีรวงข้าว หมายความว่าจังหวัดกาฬสินธุ์ยังเป็นพื้นนาที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว มุขนายกเลือกใช้ตัว C แทน K เพื่อให้สอดคล้องกับตัวอักษร N, S, C ที่มีความหมายดังนี้:
N = NOSTRA = ของพวกเรา S = SALVATIO SALUS = ความรอด C = CHRISTUS = พระคริสตเจ้า
รวมความหมายคือ “พระคริสต์ความรอดของเรา”
ประวัติการศึกษาและหน้าที่การทำงาน
แก้- ค.ศ. 1932: เข้าเรียนบ้านเณรเล็กที่บ้านเณรบางช้าง และย้ายมาบ้านเณรบางนกแขวก
- ค.ศ. 1935-1939: บ้านเณรพระหฤทัย ศรีราชา จังหโบส์ถชลบุรี
- ค.ศ. 1940: ครูเณรบ้านเณรหนองแสง นครพนม
- ค.ศ. 1941: เกิดสงครามบูรพา ออกมาทำนากับครอบครัว
- ค.ศ. 1941-1948: บ้านเณรใหญ่ (ชั่วคราว) แม่พระนฤมลทิน บางนกแขวก
- 4 เมษายน ค.ศ. 1948: รับศีลอนุกรมเป็นบาทหลวง
ตำแหน่งและหน้าที่การทำงาน
แก้- ค.ศ. 1948-1949: ผู้ช่วยอธิการอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่ (บาทหลวงสมุห์ พานิชเกษม เป็นเจ้าอธิการโบส์ถ)
- ค.ศ. 1949-1950: ผู้ช่วยอธิการโบส์ถบุ่งกะแทว (บาทหลวงคำจวน ศรีวรกุล เป็นผู้ดูแล)ดูแลบ้านบุ่งไหม บ้านบัว บ้านเอือด
- ค.ศ. 1950-1953: ศึกษาที่มหาวิทยาลัยคาทอลิก เมืองลีออง ประเทศฝรั่งเศส ปริญญาโททางกฎหมายพระศาสนจักรและปริญญาโททางเทวศาสตร์
- ค.ศ. 1954: เรียนภาษาอังกฤษที่ดับบลิน ประเทศไอร์แลนด์
- ค.ศ. 1955: ศึกษาแนวคิดและแนวปฏิบัติด้านการศึกษาแบบอังกฤษ ได้อนุปริญญาและติดตามมุขนายกมีคาแอล มงคล (อ่อน) ประคองจิต ไปดูงานที่อเมริกา
- ค.ศ. 1956-1957: ผู้ช่วยอธิการโบส์ถท่าแร่ (บาทหลวง แท่ง ยวงบัตรี เจ้าอธิการโบส์ถ)
- ค.ศ. 1957-1959: ผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟ ท่าแร่ ได้รับรองวิทยาฐานะ ค.ศ. 1958
- 12 กุมภาพันธ์ 1959: ประกาศแต่งตั้งเป็นผู้แทนพระสันตะปาปาประจำมุขมณฑลท่าแร่, ประเทศไทย (Vicar Apostolic of Thare, Thailand) และดำรงตำแหน่งมุขนายกเกียรตินาม(titular bishop) แห่งอ๊อคตาบา ตูนีเนีย (Octaba Tunisia) ดูแลมุขมณฑลท่าแร่[2]
- 21 มีนาคม 1959: สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ประกาศแต่งตั้งพระคุณเจ้ามีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ เป็นมุขนายกท่านใหม่ของมุขมณฑลท่าแร่
- 1 กรกฎาคม 1959: รับการอภิเษกเป็นมุขนายกเกียรตินาม (titular bishop) แห่งอ๊อคตาบา ตูนีเนีย (Octaba Tunisia) เป็นมุขนายกผู้ดูแลมุขมณฑลท่าแร่[2]
- 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963: พระคุณเจ้ามีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 พร้อมกับคณะมุขนายกจากมาเลเซียและลาว และได้รับประกาศแต่งตั้งเป็นอัครมุขนายกแห่งมุขมณฑลใหม่[3]
- 18 ธันวาคม 1965: สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ได้ประกาศสถาปนาพระฐานานุกรมศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย เมื่อ 18 ธันวาคม 1965 (2508) โดยแบ่งเขตปกครองออกเป็น 2 ภาคคือ อัครมุขมณฑลกรุงเทพฯ และ อัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง[4] และประมุขของมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง คือ มุขนายกมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ ได้รับแต่งตั้งเป็น “อัครมุขนายก” แห่งอัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสงอย่างเป็นทางการ
