อาวุธปืนในเพชรพระอุมา

อาวุธปืนในเพชรพระอุมา เป็นการรวบรวมรายละเอียดของปืนที่ใช้ในเรื่องเพชรพระอุมา จากความรู้และทักษะความสามารถทางด้านอาวุธปืนของพนมเทียน ในการนำเอาอาวุธปืนประเภทต่าง ๆ และกระสุนที่ใช้จากประสบการณ์จริง มาผูกเสริมเติมแต่งให้แก่ตัวละครในเพชรพระอุมา รวมทั้งกำหนดลักษณะและผลของการใช้ของปืนแต่ละประเภท ซึ่งปืนที่ใช้ในเพชรพระอุมานั้น มีจำนวนมากมายหลากหลายขนาด รวมทั้งยี่ห้อและรุ่น เช่นปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .375 โมเดล 70 ปืนลูกซอง ปืนสั้นกึ่งออโตแมติกหรือแม้แต่ปืนเอ็ม 16 ที่ใช้ในการสงคราม รวมทั้งรายละเอียดและความรู้ทางด้านปืนของแต่ละกระบอก เช่น วิถีกระสุนในการปะทะเป้าหมาย แรงปะทะของปืน ฯลฯ อาวุธปืนที่ใช้ในเพชรพระอุมา มีดังนี้

ปืนไรเฟิล แก้

ปืนไรเฟิล เป็นปืนที่ปรากฏในเพชรพระอุมาเป็นจำนวนมาก มีหลากหลายยี่ห้อและรุ่น ได้แก่ วินเชสเตอร์, ซีแซด, ซาโก้, เอฟเอ็นหรือบราวนิงโดยมีรายละเอียดของปืนแต่ละกระบอกและรุ่น ดังนี้

ไรเฟิล ซาโก้ .375 แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้ปืนไรเฟิล ซาโก้ .375 (Rifle Sago .375) มีพันตรีเชิดวุธ ไกรรณยุทธเป็นเจ้าของ สำหรับใช้เป็นปืนประจำมือในการออกติดตามค้นหาซากเครื่องบิน บี 52 และระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งเริ่มแรกนั้นเชิดวุธมีความตั้งใจจะนำปืนเอ็ม 16 (เอ-อาร์ 15) แบบพับฐานตามแบบปืนของอเมริกาที่นำมาแจกจ่ายสำหรับการเดินทาง แต่รพินทร์ ไพรวัลย์ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับปืนที่จะใช้ในการเดินทางภายในป่าและยิงสัตว์ ควรจะเปลี่ยนจากปืนเอ็ม 16 เป็นปืนไรเฟิล ซาโก้ .375 แทน และพันตรีเชิดวุธก็ใช้ไรเฟิล ซาโก้ .375 กระบอกนี้ตลอดการเดินทาง

ไรเฟิล วินเชสเตอร์ .375 โมเดล 70 แก้

 
ปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .375 โมเดล 70

ในเพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ พนมเทียนกำหนดให้ปืนไรเฟิลกระบอกนี้ ใช้สำหรับยิงสัตว์ขนาดใหญ่ในการเดินทางโดยเฉพาะ เช่นเสือ กระทิงและช้าง เนื่องจากเป็นปืนที่เกิดแรงปะทะจากวิถีกระสุนสูง รวมทั้งได้นำเอาความรู้ในการเลือกใช้อาวุธปืนสำหรับล่าสัตว์ขนาดใหญ่มาสอดแทรกไว้ โดยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ปืนในการยิงสัตว์ใหญ่ สำหรับปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .375 โมเดล 70 ในเพชรพระอุมา ผู้ที่ใช้ปืนกระบอกนี้คือรพินทร์ ไพรวัลย์ โดยใช้ยิง "ไอ้กุด" เสือโคร่งกินคนที่บริเวณเขาโล้น[1] และใช้ช่วยชีวิตพันเอกลาร์รี่ คีธ จากการถูกช้างไล่กระทืบที่ซับบอน ต่อมาภายหลังรพินทร์ได้เปลี่ยนมาใช้ .458 วินเชสเตอร์ของเชษฐา แทน ปืนกระบอกนี้จึงถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของพรานบุญคำแทน ซึ่งได้กลายเป็นปืนคู่มือในการเดินป่าตลอดทั้งเพชรพระอุมาภาคแรคและภาคสมบูรณ์

