โมโมตาโร
โมโมตาโร (ญี่ปุ่น: 桃太郎; โรมาจิ: Momotarō) เป็นวีรบุรุษที่มีชื่อเสียงในคติชนญี่ปุ่น ชื่อของเรื่องราวนี้ยังปรากฏเป็นชื่อเรื่องของหนังสือ ภาพยนตร์ และผลงานอื่น ๆ หลายอัน
โมโมตาโร | |
---|---|
![]() ตุ๊กตาโมโมตาโร | |
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง | |
เพศ | ชาย |
บ้านเกิด | ญี่ปุ่น |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
มีแนวคิดยอดนิยมที่ว่าโมโมตาโรเป็นวีรบุรุษพื้นบ้านของจังหวัดโอกายามะ แต่ข้ออ้างนี้ประดิษฐ์ขึ้นในสมัยใหม่ และวงการวิชาการไม่ยอมรับแนวคิดนี้เป็นฉันทามติ
เนื้อเรื่อง
แก้รูปแบบนิทานทั่วไปในปัจจุบัน (แบบมาตรฐาน) สามารถสรุปได้ดังนี้:[1][2]
โมโมตาโรเกิดจากลูกท้อยักษ์ลอยบนแม่น้ำที่หญิงชราไม่มีลูกกำลังซักผ้าอยู่ หญิงคนนั้นกับสามีพบเด็กตอนที่ทั้งคู่พยายามเปิดลูกท้อกิน เด็กคนนี้อธิบายว่าเหล่าทวยเทพให้ตัวเขาเป็นบุตรแก่พวกเขา ทั้งคู่ตั้งชื่อเขาว่า โมโมตาโร จาก โมโมะ (ลูกท้อ) กับ ทาโร (ลูกชายคนโตในครอบครัว) เมื่อเขาอายุ 5 ขวบ เขาสามารถตัดต้นไม้ใหญ่ได้ด้วยมีดเก่า
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น โมโมตาโรออกจากบ้านเพื่อไปต่อสู้กับกลุ่ม โอนิ ที่ปล้นขโมยในดินแดนของตน โดยออกตามหาเกาะอันไกลโพ้นที่พวกมันอาศัยอยู่ (บริเวณที่เรียกว่า โอนิงาชิมะ หรือ "เกาะปีศาจ") ระหว่างทาง เขาพบและเป็นเพื่อนกับสุนัข ลิง และไก่ฟ้าพูดได้ที่ยอมช่วยเขาในภารกิจ แลกเปลี่ยนกับอาหารปันส่วนเพียงส่วนหนึ่ง (คิบิดังโงะ) บนเกาะ โมโมตาโรกับเพื่อนสัตว์แทรกซึมเข้าป้อมปีศาจ และเอาชนะหมู่ปีศาจให้ยอมจำนน โมโมตาโรและเพื่อนใหม่ของเขากลับบ้านพร้อมกับสมบัติที่ปีศาจเข้ามาปล้น และหัวหน้าปีศาจเป็นเชลย
แบบมาตรฐานของ "โมโมตาโร" ถูกกำหนดและเป็นที่นิยมเนื่องจากมีการตีพิมพ์ในหนังสือเรียนของโรงเรียนในยุคเมจิ[3]
สิ่งนี้เป็นผลลัพธ์ของการพัฒนาวรรณกรรม "โมโมทาโร่" ที่มีการเขียนและตีพิมพ์มาตั้งแต่ต้นยุคเอโดะถึงเมจิ[2]
การพัฒนาในวรรณกรรม
แก้แม้ว่าเรื่องราวแบบมุขปาฐะอาจปรากฏขึ้นในช่วงยุคมูโรมาจิ (1392–1573) เรื่องนี้อาจยังไม่ได้มีการเขียนจนกระทั่งยุคเอโดะ (1603–1867).[2] ผลงานโมโมตาโรที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่มีอยู่สืบอายุได้ถึงสมัยเก็นโรกุ (1688–1704) หรือก่อนหน้านั้น[4][5]
ยุคเอโดะ
แก้ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
แบบมุขปาฐะ
แก้เนื่องราวนี้มีฉบับมุขปาฐะหลายแบบ
ในบางฉบับ มีกล่องแดงและขาวลอยในแม่น้ำ และเมื่อเก็บกล่องแดง จะพบโมโมตาโรข้างใน กล่องนี้อาจเป็นกล่องแดงหรือกล่องดำ หรือกล่องอาจมีลูกท้อข้างใน เรื่องราวประเภทนี้มักพบในภูมิภาคตอนเหนือของญี่ปุ่น (ภูมิภาคโทโฮกุและโฮกูริกุ)[6][7]