- ค.ศ. 1965-1980: ดำรงตำเเหน่งอัครมุขนายกแห่งอัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง
- 6 มีนาคม 1980: ลาออกจากตำแหน่งอัครมุขนายก และเป็นอัครมุขนายกกิตติคุณ
- 21 มีนาคม ค.ศ. 1984: ฉลอง 25 ปี แห่งการแต่งตั้งเป็นมุขนายก อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง
- ค.ศ. 1985-1993: เป็นจิตตาธิการอารามกาปูชิน ท่าแร่
- ค.ศ. 1990: บุกเบิกบ้านดอนถ่อน บ้านวนาสามัคคี อุ่มจาน สกลนคร
- ค.ศ. 1991: บุกเบิกบ้านคำสว่างน้อย ตำบลกุรุคุ นครพนม, บ้านโคกสง่า สกลนคร
- ค.ศ. 1992-1993: รับตำแหน่งอุปมุขนายก และเคยเป็นจิตตาธิการคณะวินเซนต์เดอปอล, คณะพระหฤทัย, กลุ่มแม่บ้าน, และชมรมผู้สูงอายุ
- ค.ศ. 1993: บุกเบิกบ้านพรสวรรค์ (คำเจริญ), บ้านโนนสวาท, บ้านเทพนิมิต, อำเภอบ้านแพง นครพนม
- ค.ศ. 1996: ล้มป่วยเป็นอัมพาต
- 4 เมษายน ค.ศ. 1998: อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง จัดงานฉลอง 50 ปี หิรัญสมโภช ชีวิตการเป็นบาทหลวงแด่ท่าน
เหตุการณ์ที่น่าสนใจในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่ง
แก้การสถาปนาพระฐานานุกรมอัครอัครมุขมณฑล[3]
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 1965 (2508) สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ได้ประกาศสถาปนาอัครอัครมุขมณฑลในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ อัครมุขมณฑลกรุงเทพฯ และอัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง มุขนายกมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็น “พระอัครมุขนายก”
ขณะนั้น อัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง มีคริสตชนทั้งหมด 22,221 คน จากประชากรทั้งหมด 1,296,000 คน ใน 3 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครพนม และกาฬสินธุ์ มีบาทหลวง 26 ท่าน ซึ่งรวมทั้งบาทหลวงชาวพื้นเมือง 17 ท่าน บาทหลวงคณะช่วยมิสซัง (S.A.M.) 3 ท่าน และบาทหลวงคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (M.E.P.) 6 ท่าน พร้อมกับภคินีคณะรักกางเขนแห่งท่าแร่ จำนวน 72 รูป
การก่อสร้างอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่[3]
หลังจากได้รับการสถาปนาเป็นอัครมุขมณฑล พระอัครมุขนายกมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ ได้เริ่มสร้างอาสนวิหารหลังใหม่ แทนหลังเก่าที่ชำรุด โดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 16 เมษายน 1968 (พ.ศ.2511) และเริ่มก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีลักษณะคล้ายหัวเรือ การก่อสร้างใช้เวลา 3 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ มีพิธีเสกและเฉลิมฉลองเมื่อวันที่ 16 เมษายน 1971 (2514) โดยพระอัครมุขนายกมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ ร่วมกับมุขนายก คณะบาทหลวง และคริสตชนทั่วอัครมุขมณฑล
การก่อสร้างรองอาสนวิหารนักบุญอันนา หนองแสง[3]
