มิกิ มัตสึบาระ

(เปลี่ยนทางจาก Miki Matsubara)

มิกิ มัตสึบาระ (ญี่ปุ่น: 松原 みきโรมาจิMatsubara Miki, 28 พฤศจิกายน 1959 – 7 ตุลาคม 2004) เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักมากจากเพลงเดบิวต์ของเธอ "มาโยนากะโนะโดอะ (สเตย์วิธมี)"[2]

มิกิ มัตสึบาระ
松原 みき
เกิด28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1959(1959-11-28)[1]
คิชิวาดะ จังหวัดโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น[1]
เสียชีวิต7 ตุลาคม ค.ศ. 2004(2004-10-07) (44 ปี)[1]
ซาไก จังหวัดโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น
ชื่ออื่นซูจี มัตสึบาระ (ญี่ปุ่น: スージー・松原)
อาชีพนักร้อง, นักแต่งเพลง, พิธีกรรายการโทรทัศน์
ส่วนสูง1.58 เมตร (5 ฟุต 2 นิ้ว)
คู่สมรสมาซากิ ฮนโจ (?-2004)
อาชีพทางดนตรี
แนวเพลงเจป็อป, ซิตีป็อป, แจ๊ส
เครื่องดนตรีเสียงร้อง, เปียโน, คีย์บอร์ด
ช่วงปี1979–2001[1]
ค่ายเพลงโพนีแคนยอน

ชีวิตช่วงต้น แก้

มัตสึบาระเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 1959 มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อของเธอเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง[3] ส่วนแม่ของเธอเป็นนักร้องแจ๊สประจำวงแจ๊สและตลก เครซีแคตส์ มัตสึบาระเริ่มเรียนเปียโนเมื่ออายุได้สามปี และต่อมาได้คุ้นชินกับดนตรีแจ๊สมาก สมัยมัธยมศึกษาตอนต้น เธอสนใจในดนตรีร็อกและเช้าร่วมวงดนตรีร็อก "คูเรอิ" (Kurei) ต่อมาในปี 1975 สมัยเธอเรียนมัธยมปลาย เธอได้เข้าเป็นมือคีย์บอร์ดประจำวง "โยชิโนยะแบนด์" (Yoshinoya Band) ซึ่งเล่นดนตรีอยู่ที่ไลฟ์เฮาส์ ทากุทากุ (Takutaku) ในเกียวโต สมัยเรียน เธอมักได้รับการยอมรับว่าเป็นเด็กเรียนเก่ง และหลายคนคาดหวังให้เธอเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา อย่างไรก็ตามเธอมีแผนที่จะเป็นนักร้องอาชีพ[4] ในปี 1977 เมื่ออายุได้ 17 ปี ขณะยังเรียนมัธยมอยู่ เธอเดินทางเข้าโตเกียวด้วยตัวคนเดียวเพื่อเดบิวต์เป็นนักร้อง นักเปียโน ยูซูรุ เซระ [ja] (Yuzuru Sera) เคยระบุกับสื่อว่าเคยเห็นมัตสึบาระเล่นดนตรีและร้องเพลงไปตามที่ต่าง ๆ ในภูมิภาคคันโต โดยเฉพาะที่สถานแสดงดนตรีสด เบิร์ดแลนด์ ในย่านรปปงงิ[5]

อาชีพ แก้

มัตสึบาระเริ่มต้นอาชีพในสายดนตรีเมื่อปี 1979 และเป็นที่รู้จักทันทีจากเพลงเดบิวต์ของเธอ "มาโยนากะโนะโดอะ (สเตย์วิธมี)" ซึ่งต่อมาถูกคัฟเวอร์โดยนักดนตรีอีกจำนวนมาก[2][6][7][8] รวมถึง อากินะ นากาโมริ[9] เพลงนี้ขึ้นอันดับที่ 28 บนออริคอนชาร์ต[10]

หลังปล่อยเพลง "Neat na gogo san-ji" เธอได้กลายเป็นหนึ่งในนักร้องที่เป็นที่รู้จักทั่วไปในเวลานั้น มีโอกาสได้แสดงดนตรีตามเทศกาลและคอนเสิร์ตต่าง ๆ รวมถึงเคยมีเพลงที่ถูกนำไปใช้ในโฆษณาของชิเซโด ในเวลาไม่ถึงสองปีนับจากเธอเดบิวต์[11] เธอได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่จำนวนมาก[1] รวมถึงเธอได้ตั้งวงดนตรีของตัวเองในชื่อ ด็อกเตอร์วู (Dr. Woo)[12]

การเจ็บป่วยและเสียชีวิต แก้

ในช่วงปลายปี 2000 มัตสึบาระส่งอีเมลให้กับคนรอบตัวเธอ รวมถึงบริษัทและสมาชิกของด็อกเตอร์วู ว่าเธอจะยุติอาชีพในสายดนตรี และจะขาดการติดต่อนับจากนั้น[13] เธอหายตัวไปจากสายตาของสาธารณชนนับจากนั้น ในปี 2001 ได้มีการเปิดเผยว่ามัตสึบาระได้รับการวินิจฉัยว่ากำลังป่วยด้วยมะเร็งระยะสุดท้าย เธอใช้ชีวิตช่วงปีท้าย ๆ ของเธอไปกับการต่อสู้กับโรคมะเร็ง[13]

