วีลออฟฟอร์จูน (Wheel of fortune) เป็นรายการโทรทัศน์ประเภทเกมโชว์ที่รู้จักเป็นอย่างดีในนาม "Wheel" สร้างสรรค์โดย เมฟฟ์ กราฟิน มีเนื้อเกมโชว์เป็นการเสี่ยงโชคและประโยคปริศนาภาษาอังกฤษซึ่งมีรูปแบบมาจาก Hangman เพื่อลุ้นรับรางวัลพวกเงินสด รถยนต์และอื่นๆ ตามที่รายการกำหนด ผลิตโดย โซนี่พิคเจอร์สเทเลวิชั่นสตูดิโอ และ ซีบีเอสมีเดียเวนเจอร์ส ปัจจุบันดำเนินรายการโดย แพท ซาแจ็ก กับ แวนนา ไวต์

วีลออฟฟอร์จูน
เป็นที่รู้จักกันในชื่อWheel
ประเภทเกมโชว์
สร้างโดยเมิร์ฟ กริฟฟิน
กำกับโดย
  • Jeff Goldstein
  • Dick Carson
  • Mark Corwin
  • Bob Cisneros
  • Robert Ennis
เสนอโดยพิธีกรชาย: พิธีกรหญิง:
บรรยายโดย
ผู้ประพันธ์ดนตรีแก่นเรื่อง
  • Alan Thicke
  • Merv Griffin
  • Steve Kaplan
  • Frankie Blue
  • John Hoke
ประเทศแหล่งกำเนิดสหรัฐ
ภาษาต้นฉบับอังกฤษ
จำนวนตอนมากกว่า 7,000 ตอน (ข้อมูลเมื่อ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 (2019 -05-31))[1]
การผลิต
ผู้อำนวยการผลิต
ผู้อำนวยการสร้าง
  • John Rhinehart
  • Nancy Jones
  • Harry Friedman[2]
  • Karen Griffith
  • Steve Schwartz
สถานที่ถ่ายทำ
ความยาวตอนประมาณ 22 นาที
บริษัทผู้ผลิต
ออกอากาศ
เครือข่าย
ออกอากาศ6 มกราคม ค.ศ. 1975 (1975-01-06) –
ปัจจุบัน
การแสดงที่เกี่ยวข้อง
วีล 2000
Celebrity Wheel of Fortune

ประวัติการออกอากาศ แก้

"Wheel" เริ่มออกอากาศครั้งแรกในช่วงของ Daytime ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2518 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2532 และย้ายมาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ในช่วงของ Daytime เช่นเดียวกับระยะแรกตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 ถึงวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2534 และย้ายกลับไปออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีอีกครั้งจนกว่าจะยุติออกอากาศรายการในช่วงของ Daytime อย่างเป็นทางการ แต่ที่ออกอากาศอยู่ในปัจจุบันนั้น ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของอเมริกาเท่านั้นในช่วง Daytime ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2526 เป็นต้นไป และในปัจจุบันออกอากาศเป็นซีซั่นที่ 38 อีกด้วย (ในการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น)

กระแสของรายการ แก้

"Wheel" เป็นรายการที่ติดอันดับรายการออกอากาศมาอย่างยาวนานในอเมริกา ด้วยจำนวนกว่า 6,000 ตอน และ TV Guide ได้เสนอชื่อรายการนี้ให้เป็นรายการที่มี Top rate ในปี พ.ศ. 2551 และในปี พ.ศ. 2556 นิตยสารรายการทีวีอเมริกาได้จัดให้เป็นรายการเกมโชว์ที่ดีที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 2 จาก 60 รายการทีวีในอเมริกาที่เป็นรายการเกมโชว์ และมีการซื้อลิขสิทธิ์ไปยังประเทศอื่นๆ อีกด้วย จนได้ฉายาว่า"เกมแห่งอเมริกา"