ไรเฟิล เอฟเอ็น .375 แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้นำเอาความรู้และทักษะของการใช้ปืนไรเฟิล เอฟเอ็น .375 สอดแทรกไว้โดยกำหนดให้หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ เป็นเจ้าของปืนและมอบหมายให้แงซายเป็นผู้ถือ และกลายเป็นอาวุธปืนประจำตัวตั้งแต่เริ่มออกตามรอยไอ้แหว่ง ช้างใหญ่เกเร แต่ได้รับความเสียหายจนใช้การไม่ได้เนื่องจากถูกหินทับแหลกที่ภูเขานิลกาญจน์ สำหรับปืนไรเฟิล เอฟเอ็น .375 ใช้ในการยิงสัตว์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ครั้งแรกดารินใช้ยิงกระทิงเมื่อคราวนั่งห้างคู่กับรพินทร์[2] ครั้งที่สองรพินทร์ใช้ยิงเสือใหญ่ที่ย่องมาด้านหลังแงซาย หลังจากออกเดินทางจากอาณาจักรนิทรานคร และครั้งที่สามแงซายใช้ยิงเสือเขี้ยวดาบเพื่อช่วยชีวิตส่างปา เมื่อเดินทางผ่านป่าหินและป่าโลกล้านปี

ไรเฟิล ซีแซด .375 แก้

 
ปืนไรเฟิล ซีแซด .375

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้ผู้ที่เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล ซีแซด รุ่น แซดเคเค 602 .375 แม็กนั่ม คือมาเรีย ฮอฟมัน หญิงสาวเลือดผสมภรรยาของด็อกเตอร์สเตเกล ฮอฟมัน ที่ถูกใช้งานมาอย่างโชกโชน จนกระทั่งร่องเกลียวภายในลำกล้องปืนเกิดการสึกหรอจนเกือบหมด เป็นปืนคู่มือที่มาเรียใช้จนคล่องมือจนสามารถใช้ยิงกระรอกที่กำลังเคลื่อนที่ได้ เมื่อตอนที่มาเรียถูกสางเขียวจับตัวไป ไชยยันต์เป็นผู้ใช้ปืนไรเฟิล ซีแซด .375 ออกติดตามช่วยเหลือในการชิงตัวกลับคืนมา และมาเรียใช้ยิงเทอราโนดอนที่บุกโจมตีที่ทะเลสาบมรณะ[3] รวมทั้งใช้ยิงระเบิดถล่มกองทัพของรหัสยะในเมืองมรกตนคร

ไรเฟิล .30 – 06 แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้ปืนไรเฟิล .30 – 06 ปรากฏขึ้นทั้งสองภาค คือภาคแรกและภาคสมบูรณ์ สำหรับเพชรพระอุมาภาคแรกเป็นปืนไรเฟิล ซีแซด .30 – 06 ผู้ที่เป็นเจ้าของคือรพินทร์ ไพรวัลย์ และปืนไรเฟิล มัลลิเคอร์ .30 – 06 ผู้ที่เป็นเจ้าของคือพันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ สำหรับปืนไรเฟิล ซีแซด .30 - 06 ของรพินทร์ พนมเทียนกำหนดให้เป็นปืนประจำมือที่ใช้ตลอดระยะเวลา ในการเดินทางนำคณะนายจ้างออกติดตามค้นหาหม่อมราชวงศ์อนุชา วราฤทธิ์ หรือพรานชด โดยใช้ยิงเสือดำที่หลุดรอดจากกรงดักสัตว์ภายในสถานีกักสัตว์บริษัทไทยไวล์ดไลฟ์ของนายอำพล และตลอดระยะการเดินทางจากหมู่บ้านหนองน้ำแห้งจนถึงหมู่บ้านหล่มช้าง และเมื่อเดินทางเข้าเขตนรกดำ ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือปืนไรเฟิล ซีแซด .30 - 06 จากรพินทร์เป็นพรานเส่ยแทน