มิกิ มัตสึบาระ เสียชีวิตในวันที่ 7 ตุลาคม 2004 อายุ 44 ปี ด้วยภาวะแทรกซ้อนจากมะเร็งปากมดลูก[14][15] โดยการเสียชีวิตของเธอถูกประกาศสู่สาธารณชนในสองเดือนถัดมา[13]

มรดก แก้

หลังกระแสความนิยมในดนตรีซิตีป็อปกลับมาอีกครั้งในศตวรรษที่ 21[16] โดยเฉพาะช่วงทศวรรษ 2010s[17] มัตสึบาระในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลงแนวซิตีป็อปก็ได้รับความนิยมกลับมาอีกครั้งในระดับโลก โดยเฉพาะจากเพลง "มาโยนากะโนะโดอะ ~ สเตย์วิธมี" ซึ่งมีกระแสความนิยมขึ้นมาอีกครั้งทั้งในแถบตะวันตกและเอเชียในปี 2020[16] บิลบอร์ดเจแปน ระบุว่านี่เป็นผลจากยูทูบเบอร์ชาวอินโดนีเซีย Rainych ที่ทำให้เพลงนี้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หลังฉบับคัฟเวอร์ได้อัปโหลดขึ้นบนยูทูบในช่องของเธอที่มียอดผู้ติดตามกว่า 1.3 ล้านคน[18] ในแพลทฟอร์มสตรีมดนตรีทั้งแอปเปิลมิวสิค และ สปอทิฟาย ล้วนพบว่าเพลงนี้กลับมาได้รับความนิยม เช่นในอเมริกาเหนือที่เพลงนี้กลายเป็น "'เพลงฮิตอย่างเห็นได้ชัด' บนการจัดอันดับของบริการสตรีมดนตรีต่าง ๆ" และ "พุ่งทะยานสู่อันดับหนึ่งบนไวรอลชาร์ตของสปอทิฟาย"[18][16]

ผลงานดนตรี แก้

สตูดิโออัลบั้ม แก้

ปี อัลบัม ค่าย
1980 Pocket Park See・Saw
Who Are You?
1981 Cupid
1982 Myself
1983 Revue
1984 Blue Eyes (cover album)
Cool Cut
1985 Lady Bounce
1987 Dirty Pair (Original Soundtrack) Victor
1988 WiNK

อัลบั้มรวมเพลง แก้

ปี อัลบัม ค่าย
1983 Paradise Beach See・Saw
1986 Super Best Pony
2002 Best Pony Canyon
2011 Golden☆Best
2013 The Premium Best
2014 Light Mellow
2015 Aya
2017 Platinum Best

ซิงเกิล แก้

ปี เพลง ค่าย
1979 "Mayonaka no Door (Stay with Me)" (真夜中のドア~Stay With Me) See・Saw
"愛はエネルギー"
1980 "ハロー・トゥデイ~Hello Today"
"あいつのブラウンシューズ"
1981 "ニートな午後3時"
"倖せにボンソワール"
1982 "予言"
1983 "パラダイス ビーチ (ソフィーのテーマ)""
1984 "Knock, Knock, My Heart"
1985 "恋するセゾン ~色恋来い~"
1987 "サファリ アイズ" Victor
"Pas De Deux"[19]
1988 "In the Room"
2020 "THE WINNER" SUNRISE Music
"BACK TO PARADISE”
2021 "Miki Matsubara Night Tempo Presents the Showa Groove" Pony Canyon

ผลงานประพันธ์ แก้

ปี ชื่อเพลง ศิลปิน
1991 "Mou Hitotsu no Sotsugyou" (もう一つの卒業)[20][21] a·chi-a·chi
1992 "MEN OF DESTINY" – Mobile Suit Gundam 0083: Stardust Memory MIO
1992 "True Shining" [22] รูมิโกะ วาดะ
1994 "Good-bye tears"[23] ยูมิโกะ ทากาฮาชิ
1994 "Harmony" มาริโกะ โคดะ
1994 "Run ~今日が変わるMagic~" ฮิโตมิ มิเอโนะ
1994 "誰のせいでもない二人"[24] มาริโกะ โคดะ
1995 "Kanjite itai..." โยโกะ อิจิกาวะ
1995 "Mimikaki wo Shiteiru to" (みみかきをしていると) มาริโกะ โคดะ
1995 "Heroine" (ヒ・ロ・イ・ン) รูมิ ชิชิโดะ
1995 "Doll-tachi no Dekuritsu Kinenbi" (Dollたちの独立記念日) ฮิโตมิ มิเอโนะ
1995 "Ame no Kioku" (雨の記憶) เคโกะ โยชินาริ
1996 "Watashi ga Tenshi Dattara Iinoni" (私が天使だったらいいのに) มาริโกะ โคดะ
1997 "Yume wa hitori miru mono janai" (夢はひとりみるものじゃない) มาริโกะ โคดะ
1997 "Accel" (アクセル) มายูมิ อีซูกะ