หรือโมโมตาโรอาจมีคุณลักษณะตัวเอกขี้เกียจในเรื่องราว เนตาโร ประเภทย่อยนี้ได้รับการรวบรวมเป็นหลักในภูมิภาคชิโกกุและชูโงกุ[8][9]
การอ้างเป็นวีรบุรุษพื้นบ้าน
แก้โมโมตาโรในตอนนี้ถูกเชื่อมโยงกับนครโอกายามะหรือตัวจังหวัด แต่ความเชื่อมโยงนี้ประดิษฐ์ขึ้นในสมัยใหม่[10] การตีพิมพ์หนังสือ โมโมตาโร โนะ ชิจิตสึ (1930) โดยนัมบะ คินโนซูเกะ เป็นตัวอย่างแนวคิดต้นกำเนิดของโมโมตาโรในโอกายามะได้รับความนิยมมากขึ้น[11] กระนั้น แม้แต่ในช่วงสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง (1941–1945) โอกายะมะเป็นเพียงแค่เมืองเข้าชิงที่สามตามหลังอีกสองภูมิภาคที่รู้จักกันในชื่อ บ้านเกิดของโมโมตาโร[12]
เกาะปีศาจ (ญี่ปุ่น: 鬼ヶ島; โรมาจิ: Onigashima) จากเรื่องราวนี้บางครั้งนำไปเชื่อมโยงกับเกาะเมงิจิมะ เกาะในทะเลในเซโตะใกล้ทากามัตสึ เนื่องจากพบมีถ้ำที่มนุษย์ขุดไว้จำนวนมาก[13][14]
อินูยามะมีศาลเจ้าโมโมตาโร ที่มีตำนานเกี่ยวข้องกับเรื่องราวนี้[15][16] ในคริสต์ทศวรรษ 1920 ถึง 1930 อูโจ โนงูจิเขียน "เพลงพื้นบ้าน" สามเพลงสำหรับบริเวณที่พาดพิงถึงตำนานโมโมตาโร[16][a]
ในโฆษณาชวนเชื่อสงคราม
แก้การพรรณาโมโมตาโรเป็นทหารในกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นต่อสู้กับชาติศัตรูปรากฏขึ้นในสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (1894–1895)[17] อิวายะ ซาซานามิดัดแปลงเรื่องราวโมโมตาโรใน ค.ศ. 1894 เพื่แให้ โอนิ อาศัยอยู่ในบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เมื่อดูภูมิรัฐศาสตร์สมัยนั้น บริเวณนั้นอ้างอิงแบบปกปิดบาง ๆ ถึงจีนสมัยราชวงศ์ชิง[18] อิวายะไม่เป็นเพียงแค่บุคคลสำคัญในวงการวรรณกรรมเด็กเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ ค.ศ. 1878[19] ภายหลังอิวายะเขียนหนังสือเรียงความเกี่ยวกับการใช้โมโมตาโรเป็นเครื่องมือในการสอนทั้งเล่มชื่อว่า โมโมตาโร-ชูงิ โนะ เคียวอิกุ ("the Education Theory Based on Principles in Momotaro", 1915)[20]
ภาพการ์ตูนแสดงโมโมตาโรปกป้องญี่ปุ่นจาก โอนิ ที่แทน "ปีศาจตอนเหนือ" รัสเซีย ปรากฏในช่วงสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น ค.ศ.1904–1905[21]
โมโมตาโรเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยปรากฏในภาพยนตร์และการ์ตูนสงครามหลายเรื่อง[22] โมโมตาโรแทนรัฐบาลญี่ปุ่น ส่วนรัฐศัตรู (โดยหลักคือฝ่ายสัมพันธมิตร ภายหลังรวมสหรัฐ) แทนโอนิที่เป็นปีศาจ[23]
ดูเพิ่ม
แก้หมายเหตุ
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Antoni (1991), pp. 163–164.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 Kahara (2004), p. 39.