รูปแบบการแข่งขัน แก้

แบ่งออกเป็น 3 รอบ คือรอบปกติ, รอบ Toss-up, และรอบแจ๊คพอตสำหรับผู้ชนะจากรอบปกติ

รอบ Toss-up แก้

มีอยู่ในรอบปกติ 3 รอบ เริ่มด้วย 2 รอบแรกก่อนเกมรอบที่ 1 ในรอบปกติ และรอบที่ 3 ก่อนเกมรอบที่ 4 ในรอบปกติ โดยมูลค่าเงินในรอบ Toss-up จะเป็นดังนี้

  • รอบที่ 1 มีมูลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  • รอบที่ 2 มีมูลค่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  • รอบที่ 3 มีมูลค่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ

กติการอบนี้คือ จะมีประโยคปริศนาซึ่งพบเห็นจากสิ่งต่างๆ (เช่น สถานที่, เนื้อเพลงประโยคหนึ่ง, คิดว่าประโยคนี้เขาพูดว่าอะไร, อาหารหรือเครื่องดื่ม เป็นต้น) ซึ่งมีหลายช่องว่างแทนตัวอักษะหรือเครื่องหมายวรรคตอนตามตำแหน่งในประโยคที่ถูกต้อง หลังจากนั้นเราจะสุ่มให้ปรากฏตัวอักษรทีละตัวแบบไม่เรียงตำแหน่ง จนกว่าจะมีคนกดปุ่ม คนที่กดปุ่มชิงสิทธิ์ได้ก่อน จะต้องแก้ประโยคให้ถูกต้อง ถ้าแก้ไม่ถูก ตัวอักษรจะถูกนำมาเติมต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนกดปุ่มชิงสิทธิ์ตอบได้ ผู้ที่แก้ประโยคได้ถูกต้องในรอบนี้ก็จะได้รับเงินสะสมตามที่ระบุไว้ข้างบน

โดยการเล่นรอบ Toss-up นั้นจะมีผลต่อลำดับการเล่นด้วย โดยคนที่ชนะรอบ Toss-Up รอบแรกจะถูกสัมภาษณ์ก่อน ส่วนผู้ชนะในรอบ Toss-up รอบที่ 2 จะได้เล่นก่อนในรอบแรก และผู้ชนะในรอบ Toss-up รอบที่ 3 จะได้เล่นก่อนในรอบที่ 4

รอบปกติ แก้

ปัจจุบันในวงล้อจะประกอบด้วยมูลค่าในวงล้อตั้งแต่ 500-900 ดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับรอบแรก, 3,500 ดอลลาร์สหรัฐในรอบ 2-3 และ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐในรอบที่ 4 จนถึงรอบ Final Spin อย่างไรก็ดี ในวงล้อจะมีช่องพิเศษที่ให้ทั้งคุณและโทษปรับ รวมทั้งไอเทมหรือรางวัลพิเศษเฉพาะในรอบ

ช่องพิเศษที่มีทุกรอบจะประกอบด้วยช่อง Lose a Turn (พักการเล่น) 1 ช่อง, ช่อง Bankrupt (ล้มละลาย) 2 ช่อง และช่อง Free Play 1 ช่อง

ไอเทมในวงล้อจะประกอบด้วย Gift Tag ซึ่งให้รางวัลเป็นบัตรของขวัญมุลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ, Featured prize ซึ่งให้รางวัลหลากลายหลายตามเทป ซึ่งมีมูลค่าขั้นต่ำ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ, Wild Card (สำหรับเลือกตัวอักษรเพิ่ม 1 ตัวเมื่อเข้ารอบแจ๊คพอตหรือใช้เลือกตัวอักษรอีกครั้งด้วยมูลค่าเดียวกับที่หมุนวงล้อในครั้งที่แล้ว), ป้ายทะเบียน Half Car จำนวน 2 ใบ (ปรากฏในรอบที่ 2 และ 3, ถ้าสะสมครบ 2 ใบแล้วแก้ปริศนาได้ จะได้รางวัลเป็นรถยนต์ 1 คัน และถ้ามีคนเก็บป้ายทะเบียนในรอบที่ 2 แล้วรางวัลรถยนต์ยังไม่แจก ป้ายทะเบียนใหม่จะถูกวางไว้ที่เดิม แต่ป้ายทะเบียนที่สะสมไว้จะไม่หายไป) และ Million Dollar Wedge ซึ่งเปลี่ยนมูลค่าแจ็คพอตจาก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ในรอบแจ๊คพอต

