การรับประกันภัย

การรับประกันภัย (อังกฤษ: Underwriting) คือ บริการโดยสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร, การประกันภัย, หรือ Investment house รับประกันการชำระเงินให้ในกรณีเกิดความเสียหาย หรือผลขาดทุนทางการเงิน และยอมรับความเสี่ยงทางการเงินสำหรับการรับผิดที่เกิดขึ้นจากการรับประกันนั้น การรับประกันภัยอาจเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่น การประกันภัย, การออกจำหน่ายหลักทรัพย์ในการเสนอขายหลักทรัพย์แบบทั่วไป, หรือการกู้ยืมจากธนาคาร บุคคลหรือสถาบันที่ตกลงที่จะจำหน่ายหลักประกันขั้นต่ำของบริษัทเพื่อค่าบำเหน็จ เรียกว่า Underwriter

คำนี้มีที่มาจากตลาดประกันภัย Lloyd's of London โดยนายธนาคารผู้ยอมรับความเสี่ยงที่ถูกมอบหมาย (ในอดีต หมายถึงการเดินทางทางทะเล ซึ่งมีความเสี่ยงจากการอัปปางของเรือ) เพื่อแลกกับเบี้ยประกันภัย จะเขียนชื่อของตนใต้ข้อมูลความเสี่ยงที่เขียนไว้บนสลิปของ Lloyd ที่จัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์นี้[1]

การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Securities underwriting) แก้

การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เป็นกระบวนการที่ธนาคารการลงทุนระดมเงินลงทุนจากนักลงทุนในนามของบรรษัทหรือรัฐบาลที่ออกหลักทรัพย์ (ทั้งตราสารทุน และตราสารหนี้) กิจกรรมของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter) จะเกิดขึ้นระหว่างการเสนอขายหลักทรัพย์แบบทั่วไปในตลาดแรก

กระบวนการนี้เป็นวิธีการกระจายหลักทรัพย์ที่ออกจำหน่ายใหม่ เช่น หุ้น หรือพันธบัตร ให้แก่นักลงทุน ซึ่งเมื่อสมาคมหรือกลุ่มของธนาคารจัดจำหน่าย หมายถึงได้รับความเสี่ยงจากการกระจายหลักทรัพย์ โดยหากธนาคารไม่สามารถหานักลงทุนที่เพียงพอได้ จะต้องถือหลักทรัพย์ไว้เอง ผู้จัดจำหน่ายได้รับรายได้จากส่วนต่างของราคา ระหว่างราคาที่จ่ายให้ผู้ออกหลักทรัพย์ กับที่เรียกเก็บจากนักลงทุนหรือจากผู้ทำงานในตลาดหุ้นที่ซื้อไป

ความเสี่ยง, การผูกขาด และผลตอบแทน แก้

เมื่อเกิดข้อตกลงการจัดจำหน่าย ผู้จัดจำหน่ายจะต้องรับความเสี่ยงที่จะไม่สามารถขายหลักทรัพย์ได้ และรับต้นทุนสำหรับการถือหลักทรัพย์จนกว่าจะสามารถขายได้ในอนาคต

ผู้จัดจำหน่ายและผู้ออกหลักทรัพย์อาจเลือกที่จะทำข้อตกลงแบบผูกขาด โดยผู้ออกหลักทรัพย์อาจตกลงให้ผู้จัดจำหน่ายเป็นตัวแทนแบบผูกขาดในการขายตราสารหลักทรัพย์เริ่มแรก แลกกับการที่ผู้ออกหลักทรัพย์จะได้รับราคาจ่ายล่วงหน้าที่สูงขึ้น หรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่เห็นชอบร่วมกัน ดังนั้นแม้จะมีผู้ซื้อรายอื่นมาติดต่อผู้ออกหลักทรัพย์โดยตรงเพื่อขอซื้อ ผู้ออกหลักทรัพย์ก็จะขายผ่านผู้จัดจำหน่ายที่มีข้อตกลงแบบผูกขาดร่วมกันเท่านั้น

ท้ายที่สุด ผู้ออกหลักทรัพย์จะได้รับเงินล่วงหน้า, เข้าถึงช่องทางติดต่อและช่องทางขายของผู้จัดจำหน่าย และป้องกันตนเองออกจากความเสี่ยงของตลาดที่จะไม่สามารถขายหลักทรัพย์ด้วยราคาดีได้ ขณะที่ผู้จัดจำหน่ายได้รับกำไรจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงข้อตกลงการขายแบบผูกขาดหากสามารถทำข้อตกลงร่วมกันได้

