ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน หอคอยคู่พิฆาต

ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ หอคอยคู่พิฆาต หรือ ศึกหอคอยคู่กู้พิภพ (อังกฤษ: The Lord of the Rings: The Two Towers) เป็นนิยายภาคที่สองของนิยายไตรภาคชุด เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซึ่งประพันธ์โดย เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน โดยภาคแรกคือตอน มหันตภัยแห่งแหวน และภาคที่สามคือตอน กษัตริย์คืนบัลลังก์

ความเป็นมา และข้อมูลการตีพิมพ์ แก้

เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งจากบทประพันธ์เรื่อง เดอะฮอบบิท ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1937 จนทางสำนักพิมพ์ต้องขอให้โทลคีนเขียนนิยายใหม่ส่งมาอีก ในตอนแรกโทลคีนพยายามส่งเรื่อง ซิลมาริลลิออน ที่เป็นผลงานที่เขารักและทุ่มเทประพันธ์มาโดยตลอด ให้สำนักพิมพ์พิจารณา แต่สำนักพิมพ์ไม่ชอบ สำนักพิมพ์บอกว่าผู้อ่านต้องการเรื่อง 'การผจญภัย' และขอให้โทลคีนแต่งภาคต่อของเดอะฮอบบิท แต่โทลคีนไม่ต้องการเขียนเรื่องผจญภัยแบบเด็กๆ แบบนั้นอีก ในที่สุดโทลคีนก็วางโครงเรื่องใหม่ โดยใช้แหวนที่บิลโบ แบ๊กกิ้นส์ ตัวเอกในเรื่องเดอะฮอบบิท ได้มาด้วยความบังเอิญในระหว่างการเดินทาง มาใช้เป็นแกนของเรื่องใหม่ และนำเอาเรื่องราวตำนานในซิลมาริลลิออน มาเป็นฉากหลังของเรื่อง เขาวางพล็อตให้นิยายเรื่องใหม่มีความจริงจังมากขึ้น จนเมื่อผ่านไป 17 ปี นิยายเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ จึงได้ปรากฏโฉมสู่บรรณพิภพ

เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน หอคอยคู่พิฆาต ออกจำหน่ายครั้งแรกในประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1955 ส่วนนิยายฉบับแปลภาษาไทย แปลโดย คุณวัลลี ชื่นยง ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แพรวเยาวชน เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2545

ที่มาของชื่อ แก้

แต่เดิมโทลคีนไม่ได้ตั้งใจจะแยกหนังสือออกเป็นสามภาค ดังนั้นจึงไม่ได้ตั้งชื่อตอนย่อยแต่ละตอนไว้ เมื่อทางสำนักพิมพ์จัดการตีพิมพ์แยกออกเป็นสามเล่ม จึงคิดตั้งชื่อขึ้นในภายหลัง จากบันทึกท้ายเล่มที่หนึ่ง ประกอบกับภาพวาดส่วนตัวของโทลคีน สื่อว่า "หอคอยคู่" น่าจะหมายถึง หอคอยออร์ธังค์ และหอคอยมินัสมอร์กูล ซึ่งเป็นจุดขมวดปมเรื่องในภาคแรก แต่ในจดหมายของโทลคีนที่เขียนถึง เรย์เนอร์ อันวิน เขาเอ่ยถึง "หอคอยคู่" ว่าเป็นหอคอยออร์ธังค์ กับหอคอยคิริธอุงโกล

อย่างไรก็ดี "หอคอยคู่" อาจหมายถึงหอคอยคู่ใดคู่หนึ่งในจำนวน 5 หอคอยต่อไปนี้ คือ คิริธอุงโกล ออร์ธังค์ มินัสทิริธ บารัดดูร์ และ มินัสมอร์กูล