ภายหลังจากผ่านหุบเขานิลกาญจน์ ปืนไรเฟิล ซีแซด .30 - 06 ก็ได้ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้ง โดยมีแงซายเป็นผู้ถือแทน และใช้ยิงเลียงผาภูเขาเพื่อนำมาเป็นยารักษาอาการเจ็บปวดด้วยโรครูมาตอยด์ของหม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ หรือแม้แต่ในการใช้ชีวิตประจำวัน รพินทร์ก็จะนำติดตัวไปด้วยเสมอ แต่ในเพชรพระอุมาภาคสมบูรณ์ พนมเทียนไม่ได้กำหนดให้ปืนไรเฟิล ซีแซด .30 - 06 ถูกนำไปใช้งานอีก นอกจากมีการกล่าวถึงปืนกระบอกนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับปืนไรเฟิล มัลลิเคอร์ .30 - 06 ที่มีเชษฐาเป็นเจ้าของและปรากฏในเพชรพระอุมาภาคแรก พนมเทียนกำหนดให้เป็นปืนประจำมือของเชษฐาโดยจะนำติดตัวสำหรับล่าสัตว์ และใช้ยิงวัวแดงเมื่อคราวนั่งห้างส่องสัตว์ในตอนกลางคืน

ไรเฟิล เวเธอร์บี .300 มาร์ค ไฟว์ แม็กนั่ม แก้

ในเพชรพระอุมา ผู้ที่เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .300 มาร์ค ไฟว์ แม็กนั่ม คือพันตรีไชยยันต์ อนันตรัย เป็นปืนไรเฟิลติดศูนย์กล้องที่มีกำลังขยายขนาด 4 เท่า โดยที่พนมเทียนได้กำหนดให้ไชยยันต์เป็นผู้ถือปืนไรเฟิลกระบอกนี้และใช้ยิงวัวแดงเพียงแค่ครั้งเดียว[4] ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือมาเป็นหม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์แทน ถอดศูนย์กล้องเพราะกระแทกหินแตก น้ำเข้า ขณะลอดถ้ำในครั้งปะทะกับมันตรัย ดารินใช้ยิงไอ้แหว่งที่ป่าหวาย[5] และยิงตาซ้ายไทรันโนซอรัส เร็กซ์บอดที่ป่าหิน เดินทางผ่านเส้นทางต่าง ๆ จนถึงเทือกเขาพระศิวะ และในภาคสมบูรณ์ ปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .300 มาร์ค ไฟว์ แม็กนั่ม ก็กลับมามีบทบาทอีกครั้งโดยดาริน ใช้เสี่ยงสัตย์อธิษฐานก่อนออกติดตามตัวรพินทร์ ไพรวัลย์ และ .300 เวเธอร์บีกระบอกนี้ก็กลายเป็นปืนประจำมือของดารินไปตลอดการเดินทางในภาคสมบูรณ์

ไรเฟิล .600 ไนโตรเอ็กสเปรส แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล .600 ไนโตรเอ็กสเปรส แต่ปืนไรเฟิลกระบอกนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานบ่อยครั้ง ซึ่งครั้งแรกเชษฐานำมาแสดงแก่รพินทร์ ไพรวัลย์ ก่อนออกเดินทางจากหมู่บ้านหนองน้ำแห้ง ใช้ยิงถล่มโขลงช้างของไอ้แหว่งที่พุบอน ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือมาเป็นพันตรีไชยยันต์ อนันตรัยหลังจากออกติดตามไอ้แหว่ง และใช้ยิงกระซู่ที่หมู่บ้านหล่มช้างและเสือโคร่งที่หมู่บ้านห้วยแม่เลิงของกะเหรี่ยงโต๊ะถะ จนเดินทางถึงเทือกเขาพระศิวะ

ในภาคจบสมบูรณ์ ไชยยันต์ไม่ได้นำ .600 ไนโตรเอกสเปรส กลับมาใช้อีก เนื่องด้วยกระสุนได้ขาดตลาด และบริษัทผลิต ได้เลิกผลิตกระสุนขนาด .600 แมกนั่มไปเสียแล้ว ไชยยันต์จึงหันไปใช้ .458 วินเชสเตอร์ แอฟริกัน แมกนั่ม แทน

ไรเฟิล เวเธอร์บี .460 แม็กนั่ม แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้ด็อกเตอร์สเตเกล ฮอฟมันเป็นเจ้าของปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .460 แม็กนั่ม กระบอกนี้ แต่ภายหลังด็อกเตอร์ฮอฟมันเสียชีวิตด้วยฝีมือของสางเขียว ขณะนั้นมีกระสุนเหลืออยู่ 35 นัด เมื่อด็อกเตอร์ฮอฟมันเสียชีวิตแล้ว ปืนกระบอกนี้จึงถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของแงซายอยู่ระยะหนึ่ง จนเกิดเรื่องเมื่อนำปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .460 แม็กนั่ม ไปทดลองทางปืนกับต้นตะเคียนใหญ่และเกิดเหตุการณ์ประหลาดแก่คณะเดินทาง[6] ต่อมาเมื่อแงซายได้ถูกกองกอยพาตัวไป รพินทร์จึงเป็นคนถือเอาไรเฟิลกระบอกนี้ไว้เป็นกระบอกที่สอง และใช้ยิงตะขาบยักษ์ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมือครั้งสุดท้ายโดยส่งต่อไปให้แก่เชษฐา เมื่อปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .458 โมเดล 70 ซึ่งเป็นปืนประจำมือถูกมันตรัยในร่างเสือโคร่งดำกลิ้งหินลงมาทับจนพังใช้การไม่ได้[7] ซึ่งเชษฐาใช้ไรเฟิล เวเธอร์บี .460 นี้ต่อมาตลอดการเดินทาง