การพิจารณาสินเชื่อ แก้

ในการธนาคาร มีการพิจารณาโดยวิเคราะห์เครดิตโดยละเอียดเพื่อการให้เงินกู้ โดยอาศัยข้อมูลเครดิตจากผู้กู้ ซึ่งการพิจารณาดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหลายด้าน:

  • การพิจารณาสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค เป็นการตรวจสอบประวัติการทำงาน, เงินเดือนและงบการเงิน, ข้อมูลเปิดเผยอย่างเช่น ประวัติเครดิตของผู้กู้ ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในรายงานข้อมูลเครดิต, และการประเมินความต้องการเครดิต และความสามารถในการชำระ ของผู้กู้ ตัวอย่างการพิจารณาลักษณะนี้คือ การพิจารณาผู้จำนอง
  • Commercial underwriting ประกอบด้วย การประเมินข้อมูลทางการเงินจากผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงการวิเคราะห์งบดุลและค่าสุทธิ

ตลาดเป้าหมาย แก้

สินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไป ได้แก่ สินเชื่อจํานอง สินเชื่อรถยนต์ วงเงินสินเชื่อซื้อบ้าน บัตรเครดิต สินเชื่อผ่อนชําระ และสินเชื่อเงินด่วน.[2][3][4] อันดับเครดิตของผู้ยืมเป็นองค์ประกอบหลักของการจัดจําหน่ายและอัตราดอกเบี้ย (รายปี) ของสินเชื่อเหล่านี้.[5][6] นอกจากนี้ ข้อมูลการจ้างงานและรายได้ยังเป็นสิ่งสําคัญต่อการตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ[7] การชําระเงินรายเดือนสําหรับสินเชื่อส่วนบุคคลสามารถลดลงได้โดยการเลือกเงื่อนไขการชําระเงินที่นานขึ้น แต่จํานวนดอกเบี้ยที่จ่ายทั้งหมดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน[8] สินเชื่อส่วนบุคคลสามารถรับได้จากธนาคารเจ้าหนี้ทางเลือก (ที่ไม่ใช่ธนาคาร) เจ้าหนี้ออนไลน์และเจ้าหนี้เอกชน.

เงินให้กู้ยืมแก่ธุรกิจมีความคล้ายคลึงกับที่กล่าวมาข้างต้น แต่ยังรวมถึงการจํานองเชิงพาณิชย์และพันธบัตรองค์กรด้วย และการจัดจําหน่ายสินเชื่อที่รัฐค้ําประกันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคะแนนเครดิต แต่ขึ้นอยู่กับคะแนนเครดิต.[9]

การละเมิดในการให้กู้ยืม แก้

การให้กู้ยืมของโจรเป็นรูปแบบหนึ่งของการละเมิดในการให้กู้ยืม. ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับการให้เงินกู้เพื่อให้ผู้กู้อยู่ในตําแหน่งที่สามารถได้เปรียบเหนือเขา; การให้กู้ยืมจํานองที่มีคุณภาพต่ํา[10] และการให้กู้ยืมเงินด่วน[11]

การใช้ดอกเบี้ยเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการละเมิดที่ผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยมากเกินไป.[12] ในเวลาที่ต่างกันและในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอัตราดอกเบี้ยที่ยอมรับได้จะแตกต่างกันจากการไม่มีดอกเบี้ยทั้งหมดเช่นเดียวกับในลําดับพระคัมภีร์ ไปจนถึงอัตราดอกเบี้ยไม่จํากัด. บริษัทบัตรเครดิตในบางประเทศถูกองค์กรผู้บริโภคกล่าวหาว่าปล่อยกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แพงหูฉี่และสร้างรายได้จาก "มูลค่า" ที่ไม่สําคัญ

อ้างอิง แก้

  1. "Underwriting: The Poetics of Insurance in America, 1722-1872" , by Eric Wertheimer, Stanford University Press, 2006
  2. "What Is A Personal Loan?". www.forbes.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  3. "Personal Loans vs. Credit Cards: What's the Difference?". www.investopedia.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  4. "What Is a Conventional Loan?". money.usnews.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  5. "Why is a borrower's credit utilization ratio considered in loan underwriting?". finance.gov.capital. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  6. "Credit Ratings". www.financestrategists.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  7. "Navigating Data Privacy in Credit Underwriting". blog.getsmileapi.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  8. "Average new-car loan a record 65 months in fourth quarter". www.reuters.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  9. "How Do Commercial Loans Work?". www.nav.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  10. "Predators try to steal home". money.cnn.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  11. "New Rules To Ban Payday Lending 'Debt Traps'". www.npr.org. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  12. "Usury". www.wallstreetmojo.com. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.