เฮโล (ชุดวิดีโอเกม)

เฮโล (อังกฤษ: Halo) เป็นชุดวิดีโอเกมประเภทยิงแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การทหาร เดิมถูกสร้างขึ้นและพัฒนาโดยบันจี และปัจจุบันถูกบริหารและพัฒนาโดย เฮโล สตูดิโอส์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอกซ์บอกซ์ เกมส์ สตูดิโอส์ โดยเนื้อเรื่องหลักของวิดีโอเกมชุดนี้มาจากสงครามข้ามดวงดาวระหว่างมนุษย์และพันธมิตรของสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่เรียกว่าเดอะคอนเวอร์เนนท์ โดยกลุ่มเดอะคอนเวอร์เนนท์ที่นำโดยผู้นำทางศาสนาของพวกสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่เรียกว่าโปรเฟตส์ที่เป็นผู้ที่สัการะบูชาอารยะธรรมโบราณ ซึ่งรู้จักในนามผู้บุกเบิก ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้กับกลุ่มที่เป็นกาฝากอย่าง Flood โดยจุดโฟกัสของแฟรนไชส์นี้นั้นอยู่ที่การเดินทางของ มาสเตอร์ชิฟ จอห์น-117 หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Supersoldier ที่มีชื่อเรียกว่า สปาร์ตาและระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เดินทางไปด้วยกันอย่างคอร์ทานา โดยตัวละครอื่น ๆ เช่น Noble Six จากเฮโล: รีช ก็ได้รับการแนะนำในวิดีโอเกมชุดนี้เช่นเดียวกัน โดยคำว่า "เฮโล" หมายถึง Halo Array ซึ่งเป็นกลุ่มของอาวุธขนาดใหญ่ที่อยู่อาศัยในรูปแบบอาวุธวงแหวนที่ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มผู้บุกเบิกเพื่อทำลาย Flood โดยมันมีลักษณะคล้ายกับ Orbitals ในนิยายเรื่อง Culture ของเอียน แบงค์ส และดูคล้ายกับสิ่งที่อยู่ในนิยาย Ringworld ของ แลร์รี นิเวน[1][2][3][4]

เฮโล
ประเภทวิดีโอเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง
วางแผนแบบเรียลไทม์
ผู้พัฒนา
ผู้จัดจำหน่ายไมโครซอฟท์สตูดิโอส์
ระบบปฏิบัติการ
ลงครั้งแรกบนเอกซ์บอกซ์
วางจำหน่ายครั้งแรกเฮโล: คอมแบทอิวอลฟด์
15 กันยายน 2001
จำหน่ายครั้งล่าสุดเฮโลอินฟินิต
8 ธันวาคม 2021

วิดีโอเกมชุดนี้ได้รับคำวิจารณ์แงงบวกอย่างถล่มถลายจากนักวิจารณ์ทั้งยังถูกเรียกว่าเป็นจุดขายสำคัญของเอกซ์บอกซ์[5] และนำไปสู่การเกิดคำว่า นักฆ่าเฮโล ที่ใช้อธิบายวิดีโอเกมที่ต้องการหรือได้รับการพิจารณาว่าดีกว่าเฮโล[6] จากความสำเร็จของ เฮโล: คอมแบทอิวอลฟด์ และการทำการตลาดของผู้จัดจำหน่ายอย่างไมโครซอฟท์ ทำให้ภาคต่อมาในวิด๊โอเกมชุดนี้มียอดขายยอดเยี่ยมเป็นประวัติการณ์[7][8][9] โดยวิดีโอเกมชุดนี้สามารถจัดจำหน่ายได้ 65 ล้านชุดทั่วโลกพร้อมกับทำรายได้ไปกว่า 3.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ[10][11][12]