เริ่มเล่นจะมีช่องว่างหลายๆ ช่องซึ่งหมายถึงประโยคปริศนา (ให้ 1 ช่องเท่ากับ 1 ตัวอักษรหรือเครื่องหมายวรรคตอน 1 ตัว) แต่จะมีให้เฉพาะเครื่องหมายวรรคตอนเท่านั้น รวมทั้งตัว & ด้วย จากนั้นคนที่มีมูลค่าสูงสุด (จากรอบ Toss-up) จะต้องหมุนวงล้อเป็นคนแรก หมุนได้เท่าไหร่จะต้องเลือกตัวอักษรมา 1 ตัวที่คิดว่าปรากฏในประโยคภายใน 5 วินาที เพื่อนำมูลค่าจากวงล้อที่หมุนได้ไปคูณกับจำนวนตัวอักษรที่เลือกแล้วปรากฏในประโยค (เช่น หมุนได้ 500 ดอลลาร์สหรัฐ เลือกตัว M แล้ว M มีในประโยค 3 ตัว จะสะสมได้ 500 x 3 = 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ) และจะได้เลือกว่าจะซื้อสระหรือหมุนต่อ แต่ถ้าซื้อสระจะต้องโดนหักเงินที่สะสมเป็นเงิน 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง (สระประกอบด้วย A, E, I, O และ U) และสามารถเลือกสระได้หลายตัวจนกว่าสระที่มีในประโยคถูกนำมาเติมในประโยคปริศนาหมดแล้ว แต่ถ้าเลือกตัวใดๆ แล้วไม่พบในประโยค ก็จะเสียเทิร์นเล่นให้อีกคนทันที ถ้าหมุนวงล้อลงที่ช่องใดๆ ที่มีไอเทม แล้วหาตัวอักษรใดๆ แล้วเจอ ก็จะสามารถหยิบไอเทมมาสะสมเพิ่มในขณะนั้นได้ และจะได้เงินรางวัล 500 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อตัวอักษรที่มีอยู่ในปริศนานั้น และไอเทมจะครอบครองได้ตลอดถ้าตอบได้ทั้งประโยคในรอบนั้นๆ ยกเว้น Wild Card ที่จะหายไปก็ต่อเมื่อใช้งาน หรือหมุนได้ช่องล้มละลาย (ไอเทมที่ตัวผู้เล่นได้ครอบครองจะยังไม่เป็นของผู้นั้นอย่างถาวร ซึ่งถ้าไปล้มละลายตอนไหนก็ตามในรอบนั้น ไอเทมที่ถือครองอยู่จะหายไป) แต่ถ้าหมุนวงล้อต่อแล้วได้ช่องพิเศษ จะเกิดผลดังนี้