- ↑ Kahara (2004), p. 39, Kahara (2010), p. 53:
- ↑ Tierney (2005), p. 143.
- ↑ Namekawa (1981), p. 25.
- ↑ Kahara (2010), p. 53.
- ↑ Seki (1978), pp. 81–83.
- ↑ Kahara (2004), p. 40, Kahara (2010), p. 53
- ↑ Namekawa (1981), p. 334.
- ↑ Kahara (2004), pp. 51, 61, and passim.
- ↑ Kahara (2004), pp. 44–47.
- ↑ Kahara (2004), p. 51.
- ↑ "Oni-ga-shima(or Megijima)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-10. สืบค้นเมื่อ 2010-09-01.
- ↑ "Megi-jima/Ogi-jima". Takamatsu City Web Site. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-07-31. สืบค้นเมื่อ 2010-09-01.
- ↑ Namekawa (1981), p. 42, 461.
- ↑ 16.0 16.1 Michihito, Higashi 東道人 (1995) [1965], Noguchi Ujō to minyō no tabi 野口雨情詩と民謡の旅 (ภาษาญี่ปุ่น), Tōseisha, p. 496, ISBN 9784924440319
- ↑ Kahara (2010), p. 66.
- ↑ Tierney (2010), p. 118.
- ↑ "Iwaya Sazanami, Japan: An Illustrated Encyclopedia. Kodansha. 1993. 1:644.
- ↑ Kahara (2004), p. 47.
- ↑ Kamada, Laurel D. (2010). Hybrid Identities and Adolescent Girls, Being "Half in Japan". Multilingual Matters. p. 37. ISBN 9781847692320.
- ↑ Dower (1993), p. 253.
- ↑ Reider (2010), pp. 107ff
บรรณานุกรม
แก้- Antoni, Klaus (1991). "Momotaro and the Spirit of Japan". Asian Folklore Studies. 50: 160–161.
- Dower, John W (1993) [1986]. War Without Mercy: Race & Power In the Pacific War. W.W. Norton & Co. ISBN 0-394-50030-X.
- "Peach-Prince, and the Treasure Island". Japanese Fairy World: Stories From the Wonder-Lore of Japan. แปลโดย Griffis, William Elliot. Schenectady, N. Y.: James H. Barhyte. 1880. pp. 62–71.
- Herring, Ann King (1988). "Early Translations of Japanese Fairy-Tales and Children's Literature". Phaedrus: 97–112.
- Iwaya, Sazanami, บ.ก. (1904), Momotarō 桃太郎, Kōtei Nihon mukashibanashi, 1 (ภาษาญี่ปุ่น)
- ——, บ.ก. (1927). "Momotarō" 桃太郎. Nihon otogibanashishū 日本お伽噺集 (ภาษาญี่ปุ่น). Settai Komura (illustr.). ARS. pp. 3–15.
- ——, บ.ก. (1914) [1903]. "Momotarō: The Story of Peach-Boy". Iwaya's Fairy tales of old Japan 和英對譯 日本昔噺 英對合本. แปลโดย Riddell, Hannah. Tokyo: Bunyodo Tomita. pp. 35–. online via HathiTrust. Part 1 of 12. Unpaginated. 42 pp.
