วิปลาส
วิปลาส อ่านว่า วิ-ปะ-ลาด มาจากคำบาลีว่า วิปลาโส หมายถึง ความรู้เห็นที่คลาดเคลื่อน หรือความรู้เข้าใจอันผิดเพี้ยน ไปจากความเป็นจริง[1] ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานก็ได้ให้ความหมายของวิปลาสไว้ว่า "คลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ"[2]
ซึ่งวิปลาสในทางพระพุทธศาสนานั้นมี 3 ลักษณะคือ
1. สัญญาวิปลาส คือ สัญญาผิดเพี้ยน เกิดขึ้นจากการให้สัญญะ หรือการสมมุติความหมาย ให้แก่สิ่งต่างๆ ว่าเป็นนั่นเป็นนี่ อย่างไม่ระวัง จนจิตเข้าไปยึดติดถือมั่นในสัญญะเหล่านั้น เช่น มีคนน้ำขวดน้ำเปล่าวางไว้หน้าเรา แล้วบอกว่าเขายกให้เป็นของเรา ต่อมามีคนมาหยิบไปดื่ม เราอาจรู้สึกไม่พอใจว่าทำไมไม่ขออนุญาตเราก่อน นี่คือความเร็วของการยึดติด ทั้งที่ขวดน้ำแต่ก่อนไม่ได้เป็นของเรา เรากำหนดสัญญะใส่ขวดน้ำทันทีว่าขวดน้ำนี้เป็นของเรา จึงเกิดการยึดติดขึ้น บางครั้งอาจเกิดจากความทรงจำผิดเพี้ยน เช่นการโกหกตัวเองให้เชื่อแบบนั้นทั้งที่สิ่งนั้นอาจไม่เคยเกิดขึ้นจริง หรือความทรงจำเสื่อม จนความทรงจำบางอย่างหรือทักษะบางอย่างหายไป รวมถึงการตีความสัญลักษณ์ผิด เช่น เห็นเชือกคิดว่างู เป็นต้น การฝังใจจากประสบการณ์พิเศษในอดีต
2. จิตตวิปลาส คือ ความคิดผิดเพี้ยน เกิดจากการไม่ระวังในการคิด คิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด จนทำให้จิตมีอารมณ์แปรปรวนเกิดอารมณ์ลักษณะต่างๆขึ้นมา เพราะจิตเชื่อในความคิดเหล่านั้นที่ปรุงแต่งขึ้นมา เมื่อมีผัสสะมากระทบจิตก็ปรุงแต่งไปตามความคิดที่ไม่ระวังนั้นในที่สุด ทั้งที่อาจเป็นความคิดที่ไร้เหตุผล ไม่มีประโยชน์ใดๆ หรือไม่ใช่เรื่องจริง ไร้หลักฐาน การคิดไปเอง ต่อยอดความคิดไปในทางที่ผิด ไม่เกิดประโยชน์ เคยชินคิดฟุ้งซ่านมากกว่าการมีสมาธิมีสติมีสัมปชัญญะในกิจหน้าที่ ซึ่งแก้ได้ด้วยการไม่คิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด มีสมาธิในสิ่งที่ทำ การฝึกควบคุมความคิดให้ดี การคิดในสิ่งที่ดี เป็นธรรม เป็นกุศล เกิดปัญญา เท่านั้น จิตตวิปลาสเกิดจากตัณหา คือ ทะยานอยาก ยินดี ไม่ยินดี ในสังขารและวิญญาณอันเป็นเหตุเกิดจิตตวิปลาส แล้วจึงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น(อุปาทาน) ในสังขารและวิญญาณนั้น จึงเกิดวิปลาสขึ้น เมื่อมีสติเท่าทันในตัณหาและอุปาทานย่อมกำจัดจิตตวิปลาสลงเสียได้