  1. ถ้าหมุนได้ช่อง Free Play จะมีสิทธิ์เลือกว่าจะทายตัวอักษรในมูลค่า 500 ดอลลาร์สหรัฐ, ซื้อสระฟรี, หรือแก้ปริศนาเลย ซึ่งในช่องนี้ ถ้าตอบผิดจะไม่เสียเทิร์นการเล่น
  2. ถ้าหมุนได้ช่อง Lose a Turn (พักการเล่น) จะเสียเทิร์นเล่นให้อีกคนต่อไปทันที (เช่น นาย ก.หมุนครั้งต่อไปได้ช่อง Lose a Turn (พักการเล่น) ก็จะทำให้เทิร์นของนาย ก.กลายเป็นของนาย ข. ไปแทน)
  3. ถ้าหมุนได้ช่อง Bankrupt (ล้มละลาย) นอกจากจะเสียเทิร์นเล่นแล้ว จะทำให้มูลค่าที่สะสมอยู่ในขณะนี้พร้อมกับไอเทมที่ตนเองครอบครองก็จะหายไป แต่จะไม่ส่งผลต่อเงินและรางวัลที่ชนะมาจากรอบที่แล้ว (เช่น ขณะนี้ผู้เล่น ก. สะสมเงินอยู่ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐในรอบปัจจุบัน และ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐจากรอบที่แล้ว และมีไอเทม Half Car 1 อัน, ไอเทม Million Dollar Wedge แล้วไปหมุนวงล้อลงที่ช่อง Bankrupt (ล้มละลาย) ก็จะทำให้เทิร์นของนาย ก.ในตอนนี้กลายเป็นของนาข ข. ทันที และทำให้เงินรางวัลที่สะสมอยู่ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐของนาย ก. พร้อมกับไอเทม Half Car 1 อัน, ไอเทม Million Dollar Wedge ของตนเองสูญหายไป แต่เงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์สหรัฐจากรอบที่แล้วจะไม่สูญหายไป)

ในเทิร์นของผู้เล่น ผู้เล่นสามารถแก้ประโยคได้เมื่อต้องการ ถ้าแก้แล้วถูก เงินที่สะสมอยู่พร้อมกับของรางวัล/ไอเทมทั้งหมดที่ตนครอบครองไว้จะเป็นของผู้เล่นคนนั้นทันที (ส่วนผู้เล่นที่เหลือที่ไม่ได้แก้ประโยคถูกต้อง มูลค่าที่สะสมก็จะหายไปในรอบนั้น ยกเว้น Wild Card ที่จะไม่หายไป) แต่ถ้าแก้ไม่ถูกจะเสียเทิร์นเล่นไปยังอีกคนตามปกติ

ในรอบที่ 2 จะเป็นรอบ Mystery ซึ่งมีช่อง Mystery อยู่ 2 ช่อง แต่ละช่องด้านหน้าจะให้มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ถ้าหมุนได้ช่องนี้แล้วตอบถูกแต่ไม่เลือกหยิบ ส่วนด้านหลังจะมีทั้งให้ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ กับ Bankrupt (ล้มละลาย) ถ้าหมุนได้ช่องดังกล่าว ตอบถูกแล้วเลือกหยิบสิ่งนี้ ถ้าช่อง Mystery ช่องใดช่องหนึ่งถูกหยิบแล้ว จะไม่สามารถหยิบช่อง Mystery อีกช่องได้จนจบรอบ

ในรอบที่ 3 จะเป็นรอบ Prize Puzzle ซึ่งให้รางวัลแก่ผู้ที่แก้ประโยครอบนี้ถูกต้องเพียงผู้เดียวโดยจะรู้หลังจบรอบนี้ และจะมีช่อง Express ใครหมุนได้ช่อง Express จะต้องเลือกตัวอักษรให้เจอ จึงจะได้เงินรางวัล 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อตัวอักษรที่มีอยู่ในปริศนานั้น และมีสิทธิ์เลือกว่าจะเล่นโหมด Express หรือไม่ ถ้าเล่น กติกาก็คือ จะต้องเลือกตัวอักษรให้เจอในแต่ละครั้งและตอบทันภายในเวลาที่กำหนด เพื่อนำ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐไปคูณกับตัวอักษรที่ตอบได้ในแต่ละครั้งของรอบนี้โดยที่ไม่ต้องหมุนวงล้อ ถ้าตอบทั้งประโยคได้ในโหมดนี้ก็จะเก็บสะสมจากทั้งหมดในขณะนั้นของรอบนี้ไป ถ้าพลาดแม้แต่ครั้งเดียวในโหมดนี้ ก็จะล้มละลายทันที เงินและไอเทมที่สะสมอยู่ในขณะนี้ก็จะหายไปด้วย และคนต่อไปก็จะได้เล่นแทนในโหมดปกติ