ในเดือนมีนาคม 1972 (พ.ศ. 2515) อัครมุขนายกมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ ได้อนุมัติให้สร้างโบส์ถหลังใหม่ ที่หนองแสงเพื่อใช้เป็น รองอาสนวิหาร โดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ในวันสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ วันอาทิตย์ที่ 14 เดือน 7 ปี 1972 (พ.ศ. 2515) โบส์ถหลังใหม่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมคล้ายกับอาสนวิหารหลังเก่า(หนองแสง) ที่ถูกทำลายในช่วงกรณีพิพาทอินโอจีนปี 1940 (พ.ศ.2483) การก่อสร้างสำเร็จด้วยความร่วมมือจากชาวหนองแสง นครพนมและความช่วยเหลือจากทั่วประเทศ โดยมีพิธีเสกและเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 เมษายน 1975 (พ.ศ.2518) โดยมุขนายกเกลาดิอุส บาเย จากอัครมุขมณฑลอุบลราชธานี
ผลงานสำคัญ
แก้งานเขียน[1]
- ประวัติการเผยแพร่พระศาสนาในภาคอีสานและประเทศลาว เขียนโดยมุขนายกเกลาดีอุส บาเยต์ และแปลโดยอัครมุขนายกไมเกิ้ล เกี้ยน เสมอพิทักษ์
การแพร่ธรรม[1]
- ดำรงตำแหน่งประมุขอัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง ท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจและทรัพย์สินเพื่อการแพร่ธรรม ส่งผลให้มีคริสตชนใหม่จำนวนมาก
- ก่อตั้งทีมแพร่ธรรม (Ad Gentes) ปี 1962 ภายใต้การนำของบาทหลวงยอห์นบัปติสต์ แท่ง ยวงบัตรี[3]
- ภายหลังจากลาออกจากตำแหน่งอัครมุขนายก ท่านยังคงทำงานแพร่ธรรมในหลายโบสถ์และหมู่บ้าน แม้จะมีปัญหาสุขภาพ
การบุกเบิกสร้างสรรค์สังคม[1]
- รวบรวมครอบครัวคริสตชนที่ย้ายไปอยู่ในหมู่บ้านใหม่เพื่อสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจ
- ช่วยเหลือผู้ยากจนโดยจัดหาที่ดินและทุนสำหรับการทำกิน
- ส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ในหมู่บ้าน เช่น การทอเสื่อ การปลูกพืชเศรษฐกิจ และการเลี้ยงสัตว์
การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค[3]
- จัดซื้อเครื่องทำไฟขนาดใหญ่ในปี 1960 และพัฒนาระบบไฟฟ้าให้ชาวท่าแร่ ซึ่งเป็นการสร้างระบบไฟฟ้าแรกในพื้นที่ หลังจากนั้น เมื่อรัฐบาลสร้างสนามบินที่ตำบลเชียงเครือ และมีการเดินกระแสไฟฟ้าแรงสูงมาที่สนามบิน อัครมุขนายกได้ติดต่อขอใช้ไฟฟ้าและจัดซื้อเสาและสายไฟฟ้าจากสนามบินเชียงเครือมาที่ท่าแร่
- สร้างระบบประปาจากหนองหาร และโอนกิจการให้สุขาภิบาลท่าแร่
- พัฒนาระบบสาธารณูปโภคในหลายหมู่บ้านเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต การดำเนินงานเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนท่าแร่ จ.สกลนคร
การพัฒนาแหล่งน้ำและส่งเสริมอาชีพ[3]
- สร้างฝายน้ำล้น ขุดสระ และเจาะบ่อบาดาลในหลายหมู่บ้าน
- จัดหาที่ดินและส่งเสริมอาชีพต่างๆ เช่น การปลูกพืช การทำประมง และการเลี้ยงสัตว์
การตั้งศูนย์สังคมพัฒนา[3]
- ก่อตั้งศูนย์สังคมพัฒนาอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ในปี 1975
- ส่งบาทหลวงไปศึกษาการพัฒนาตามจิตตารมณ์ “เครดิตยูเนียน”ในประเทศฟิลิปปินส์เพื่อนำมาปรับใช้ในท้องถิ่น จนปัจจุบันเกิดเป็น และปัจจุบัน ได้เกิดเป็น สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน สถาบันการเงินที่สมาชิกเป็นเจ้าของ และบริหารงานโดยสมาชิกเอง ในหลายพื้นที่ เช่น สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนท่าแร่พัฒนา จำกัด
ความผูกพันต่อโบสถ์แม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล[3]
