สาวกที่พระเยซูทรงรัก
วลี "สาวกที่พระเยซูทรงรัก" (กรีกโบราณ: ὁ μαθητὴς ὃν ἠγάπα ὁ Ἰησοῦς, อักษรโรมัน: ho mathētēs hon ēgapā ho Iēsous) หรือในยอห์น 20:2 เรียกว่า "สาวกอีกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรัก" (กรีกโบราณ: τὸν ἄλλον μαθητὴν ὃν ἐφίλει ὁ Ἰησοῦς, อักษรโรมัน: ton allon mathētēn hon ephilei ho Iēsous) มีการระบุถึงหกครั้งในพระวรสารนักบุญยอห์น[1] แต่ไม่มีการระบุถึงในพระวรสารอื่นในพันธสัญญาใหม่ ยอห์น 21:24[2] ระบุว่าพระวรสารนักบุญยอห์นมีพื้นฐานมาจากคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรของสาวกคนนี้
ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 1 สาวกที่พระเยซูทรงรักมักถูกระบุว่าเป็นยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร[3] นักวิชาการได้ถกเถียงกันถึงเรื่องผู้ประพันธ์ของวรรณกรรมของยอห์น (พระวรสารนักบุญยอห์น, จดหมายของนักบุญยอห์น และหนังสือวิวรณ์) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะตั้งแต่ยุคเรืองปัญญา การระบุว่ายอห์นอัครทูตคือผู้ประพันธ์วรรณกรรมของยอห์นไม่ได้รับการยอมรับโดยนักวิชาการสมัยใหม่หลายคน[4][5] แต่ไม่ใช่ทั้งหมด[6] มีความเห็นพ้องต้องกันในหมู่นักวิชาการที่ศึกษาเรื่องนักบุญยอห์นว่าสาวกที่พระเยซูทรงรักนั้นเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์[7] แต่ไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าใครคือสาวกที่พระเยซูทรงรัก[8]
แหล่งที่มา
แก้สาวกที่พระเยซูทรงรักถูกระบุถึง 6 ครั้งในพระวรสารนักบุญยอห์นโดยเฉพาะ:
- สาวกคนนี้คือผู้ซึ่งเอนกายข้างพระเยซูในอาหารมื้อสุดท้าย ทูลถามพระเยซูว่าใครจะทรยศพระองค์ หลังจากที่เปโตรขอให้สาวกคนนั้นทูลถามพระองค์[9]
- ต่อมาในการตรึงพระเยซูที่กางเขน พระเยซูตรัสกับมารดาว่า "หญิงเอ๋ย นี่คือบุตรของท่าน" และตรัสกับสาวกที่พระองค์ทรงรักว่า "นี่คือมารดาของท่าน"[10]
- เมื่อมารีย์ชาวมักดาลาพบอุโมงค์ฝังศพที่ว่างเปล่า ก็วิ่งไปบอกสาวกที่พระเยซูทรงรักและเปโตร ทั้งสองรีบไปที่อุโมงค์ฝังศพที่ว่างเปล่าและสาวกที่พระเยซูทรงรักเป็นคนแรกที่ไปถึง อย่างไรก็ตาม เปโตรเป็นคนแรกที่เข้าไปข้างใน[11]
- ในยอห์น 21[12] บทสุดท้ายของพระวรสารนักบุญยอห์น สาวกที่พระเยซูทรงรักเป็นหนึ่งในชาวประมง 7 คนที่มีส่วนร่วมในการจับปลา 153 ตัวอย่างน่าอัศจรรย์[13][14]
- ในบทสุดท้ายของพระวรสาร หลังจากที่พระเยซูบอกเป็นนัยถึงว่าเปโตรจะตายอย่างไร เปโตรเห็นสาวกที่พระองค์ทรงรักติดตามมาจึงทูลถามว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า คนนี้จะเป็นยังไงบ้าง?" พระเยซูตรัสตอบว่า "ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา มันเกี่ยวอะไรกับท่าน? จงตามเรามาเถิด"[15]
- ในบทสุดท้ายของพระวรสาร กล่าวว่าพระวรสารนี้มีพื้นฐานมาจากคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรของสาวกที่พระเยซูทรงรัก[16]
พระวรสารอื่น ๆ ไม่ได้ระบุถึงบุคคลใด ๆ ในสถานการณ์เดียวกันที่สามารถเชื่อมโยงโดยตรงกับสาวกที่พระเยซูทรงรักได้ ตัวอย่างเช่น ในลูกา 24:12[17] เปโตรวิ่งไปที่อุโมงค์ฝังศพ พระวรสารมัทธิว มาระโก และลูกาไม่ได้ระบุว่าสาวกคนใดคนหนึ่งใน 12 คนที่ได้เป็นพยานของการตรึงกางเขน