- Kahara, Nahoko 加原奈穂子 (2004). "From Folktale Hero to Local Symbol: The Transformation of Momotaro (the Peach Boy) in the Creation of a Local Culture". Waseda Journal of Asian Studies. 25: 35–61.
- —— (2010). "昔話の主人公から国家の象徴へ―「桃太郎」パラダイムの形成―" [From Folktale Hero to National Symbol: the making of Momotarō paradigm in Japanese Modern Age]. Bulletin, Faculty of Music, Tokyo National University of Fine Arts & Music (ภาษาญี่ปุ่น และ อังกฤษ). 36: 51–72.
- Koike, Tōgorō 小池藤五郎 (1957), "Tokugawa jidai no Momotarō kenkyū ryakki" 徳川時代の桃太郎研究略記, Kokugo to kokubungaku (ภาษาญี่ปุ่น), 34 (8): 1–10
- —— (1967), "Kobunken wo kiso to shita Momotarō setsuwa no kenkyū (I)" 古文献を基礎とした 桃太郎説話の研究(上) [A Study of "Momotaro" : Based on Old Literature (I)], The journal of the Faculty of Letters, Risshō University (ภาษาญี่ปุ่น) (26): 3–39, hdl:11266/2923
- —— (1972), "Kobunken wo kiso to shita Momotarō setsuwa no kenkyū (II)", The Journal of the Faculty of Letters, Risshō University (ภาษาญี่ปุ่น) (45): 3–50
- Kumooka, Azusa 雲岡梓 (2016), "Koten kyōzai to shite no Momotarō" 古典教材としての『桃太郎』 (PDF), Kokugo ronshū (ภาษาญี่ปุ่น), Hokkaido University of Education, 13: 31–40[ลิงก์เสีย]
- Ozaki, Yei Theodora, บ.ก. (1903). "Momotaro, or the story of the Son of a Peach". The Japanese Fairy Book. Archibald Constable & Co. pp. 244–261.
- Namekawa, Michio 滑川道夫 (1981), Momotarō zō no henyō 桃太郎像の変容 (ภาษาญี่ปุ่น), Tokyo Shoten
- Reider, Noriko T. (2010). "6. Oni and Japanese Identity: Enemies of the Japanese Empire in and out of the Imperial Army". Japanese Demon Lore: Oni from Ancient Times to the Present. Utah State University Press. pp. 104–119. doi:10.2307/j.ctt4cgpqc.12. ISBN 9780874217940. JSTOR j.ctt4cgpqc.12.
- Seki, Keigo (1978), 日本昔話大成: 本格昔話 (ภาษาญี่ปุ่น), Nomura Jun'ichi; Ōshima Hiroshi, Kadokawa
- Tierney, Robert (2005). Going native: imagining savages in the Japanese Empire (Ph. D.). Stanford University.
- Tierney, Robert (2010). "The Adventures of Momotarō in the South Seas: Folklore, Colonial Policy". Tropics of Savagery: The Culture of Japanese Empire in Comparative Frame. University of California Press. ISBN 0520947665. JSTOR 10.1525/j.ctt1pp80q.7.
- Torigoe, Shin 鳥越信 (1983), Momotarō no unmei 桃太郎の運命, NHK (reprint Mineruva Shobō, 2004) (ในภาษาญี่ปุ่น)
- Yamasaki, Mai 山崎舞 (2018). "Mukashibanashi Momotarō no henten: Saihan Momotarō mukashigatari no shomondai wo chūshin ni" 昔話「桃太郎」の変転―『再板桃太郎昔語』の諸問題を中心に―. Tamamo (ภาษาญี่ปุ่น). Ferris Jogakuin University (52): 51–67.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Momotaro
- ข้อความเต็มของ Story of the Son of a Peach ที่วิกิซอร์ซ
- 文化財指定 [Cultural Property Designation] at Kehi Shrine homepage - The purported "Momotaro" carving (photo postcard)