3. ทิฏฐิวิปลาส คือ ความคิดเห็นผิดเพี้ยน ได้แก่ความเชื่อ ค่านิยม ทัศนคติ ความเข้าใจ ที่ผิดเพี้ยนไป เกิดจากความด้อยปัญญาของจิต ที่ไม่พิจารณาสิ่งต่างๆให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ด้วยปัญญาตามเหตุผล จึงเกิดความเห็นผิดในสิ่งต่าง เเละเชื่อ ปฏิบัติตัว ปกป้องรักษายึดมั่นในความเห็นผิดนั้น หรือหวั่นไหวต่อสิ่งเร้าต่างๆ ที่เข้ามา เพราะขาดการพิจารณาจนเห็นความจริง เช่น หวั่นไหวต่อความงาม เพราะไม่พิจารณาอสุภะว่าร่างกายเป็นของไม่สะอาด ไม่พิจารณาโทษจากการครองเรือน ให้มากพอถี่ถ้วนจนจิตสิ้นสงสัยในสิ่งนั้น ดังนั้น จิตจึงด้อยปัญญาหวั่นไหวในความงามได้ เป็นต้น
อนุสัยขั้นต่ำทั้ง 2 คือ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา จัดเป็นสัญญาวิปลาส
อนุสัยขั้นกลางทั้ง 2 คือ กามราคะ ปฏิฆะ จัดเป็นจิตตวิปลาส
อนุสัยขั้นสูงทั้ง 3 คือ ภวราคะ มานะ อวิชชา จัดเป็นทิฏฐิวิปลาส
ในวิปลาสกถากล่าวว่า ทิฏฐิวิปลาสมีกำลังมากกว่าจิตตวิปลาส และจิตตวิปลาสมีกำลังมากกว่าสัญญาวิปลาส
ประเภท
แก้วิปลาสทั้ง 3 ลักษณะนี้ แต่ละลักษณะ มีทั้งสิ้น 4 ประเภท คือ
- นิจจวิปลาส วิปลาสในสิ่งที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง
- สุขวิปลาส วิปลาสในสิ่งที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข
- อัตตวิปลาส วิปลาสในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน ว่าเป็นตัวตน
- สุภวิปลาส วิปลาสในสิ่งที่ไม่งาม ว่างาม
รวมทั้งสิ้นเป็น 12 วิปลาส
ในวิปลาสสูตรกล่าวว่า
- กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ละสุภวิปลาส
- เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ละสุขวิปลาส
- จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ละนิจจวิปลาส
- ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ละอัตตวิปลาส
- สุภสัญญาวิปลาส พระอนาคามีละได้
- สุขสัญญาวิปลาส พระอรหันต์ละได้
- นิจจสัญญาวิปลาส พระโสดาบันละได้
- อัตตสัญญาวิปลาส พระโสดาบันละได้
- สุภจิตตวิปลาส พระอนาคามีละได้
- สุขจิตตวิปลาส พระอรหันต์ละได้
- นิจจจิตตวิปลาส พระโสดาบันละได้
- อัตตจิตตวิปลาส พระโสดาบันละได้
- สุภทิฏฐิวิปลาส พระโสดาบันละได้
- สุขทิฏฐิวิปลาส พระโสดาบันละได้
- นิจจทิฏฐิวิปลาส พระโสดาบันละได้
- อัตตทิฏฐิวิปลาส พระโสดาบันละได้
- พระโสดาบันและพระสกทาคามี ละวิปลาสได้ 8 ประเภท คือ สัญญาวิปลาส 2 คือ อัตตสัญญาวิปลาส และนิจจสัญญาวิปลาส จิตตวิปลาส 2 คือ อัตตจิตตวิปลาส และนิจจจิตตวิปลาส ทิฎฐิวิปลาสทั้ง 4 ประเภท
- พระอนาคามี ละวิปลาสได้อีก 2 คือ สุภสัญญาวิปลาส และสุภจิตตวิปลาส
- พระอรหันต์ ละวิปลาสที่เหลือทั้งหมดอีก 2 คือ สุขสัญญาวิปลาส และสุขจิตตวิปลาส
อ้างอิง
แก้- ↑ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม 2546.
- ↑ "พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-03. สืบค้นเมื่อ 2010-03-13.