พันธสัญญาใหม่ยังระบุถึง "สาวกคนอื่น" ที่ไม่ปรากฏชื่อ 2 ครั้งในยอห์น 1:35–40 และยอห์น 18:15–16[18] ซึ่งอาจหมายถึงบุคคลคนเดียวกันตามข้อความในยอห์น 20:2[19][20]
ศิลปะ
แก้ในงานศิลปะ สาวกที่พระเยซูทรงรักมักแสดงเป็นภาพชายหนุ่มที่ไม่มีหนวดเครา มักจะเป็นหนึ่งในอัครสาวก 12 คนในอาหารมื้อสุดท้าย หรือยืนอยู่กับพระแม่มารีย์ในเหตการณ์ตรึงกางเขน ในศิลปะยุคกลางบางผลงาน แสดงภาพสาวกที่พระเยซูทรงรักเอนศีรษะหนุนพระเพลา (ตัก) ของพระเยซู ศิลปินหลายคนตีความข้อความในยอห์น 13:25 แตกต่างกันออกไป[21] จากข้อความที่ว่าสาวกที่พระเยซูทรงรัก "เอนกายอยู่ใกล้พระองค์"[22]
อ้างอิง
แก้- ↑ John 13:23, John 19:26, John 20:2, John 21:7, John 21:20
- ↑ John 21:24
- ↑ Eusebius of Caesarea, Ecclesiastical History Book iii. Chapter xxiii.
- ↑ Harris, Stephen L. (1985). Understanding the Bible: a Reader's Introduction (2nd ed.). Palo Alto: Mayfield. p. 355. ISBN 978-0-87484-696-6.
Although ancient traditions attributed to the Apostle John the Fourth Gospel, the Book of Revelation, and the three Epistles of John, modern scholars believe that he wrote none of them.
- ↑ Kelly, Joseph F. (1 October 2012). History and Heresy: How Historical Forces Can Create Doctrinal Conflicts. Liturgical Press. p. 115. ISBN 978-0-8146-5999-1.
- ↑ Wagner, Richard; Helyer, Larry R. (2011). The Book of Revelation For Dummies. John Wiley & Sons. p. 26. ISBN 9781118050866.
other contemporary scholars have vigorously defended the traditional view of apostolic authorship.
- ↑ Neirynck, Frans (1991). Evangelica II: 1982-1991 : Collected Essays. Uitgeverij Peeters. ISBN 9789061864530.
- ↑ Matkin, J. Michael (2005). The Complete Idiot's Guide to the Gnostic Gospels. Penguin. ISBN 9781440696510.
but there is no consensus as to the Beloved Disciple's actual identity
- ↑ John 13:23–25
- ↑ John 19:26–27
- ↑ John 20:1–10
- ↑ John 21
- ↑ John 21:1–25
- ↑ James D. G. Dunn and John William Rogerson, Eerdmans Commentary on the Bible, Wm. B. Eerdmans Publishing, 2003, p. 1210, ISBN 0-8028-3711-5.
- ↑ John 21:20–23
- ↑ John 21:24
- ↑ Luke 24:12
- ↑ John 1:35–40 และ John 18:15–16
- ↑ John 20:2
- ↑ Brown, Raymond E. 1970. "The Gospel According to John (xiii-xxi)". New York: Doubleday & Co. Pages 922, 955
- ↑ John 13:25
- ↑ Rodney A. Whitacre,"Jesus Predicts His Betrayal." IVP New Testament Commentaries, Intervarsity Press, 1999. ISBN 978-0-8308-1800-6
อ่านเพิ่มเติม
แก้- Baltz, Frederick W. The Mystery of the Beloved Disciple: New Evidence, Complete Answer. Infinity Publishing, 2010. ISBN 0-7414-6205-2ISBN 0-7414-6205-2
- Charlesworth, James H. The Beloved Disciple: Whose Witness Validates the Gospel of John?. Trinity Press, 1995. ISBN 1-56338-135-4ISBN 1-56338-135-4.
- Smith, Edward R. The Disciple Whom Jesus Loved: Unveiling the Author of John's Gospel. Steiner Books/Anthroposophic Press, 2000. ISBN 0-88010-486-4ISBN 0-88010-486-4.