- ก่อตั้งวัดแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล บ้านป่าพนาวัลย์ ตำบลท่าแร่ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1986
- วัดนี้เป็นศูนย์กลางการภาวนาและการแพร่ธรรม ใช้เป็นสถานที่สำหรับการภาวนาและการเข้าเงียบสำหรับชุมชน นักบวช และคริสตชนทั่วไป
การเสียชีวิต
- อัครมุขนายกมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ อดีตประมุขอัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง เสียชีวิตด้วยโรคชราและอัมพาตเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1998 เวลา 04.00 น. ที่บ้านพักบาทหลวงสูงอายุ “บ้านซีเมออน” ที่บ้านท่าแร่ รวมอายุ 77 ปี 29 วัน
- พิธีมิสซาและการภาวนาหน้าศพจัดขึ้นเป็นเวลา 7 วันที่อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่
พิธีปลงศพ[3]
- พิธีปลงศพ และฝังศพจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1998 ที่อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่
- ประธานในพิธีมิสซาคือพระอัครมุขนายกลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน พร้อมด้วยพระสมณทูตลุยจี แบรสซาน(Nominated Apostolic Nuncio Archbishop Luigi Bressan) คณะมุขนายกจากที่ต่างๆ และบาทหลวงประมาณ 160 คน รวมทั้งนักบวชชาย-หญิง และสัตบุรุษประมาณ 3-4 พันคน
- ร่างของท่านถูกบรรจุฝังไว้ที่สุสานวัดอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ ต่อมาถูกเคลื่อนย้ายไปยังศาลานักบุญทั้งหลายภายในบริสุสานสุสานแร่
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 Catholic Haab. (n.d.). ประวัติพระอัครมุขนายกมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์. Catholic Haab. Retrieved July 23, 2024, from https://www.catholichaab.com/main/index.php/2015-09-22-02-42-26/biography/2015-09-22-08-22-36/476-kien-samorpitak
- ↑ 2.0 2.1 "Catholic-Hierarchy." Bishop Michael Kien Samorpitak. Catholic-Hierarchy, n.d. Web. 23 July 2024. https://catholic-hierarchy.org/bishop/bkien.html.
- ↑ 3.00 3.01 3.02 3.03 3.04 3.05 3.06 3.07 3.08 3.09 Don Daniele. "100 ปี ศาสนกิจแห่งพระบิดาทุกชนบท: กำลังใจของคริสตชน." Don Daniele, 12 Dec. 2020. Web. 23 July 2024. https://dondaniele.blogspot.com/2020/12/100.html.
- ↑ Arporndarat, Veera. "การแบ่งมิสซังไทย (ในอดีต)." Catholic Thailand, 18 Apr. 2018. Web. 23 July 2024. http://www.catholic.or.th/main/our-services/.
ก่อนหน้า | เกี้ยน เสมอพิทักษ์ | ถัดไป
| ||
---|---|---|---|---|
มีคาเอลมงคล (อ่อน) ประคองจิต | อัครมุขนายกมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง (1 กรกฏาคม ค.ศ. 1959– 6 มีนาคม 1980 (พ.ศ.2502 – พ.ศ.2523)) |
ลอว์เรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน | ||
ไม่มี | Vicars Apostolic of Thare and Nonseng (Roman Rite)
[ผู้แทนพระสันตะปาปาประจำมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง, ประเทศไทย]
มุขนายกเกียตินาม(Titular Bishop) |
สิ้นสุด | ||
มีคาแอล มงค่อน (อ่อน) ประคองจิต | Vicars Apostolic of Thare (Roman Rite)
[ผู้แทนพระสันตะปาปาประจำมุขมณฑลท่าแร่, ประเทศไทย]
มุขนายกเกียตินาม(Titular Bishop) |
สิ้นสุด |