ตั้งแต่รอบที่ 4 ไอเทมทั้งหมดในวงล้อจะถูกเอาออก และเมื่อใกล้หมดเวลาจะมี Final Spin ซึ่งเมื่อเสียงระฆังดังขึ้น ก็จะเข้ารอบดังกล่าวและคนที่หมุนวงล้อจะเป็นพิธีกรเพียงผู้เดียวโดยตัวหยุดจะอยู่ที่ลูกศรสีแดงเสมอ (ปัจจุบันมักเริ่มเมื่อเปิดเผยโจทย์เสร็จสิ้นแล้ว)

หมายเหตุ: ในรอบที่ 1-3 รูปแบบรอบการเล่นในรอบปกติอาจเปลี่ยนแปลงบางส่วนได้ตามความเหมาะสมของทางรายการ

ในในอดีตจะมีช่อง Jackpot ในรอบที่ 1 กติกาคือ ถ้าใครหมุนวงล้อได้ช่อง Jackpot คนนั้นจะต้องเลือกตัวอักษรให้เจอแล้วต้องตอบทั้งประโยคให้ถูกทันที จึงจะได้รางวัลแจ็คพอตซึ่งจะเรื่มต้นที่ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ และจะเพื่มมูลค่าตามช่องที่หมุนลง จนจบรอบ

กติกา Final Spin แก้

เมื่อพิธีกรหมุนได้มูลค่าเท่าไหร่ ให้นำมูลค่าที่ได้ไปบวกกับ 1,000 ดอลลาร์ก่อน และในรอบนี้จะไม่มีการเสียเงินสะสมปัจจุบันเมื่อซื้อสระ เมื่อถึงเทิร์นใดๆ ของคุณให้เลือกตัวอักษรหรือสระมา 1 ตัวให้ทันภายใน 3 วินาที ถ้าปรากฏให้นำมูลค่าดังกล่าวข้างต้นในรอบนี้ไปคูณกับตัวอักษรที่ผู้เล่นเลือกแล้วพบในประโยค และต้องตอบให้ถูกทั้งประโยคให้ได้ภายในเวลาเดียวกันกับตอนเลือกตัวอักษร ถ้าไม่มีหรือตอบทั้งประโยคไม่ได้ เทิร์นต่อไปจะเป็นของอีกคนทันที จนกว่าจะมีคนแก้ประโยคได้ถูกต้อง

การได้รับเงินรางวัล แก้

เมื่อผู้เล่นเล่น Final Spin จบแล้วจะมีการสรุปรางวัลที่ได้รับกลับไป ผู้ที่มีมูลค่ารวมสูงสูดในการแข่งขันจะได้ไปเล่นรอบแจ๊คพอตสะสมเงินรางวัลเพิ่ม ส่วนที่เหลือจะได้รับตามที่สะสมมาทั้งหมดกลับบ้านไป แต่ถ้าเกิดเสมอกับใคร จะต้องเล่นคำถาม Toss-up มูลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อหาผู้มีมูลค่าสูงกว่า แต่ถ้าใครไม่มีมูลค่าสะสมเลย ก็จะได้รับรางวัลปลอบใจเป็นเงินสด 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ในกรณีผู้ที่เข้ารอบแจ๊คพอตมีไอเทม Million Dollar Wedge ก็จะเปลี่ยนมูลค่าสูงสุดเป็น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐแทนที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