ไรเฟิล วินเชสเตอร์ .458 โมเดล 70 แอฟริกัน แม็กนั่ม แก้

ในเพชรพระอุมาภาคแรก พนมเทียนได้กำหนดให้ผู้ที่เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .458 โมเดล 70 แอฟริกัน แม็กนั่ม คือพันตรีไชยยันต์ อนันตรัย และ พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ โดยที่เชษฐาใช้เป็นปืนประจำมือตลอดการเดินทางภายหลังจากออกติดตามล่าตัวไอ้แหว่ง และใช้ยิงลูกตาของงูใหญ่ที่หมู่บ้านหล่มช้างจนตาบอด[8] แต่สำหรับไชยยันต์นั้น ภายหลังจากที่สนใจปืนไรเฟิล .600 ไนโตรเอ็กสเปรสของเชษฐา และเลือกที่จะใช้เป็นปืนประจำมือในการเดินทาง จึงยกปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .458 โมเดล 70 แอฟริกัน แม็กนั่ม ให้รพินทร์ ไพรวัลย์ใช้เป็นปืนประจำมือแทน

ไรเฟิล ริกบี้ .470 ไนโตรเอ็กสเปรส แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล ริกบี้ .470 ไนโตรเอ็กสเปรส แต่เป็นเพียงแค่ชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเมื่อเกิดการปะทะกับโขลงช้างของไอ้แหว่ง แต่เนื่องจากปืนไรเฟิล ริกบี้ .470 ไนโตรเอ็กสเปรส มีความหนักและเกิดแรงปะทะสูง ทำให้ดารินเปลี่ยนไปใช้ปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .300 มาร์ค ไฟว์ แม็กนั่ม ของพันตรีไชยยันต์ อนันตรัย เป็นปืนประจำมือแทน

ปืนลูกซองและปืนแก๊ป แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้ผู้ที่ถือปืนลูกซองเป็นปืนประจำมือ คือพรานบุญคำ พรานจัน พรานเกิดและพรานเส่ย พรานพื้นเมืองคู่ใจของรพินทร์ ไพรวัลย์ เป็นปืนลูกซองเดี่ยวแบบหักลำนกนอด บรรจุกระสุนได้ครั้งละนัดและราคาถูก ส่วนมากพรานพื้นเมืองของรพินทร์ จะใช้ปืนลูกซองในการยิงสัตว์ปีกสำหรับเป็นอาหาร และใช้ยิงป้องกันตัวจากสัตว์ขนาดกลาง สำหรับลูกหาบที่ร่วมติดตามในการเดินทางจนถึงหมู่บ้านหนองน้ำแห้ง พนมเทียนกำหนดให้ถือปืนแก๊ปเป็นปืนประจำมือ ซึ่งเป็นปืนที่ทำขึ้นใช้งานเองจากท่อเหล็กและบรรจุดินปืนสำหรับยิง

สำหรับตัวรพินทร์เองนั้น ตามท้องเรื่องในภาคแรก ก็มีโอกาสได้ใช้ปืนแก๊ปเช่นกัน ในครั้งที่หลงป่ากับดารินเพราะถูกน้ำป่าซัดนั้น หลังจากยิงเสือแม่ลูกอ่อนที่คาบกะเหรี่ยงตัดไม้มาสามคนแล้ว วันต่อมารพินทร์และดารินเดินมาถึงปางพักกะเหรี่ยงตัดไม้ และรพินทร์ได้ใช้ปืนแก๊ปกะเหรี่ยงยิงกวางเป็นอาหาร