ยอดขายที่แข็งแกร่งยังนำไปสู่การขยายแฟรนไชส์ไปยังสื่อบันเทิงและสินค้าอื่น ๆ ได้แก่นวนิยายที่ติดอันดับขายดีหลายครั้ง นวนิยายภาพ รวมไปถึงวิดีโอเกมชุด เฮโลวอร์ส ซึ่งนำวิดีโอเกมชุดนี้ไปสู่รูปแบบที่แตกต่างไปจากประเภทของวิดีโอเกมหลักคือ การเป็นเกมประเภทวางแผนแบบเรียลไทม์ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของเกมในซีรีส์เป็นแนวมุมมองบุคคลที่หนึ่ง นอกเหนือจากไตรภาคต้นฉบับแล้วบันจี้ได้พัฒนาภาคเสริมอย่าง เฮโล 3 โอดีเอสที และภาคก่อนหน้าอย่าง เฮโล: รีช ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายที่พวกเขาได้รับสิทธิให้พัฒนา ทั้งนี้การรีมาสเตอร์เกมภาคแรกภายใต้ภาพแบบความละเอียดสูงนั้นเริ่มต้นในปี 2011 โดยมีชื่อว่า เฮโล: คอมแบทอิวอลฟด์แอนนิเวอร์ซารี ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2011 10 ปีหลังจากวางจำหน่ายภาคต้นฉบับ ขณะที่เกมภาคใหม่หลังจบไตรภาคแรกอย่าง เฮโล 4 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2012 เฮโล: เดอะมาสเตอร์ชีฟคอลเลกชัน ซึ่งเป็นเกมรีมาสเตอร์ของเกมทั้ง 4 ภาคได้วางจำหน่ายบน เอกซ์บอกซ์วัน เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2014[13] ถัดมาในเดือนตุลาคม 2015 เฮโล 5: การ์เดี้ยนส์ ออกวางจำหน่ายและในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เฮโลวอร์ส 2 ก็ออกวางจำหน่ายเป็นภาคล่าสุด ในเดือนมิถุนายน 2018 ภาคหลักต่อถัดไปของซีรีส์ เฮโล ได้รับการประกาศในชื่อ เฮโลอินฟินิต ในเดือนมีนาคม 2019 เฮโล: เดอะมาสเตอร์ชีฟคอลเลกชัน ได้รับการประกาศว่าจะถูกพอร์ดลงพีซี พร้อมกับตัวเกมแบบรีมาสเตอร์ของเกม เฮโล: รีช ที่จะถูกเพิ่มลงบนใน เดอะมาสเตอร์ชีฟคอลเลกชัน เวอร์ชันเอกซ์บอกซ์วันและพีซี โดยแฟนคลับของวิดีโอเกมชุดนี้นั้นมีชื่อเรียกว่า "เฮโล เนชัน"[14][15]

อ้างอิง

แก้
  1. Sones, Benjamin E. (2000-07-14). "Bungie dreams of rings and things, part 2". Computer Games Online. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-04-08. สืบค้นเมื่อ 13 April 2013. we don't want people to think this is the game of Niven's Ringworld, simply because it takes place on a ring-shaped artificial world… you'd be surprised how often people assume this. ... structurally it's more similar to the "orbitals" in Iain M. Banks' Culture novels.
  2. Cuddy, Luke (2011-06-07). Halo and Philosophy: Intellect Evolved. Open Court. ISBN 0812697189. [...] Banks put out the Culture series of books, which envisions a slightly smaller structure called an "orbital" -- probably closer to the Halo structures [...]
  3. Perry, Douglas C. (May 17, 2006). "The Influence of Literature and Myth in Videogames". IGN. Ziff Davis. p. 6. สืบค้นเมื่อ August 12, 2007. [Frank O'Connor, Bungie] The idea of a Ringworld, first posited in sci-fi by Larry Niven in his novel of the same name, is actually a variation of a Dyson Sphere, a fantastically impossible object described by the 20th century physicist, Freeman Dyson... icosohedron-shaped artificial worlds have also been used by Iain M. Banks and others because they are cool. And that's why we used one.
  4. Grazier, Kevin R. (May 2, 2007). "Halo Science 101". Gamasutra. สืบค้นเมื่อ August 12, 2007.
  5. Craig Glenday, บ.ก. (March 11, 2008). "Hardware History II". Guinness World Records Gamer's Edition 2008. Guinness World Records. Guinness. p. 27. ISBN 978-1-904994-21-3.
  6. Islam, Zak (July 11, 2011). "Respawn Entertainment's Next Game Will be Halo Killer". PlayStation LifeStyle. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012.
  7. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ 170 million
  8. Parker, Laura (September 23, 2007). "The $300m space invader". The Sydney Morning Herald. สืบค้นเมื่อ June 3, 2008.
  9. Slodkowski, Antoni; Izumi, Sachi (September 16, 2010). "Microsoft "Halo: Reach" sales hit $200 million on 1st day". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-21. สืบค้นเมื่อ June 13, 2011.
  10. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ gamespot-65mil
  11. Sliwinski, Alexander (November 12, 2012). "Halo 4 made $220 million day one, on track to $300 million in first week". Joystiq. AOL. สืบค้นเมื่อ November 12, 2012.
  12. Orry, James (December 6, 2012). "Halo 4 sales in the region of 4 million, next game in series already underway". VideoGamer.com. สืบค้นเมื่อ December 6, 2012.
  13. Gies, Arthur. "Halo: The Master Chief Collection review: the library". Polygon. Vox Media. สืบค้นเมื่อ November 11, 2014.
  14. Dawson, Brett (September 24, 2007). "Halo 3 hype is justified". Toronto Star. สืบค้นเมื่อ October 4, 2007.
  15. "The Halo Universe 101". halo.xbox.com. Microsoft. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 25, 2010. สืบค้นเมื่อ November 19, 2009.