รอบแจ๊คพอต แก้

ผู้ที่ผ่านเข้ารอบมาจากรอบปกติจะต้องหมุนวงล้อขนาดเล็กซึ่งมีมูลค่าซ่อนอยู่ 24 ช่องทั้งหมดในวงล้อนี้ เมื่อวงล้อหยุดที่ช่องไหน ให้หยิบซองจากช่องนั้นมาให้พิธีกร หลังจากนั้น จะพบกับประโยคปริศนา ซึ่งมีให้เฉพาะเครื่องหมายวรรคตอน, & และใน R S T L N และ E เท่านั้น หลังจากนั้น ผู้เล่นต้องเลือกตัวอักษรมา 3 ตัว (4 ตัวสำหรับคนที่มี Wild Card อยู่ในครอบครองและไม่ได้ใช้ไปจากรอบปกติ) และเลือกตัวอักษรสระมา 1 ตัว จากนั้นจะแสดงตัวที่เลือกมาให้ปรากฏในประโยค แล้วต้องแก้ให้เป็นประโยคที่ถูกต้องภายในเวลา 10 วินาที ถ้าแก้ได้ถูกต้องภายในเวลาดังกล่าวก็จะได้รับรางวัลจากซองที่หยิบออกมา (ซึ่งจะมีมูลค่าตั้งแต่ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐถึง และสูงสุดอยู่ที่ 100,000 หรือ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในกรณีที่ได้แผ่นป้าย Million Dollars มาจากในรอบปกติ) และมีซองที่ให้รางวัลเป็นรถยนต์ 1 คันอยู่ในนั้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ตลอดการออกอากาศรายการ มีผู้คว้าแจ๊คพอต 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาได้ 3 คน ได้แก่ Michelle Loewenstein (ในเทปวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551), Autumn Erhard (ในเทปวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556) และ Sarah Manchester (ในเทปวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557)

กติกาเก่า (สมัยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ในช่วง Daytime) แก้

เริ่มเกมทางรายการจะมีประโยคปริศนามาให้ และคนที่เป็นผู้เข้าแข่งขันสีแดงจะได้หมุนวงล้อก่อน ทุกครั้งที่หมุนวงล้อได้ช่องที่มีเงินอยู่ จะต้องเลือกตัวอักษร 1 ตัว (ที่ไม่ใช่อักษรสระ) และทุกๆ ครั้งที่เลือกตัวอักษรแล้วหาเจอในโจทย์ ก็จะสะสมได้จากมูลค่าเงินที่หมุนมาได้ คูณกับจำนวนตัวอักษรดังกล่าว (มูลค่าเงินจะมีตั้งแต่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ) และทุกๆ ครั้งที่เลือกแล้วไม่พบในโจทย์ คนต่อไปก็จะได้เล่นแทน แต่ถ้าหมุนได้ช่อง BUY VOWEL ผู้เข้าแข่งขันจะมีสิทธิ์ซื้อสระได้โดยถูกหักครั้งละ 250 ดอลลาร์สหรัฐจากเงินที่สะสมอยู่ และสามารถตอบทั้งประโยคได้เพื่อเก็บเงินที่สะสมอยู่มาเป็นของตนเพื่อเลือกจับจ่ายเลือกของรางวัลที่ผู้เข้าแข่งขันอยากได้มาเป็นของผู้เข้าแข่งขันคนนั้น โดยราคาของรางวัลจะปรากฏบนหน้าจอโทรทัศน์แบบเลื่อนขึ้นไปช้าๆ เล่นแบบนี้จนครบ 4 รอบ

ในรอบที่ 4 ในวงล้อจะเพิ่มช่องล้มละลายเป็น 2 ช่อง

อ้างอิง แก้

  1. "Wheel of Fortune: Pat Sajak and Vanna White on retirement, gaffes, their 7,000th show". Wheel of Fortune. ฤดูกาล 36. ตอน 7000. 10 May 2019. Syndicated. สืบค้นเมื่อ 12 May 2019. 'It’s our 7,000th show,' Sajak says to applause at the start of Friday's milestone episode.
  2. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Friedman