ปืนสั้น แก้

ปืนสั้น เป็นปืนที่ปรากฏในเพชรพระอุมาและมีการใช้งานไม่มากนักเท่ากับปืนไรเฟิล ซึ่งเป็นปืนประจำมือในการเดินทางของคณะนายจ้าง โดยทั้งหมดเป็นปืนสั้นแบบซิงเกิลแอ็คชั่น ผลิตโดยบริษัทรูเกอร์ โดยมีรายละเอียดของปืนแต่ละกระบอกและรุ่น ดังนี้

รูเกอร์ซุปเปอร์แบล็คฮ็อค .44 แม็กนั่ม แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ และ รพินทร์ ไพรวัลย์ มีปืนสั้นแบบลูกโม่รูเกอร์ซุปเปอร์แบล็คฮ็อค .44 แม็กนั่ม (Ruger Super Black Hawk .44 Magnum) เป็นปืนประจำตัวคนละกระบอกนอกเหนือจากปืนไรเฟิลที่เป็นปืนประจำมือ แต่ปืนสั้นแบบลูกโม่รูเกอร์ซุปเปอร์แบล็คฮ็อค .44 แม็กนั่ม ของเชษฐาและรพินทร์ ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานบ่อยครั้งนอกจากมีการกล่าวถึงในเพชรพระอุมาบ้างเล็กน้อย

เหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งของการใช้ รูเกอร์ซุปเปอร์แบล็คฮ็อค .44 แม็กนั่ม ของรพินทร์ คือเมื่อครั้งที่หลงพลัดครั้งใหญ่กับคณะเดินทางในการฉะเล่ห์กับมันตรัย ในฝ่ายของรพินทร์ บุญคำ และดารินนั้น มีการปะทะกับตะขาบยักษ์ถึงสองตัว ซึ่งรูเกอร์ซุปเปอร์แบล็คฮ็อค .44 แม็กนั่มของรพินทร์เป็นอาวุธสำคัญกระบอกหนึ่งเมื่อไรเฟิลของทั้งหมดพลัดมือไป

รูเกอร์แบล็คฮ็อค .357 แม็กนั่ม แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ มีปืนสั้นแบบลูกโม่จำนวน 2 กระบอก คือปืนสั้นแบบลูกโม่รูเกอร์แบล็คฮ็อค .357 แม็กนั่ม (Ruger Black Hawk .357 Magnum) และปืนสั้นแบบลูกโม่รูเกอร์รุ่นซิงเกิล .22 แม็กนั่ม (Ruger Single .22 Magnum) เป็นปืนประจำตัวนอกเหนือจากปืนไรเฟิลที่ใช้งาน สำหรับปืนสั้นแบบลูกโม่รูเกอร์แบล็คฮ็อค .357 แม็กนั่ม เป็นปืนสั้นที่ถูกใช้งานบ่อยครั้ง โดยรพินทร์ ไพรวัลย์ใช้ยิงวัวแดงภายหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากถูกพันตรีไชยยันต์ อันตรัยยิงไว้ใช้ยิงเสือในป่าหลังจากถูกน้ำป่าพัดหลงหายไปกับดาริน และดารินใช้ยิงสางเขียวในขณะที่ติดอยู่ภายในถ้ำ เมื่อคราวไปชิงตัวมาเรียกลับคืนมา

โคลท์ ซิงเกิลแอ๊คชั่น อาร์มี .45 ลอง โคลท์ แก้

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้ด็อกเตอร์สเตเกล ฮอฟมัน เป็นเจ้าของปืนสั้นโคลท์ ซิงเกิลแอ๊คชั่น อาร์มี .45 ลอง โคลท์ และต่อมาหลังจากที่ด็อกเตอร์สเตเกล ฮอฟมัน เสียชีวิตลงโดยถูกสางเขียวฆ่าตาย ปืนสั้นกระบอกนี้ก็ตกมาเป็นของมาเรีย ฮอฟมัน และกลายเป็นปืนสั้นประจำตัวแทน

อ้างอิง แก้

  1. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 355, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 335
  2. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 2 หน้า 619, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 619
  3. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนป่าโลกล้านปี เล่ม 1 หน้า 6924, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6924
  4. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 381, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 381
  5. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนดงมรณะ เล่ม 1 หน้า 2060, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 2060
  6. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนดงมรณะ เล่ม 4 หน้า 3362, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 3362
  7. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนจอมผีดิบมันตรัย เล่ม 3 หน้า 4250 - 4257, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 4250 - 4257
  8. พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนดงมรณะ เล่ม 2 หน้า 2527, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 2527