วัดเจ็ดลิน
วัดเจ็ดลิน เดิมเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนปีพุทธศักราช 2060 จากเอกสารการค้นคว้าของคุณวัลลภ นามวงศ์พรหม คณะกรรมการประสานงานพัฒนาวัดเจ็ดลิน[1]และโคลงนิราศหริภุญไชย[2]
วัดเจ็ดลิน | |
---|---|
เดิมเป็นวัดร้าง ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2545 | |
ชื่อสามัญ | วัดเจ็ดลิน |
ที่ตั้ง | ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200 |
ประเภท | วัดราษฏ์ |
เจ้าอาวาส | พระมหาวิษณุ จารุธรรมโม |
ความพิเศษ | เป็นสถานที่ประกอบพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษกกษัตริย์ล้านนาในอดีต |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
ตามประวัติกล่าวว่า กษัตริย์ราชวงศ์มังรายก่อนจะขึ้นเสวยราชย์ทุกพระองค์ จะทรงผ้าชุดขาว (นุ่งขาวห่มขาว) ณ วัดผ้าขาว จากนั้นจะเสด็จ ไปสะเดาะเคราะห์ ณ วัดหมื่นตูม และจะเสด็จมาประกอบพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษก ณ หนองน้ำวัดเจ็ดลิน ซึ่งจะมีรางน้ำ เรียกว่า "ลิน" ทำด้วยทองคำ หลั่งน้ำพุทธาภิเษกจากสุวรรณหอยสังข์ หล่อลงรางลินทำด้วยคำทั้ง 7 เพื่อสรงพระวรกาย แล้วจึงเปลี่ยนเครื่องทรงกษัตริย์ขึ้นเสวยราชย์ต่อไป
ในสมัย เจ้าแม่ฟ้ากุ ก่อนขึ้นเสวยราชย์ได้ทำพิธีราชาภิเษก โดยเสด็จ ไปสรงน้ำพระที่ วัดเจ็ดลิน "คำเชิญกษัตริย์เจ้า ไปลอยเคราะห์นอนหั้นแล 3 วัน แล้วไปอุสสาราช หล่อน้ำพุทธาภิเษกสุคนธาด้วยสุวรรณหอยสังข์ที่วัด 7 ลินคำ หั้นแล….."
ในอดีตวัดเจ็ดลินเคยรุ่งเรืองมาก ทราบได้จากหลักฐานโฉนดที่ดินในปี พ.ศ. 2482 ว่ามีเนื้อที่ 7 ไร่เศษ แต่ต่อมากลายเป็นวัดร้าง
ต่อมาได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2545 โดยพระเทพวรสิทธาจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ภายในวัดมีหนองน้ำขนาดใหญ่สภาพสมบูรณ์อยู่กลางวัด
จากนั้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2546 พระญาณสมโพธิ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้รับมอบหมาย จากคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นประธานพัฒนาฟื้นฟูวัดเจ็ดลิน และขอยกเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญ พระชนมพรรษา 6 รอบ72 พรรษา และพัฒนาหนองน้ำที่กว้างให้คงเป็น หนองน้ำที่ใสสะอาดสวยงาม ให้คงเป็นหนองน้ำแห่งประวัติศาสตร์คู่เมืองเชียงใหม่
ปัจจุบันพระมหาวิษณุ จารุธัมโม ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเจ็ดลิน
เจดีย์
แก้ลักษณะขององค์พระเจดีย์ เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม ประกอบด้วยฐานหน้ากระดาน 3 ชั้น รองรับฐานบัวย่อเก็จแบบพิเศษ ที่ประกอบด้วยฐานบัวลูกแก้ว 2 ฐานซ้อนอยู่ในฐานเดียวกัน ลักษณะฐานเช่นนี้ เป็นแบบแผนที่พบในสมัยพุทธศตวรรษที่ 21 ลงมา เหนือขึ้นไปเป็นฐานหน้ากระดานย่อเก็จ 3 ชั้น รองรับเรือนธาตุ ที่ซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ ( พระพุทธรูปในซุ้ม 4 องค์นั้นไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เก็บรักษาไว้ เหลือแต่ซุ้มเปล่า)
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2547 อาจารย์พรศิลป์ รัตนชูเดช อาจารย์มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ วัดสวนดอก พร้อมคณะ ได้เป็นเจ้าภาพพระพุทธรูปหินผสมทรายนำมาจากจังหวัดพะเยา นำขึ้นไปบรรจุไว้ที่ซุ้มพระเจดีย์ทั้ง 4 ด้าน เหนือเรือนธาตุขึ้นไปเป็นมาลัยเถาขนาดใหญ่ชำรุด รองรับองค์ระฆังขนาดเล็ก ยอดชำรุด สันนิษฐานว่าเจดีย์องค์นี้ควรมีอายุ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 21 ลงมา ( สุรพล ดำริห์กุล อธิบาย ในรายการวิจัย “ วัดร้างในเวียงเชียงใหม่ หน้า 32 )
ลวดลายที่ตกแต่งองค์เจดีย์ มีลักษณะเหมือนลวดลายที่ตกแต่งซุ้มประตูและเจดีย์องค์ใหญ่ที่ใช้เป็นที่บรรจุพระอัฐิของพญาติโลกราช วัดเจ็ดยอด สันนิษฐานว่าจะได้รับอิทธิพลจากวัดเจ็ดยอด และวัดโลกโมฬี ( สัมภาษณ์ มารุต อมรานนท์ มหาวิทยาลัยนครินทรวิโรฒบางแสน ๒๕๒๘ โดย ผู้เขียน)[3]
สถิติพระภิกษุ สามเณร พ.ศ. 2546-2555
แก้พ.ศ. | พระภิกษุ | สามเณร | ศิษย์วัด |
---|---|---|---|
2546 | 5 | 11 | 4 |
2547 | 8 | 27 | 5 |
2548 | 18 | 24 | 5 |
2549 | 17 | 20 | 5 |
2550 | 9 | 34 | 5 |
2551 | 12 | 29 | 5 |
2552 | 12 | 21 | 5 |
2554 | 11 | 21 | 3 |
2555 | 11 | 30 | 3 |
ประเพณีประจำปี
แก้ในวันสงกรานต์ วัดเจ็ดลินได้จัดกิจกรรม "เจดีย์ทรายสุดส้าว" ซึ่งเป็นเจดีย์ก่อจากทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก[5]
ประมวลภาพบรรยากาศภายในวัดเจ็ดลิน
แก้-
พระพุทธรูปประดิษฐานในวิหารของวัดเจ็ดลิน
อ้างอิง
แก้