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "松原みき". tower.jp. Tower. June 14, 2019. สืบค้นเมื่อ November 30, 2020.
  2. 2.0 2.1 Pinto, Tom (July 27, 2019). "City Pop Is The 40-Year-Old Genre You've Never Heard Of, Until Today". Study Breaks. สืบค้นเมื่อ November 23, 2019.
  3. "2009/10/7 おもいっきりDON 今日は何の日 『松原みき』の日 #松原みき - YouTube". www.youtube.com. สืบค้นเมื่อ 2021-01-03.
  4. "2009/10/7 おもいっきりDON 今日は何の日 『松原みき』の日 #松原みき - YouTube". www.youtube.com. สืบค้นเมื่อ 2021-01-03.
  5. "昭和の名曲「真夜中のドア 〜Stay with Me」☆歌手松原みきさん".
  6. Archila, Danny (December 17, 2017). "Citypop: A Curious Fool's Primer". Yacht Rock. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-30. สืบค้นเมื่อ November 26, 2019.
  7. "【オメガトライブ生んだ林哲司激白 ヒット曲舞台裏】松原みきさんと竹内まりや 予想とは真逆の仕上がりで高評価". Zakzak. September 27, 2018. สืบค้นเมื่อ December 2, 2019.
  8. "松原みき【真夜中のドア】歌詞の意味を徹底解釈!季節が巡ると思い出すのは…?意味深な歌詞を紐解いてみた". otokake.com. Otokake. June 10, 2019. สืบค้นเมื่อ December 2, 2019.
  9. "中森明菜の意外なカバー曲 EXILE、ドリカム歌う 新アルバム「歌姫4」". ZAKZAK (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2021-01-15.
  10. "松原みきを語る~ファンの声Vol.6". castella.chagasi.com. สืบค้นเมื่อ 2021-01-20.
  11. "2009/10/7 おもいっきりDON 今日は何の日 『松原みき』の日 #松原みき - YouTube". www.youtube.com. สืบค้นเมื่อ 2021-01-03.
  12. "2009/10/7 おもいっきりDON 今日は何の日 『松原みき』の日 #松原みき - YouTube". www.youtube.com. สืบค้นเมื่อ 2021-01-03.
  13. 13.0 13.1 13.2 今日は何の日 『松原みき』の日 [Today's Highlights in History "Miki Matsubara Day"] (Television broadcast) (ภาษาญี่ปุ่น). Japan: Omoikkri Don!. October 7, 2009. 00:57 นาที.
  14. <訃報>松原みきさん44歳=シンガー・ソングライター [<News of death> Miki Matsubara, 44 = Singer-songwriter]. Mainichi Shimbun. December 14, 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 14, 2004. สืบค้นเมื่อ March 3, 2021 – โดยทาง Yahoo! Japan News.
  15. 歌手松原みきさん死去/10月7日にがんのため [Singer Miki Matsubara dies / due to cancer on October 7th]. Shinkoku News. December 14, 2004. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 3, 2008. สืบค้นเมื่อ March 3, 2021.
  16. 16.0 16.1 16.2 Zhang, Cat (February 24, 2021). "The Endless Life Cycle of Japanese City Pop". Pitchfork. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 24, 2021. สืบค้นเมื่อ March 2, 2021.
  17. Arcand, Rob; Goldner, Sam (January 24, 2019). "The Guide to Getting Into City Pop, Tokyo's Lush 80s Nightlife Soundtrack". Vice. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 1, 2020. สืบค้นเมื่อ March 2, 2021.
  18. 18.0 18.1 Matsunaga, Ryohei (December 21, 2020). "Global Popularity of 1979 City Pop Track 'Mayonaka no Door - Stay With Me' Explained". Billboard Japan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 21, 2020. สืบค้นเมื่อ February 16, 2021.
  19. "miki matsubara pas de deux - Bing video". www.bing.com. สืบค้นเมื่อ 2021-02-27.
  20. "VIDL-52 | Mou Hitotsu no Sotsugyou / a・chi-a・chi - VGMdb". vgmdb.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-03-13.
  21. "もう一つの卒業の歌詞 | a・chi-a・chi". ORICON NEWS. สืบค้นเมื่อ 2021-03-13.
  22. "VIDL-111 | True Shining / Rumiko Wada - VGMdb". vgmdb.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-03-14.
  23. "Good-bye Tears", Wikipedia (ภาษาญี่ปุ่น), 2021-03-01, สืบค้นเมื่อ 2021-03-14
  24. "Pure (國府田マリ子のアルバム)", Wikipedia (ภาษาญี่ปุ่น), 2021-03-01, สืบค้นเมื่อ 2021-03-18

แหล่งข้อมูลอื่น แก้