เนื้อหาโดยย่อ แก้

เล่ม 3 แก้

ขณะที่อารากอร์นกำลังตามหาโฟรโด เขาได้ยินเสียงเป่าเขาของโบโรเมียร์ ซึ่งต่อสู้กับพวกออร์คจนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส โบโรเมียร์แจ้งข่าวให้อารากอร์นทราบก่อนสิ้นชีวิตว่า พวกออร์คจับตัวเมอร์รี่และปิ๊ปปิ้นไปเสียแล้ว ส่วนโฟรโดหายตัวไปก็เพราะตัวเขาเองพยายามจะแย่งแหวนมา โบโรเมียร์ขอร้องให้อารากอร์นช่วยอาณาจักรกอนดอร์ บ้านเกิดของเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือเซารอนด้วย อารากอร์น เลโกลัสและกิมลี ให้เกียรติแก่ศพของโบโรเมียร์อย่างสูง โดยทำพิธีศพให้ลอยไปในลำน้ำพร้อมกับเรือ

พวกเขาทั้งสามตัดสินใจออกติดตามเมอร์รี่กับปิ๊ปปิ้น ซึ่งต่อมาได้หลบหนีจากการจับกุมของพวกออร์คได้ โดยความช่วยเหลือที่ไม่ได้ตั้งใจของทหารม้าโรฮัน ฮอบบิททั้งสองหนีเข้าไปในป่าฟังกอร์น และได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่งในโลก คือพวก เอนท์ หรือ 'พฤกษบาล' ซึ่งมี ทรีเบียร์ด เป็นหัวหน้า พวกเขาร่วมมือกันต่อต้านอำนาจชั่วร้ายของซารูมาน ซึ่งกลายไปเป็นฝ่ายมืดและโค่นทำลายต้นไม้ลงจำนวนมาก

อารากอร์น เลโกลัส และกิมลี ไล่ติดตามพวกออร์คไปจนถึงจุดที่พวกมันถูกเผาทำลาย แต่อารากอร์นพบร่องรอยเล็กๆ ของฮอบบิทที่หนีเข้าไปในป่าฟังกอร์น พวกเขาติดตามเข้าไปในป่า และได้พบกับ 'พ่อมดขาว' ซึ่งเมื่อแรกเข้าใจว่าเป็นซารูมาน แต่ที่แท้แล้วกลับเป็นแกนดัล์ฟ ผู้กลับฟื้นคืนมาใหม่หลังจากการต่อสู้กับบัลร็อก ใน เหมืองมอเรีย แล้วทั้งสี่จึงเดินทางไปยังเอโดรัส นครหลวงของโรฮัน แกนดัล์ฟช่วยแก้ไขให้กษัตริย์เธโอเดน หลุดพ้นจากอำนาจควบคุมของซารูมาน แล้วขับไล่สายลับของซารูมานคือ กริม่า เวิร์มทัง ออกจากเมืองไป

อารากอร์น เลโกลัส และกิมลี เดินทางไปกับกองทัพและประชาชนชาวโรฮัน ไปยังป้อมฮอร์นเบิร์ก ซึ่งอยู่ในหุบเขาเฮล์มสดีพ ขณะที่แกนดัล์ฟเดินทางไปเจรจากับเหล่าเอนท์ที่ไอเซนการ์ด ที่ป้อมฮอร์นเบิร์กเกิดการรบใหญ่ระหว่างฝ่ายมนุษย์กับทัพออร์คของซารูมาน แกนดัล์ฟกลับมายังฮอร์นเบิร์กพร้อมกับกองกำลังของเอโอแมร์ หลานชายของกษัตริย์เธโอเดนที่ถูกขับไล่ออกจากเมืองไปก่อนหน้านี้ พวกออร์คถูกตีต้านจนต้องหนีเข้าไปในป่าฮูออร์น ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตอีกประเภทหนึ่งคล้ายกับเอนท์ และไม่มีออร์คตัวไหนหนีรอดกลับมาได้เลย ทัพโรฮันและกลุ่มของอารากอร์นจึงมุ่งหน้าไปยังไอเซนการ์ด

พวกเขาไปถึงไอเซนการ์ดและได้พบเมอร์รี่ ปิ๊ปปิ้น และเหล่าเอนท์ ที่ได้ยึดไอเซนการ์ดไว้ได้หมดแล้ว โดยขังซารูมานกับกริม่า เวิร์มทัง ไว้ภายใน แกนดัล์ฟพยายามเกลี้ยกล่อมให้ซารูมานกลับใจ แต่ไม่เป็นผล เขาจึงถอดซารูมานออกเสียจากคณะของพ่อมด กริม่าขว้างสิ่งของบางอย่างใส่แกนดัล์ฟ ซึ่งพวกเขาพบว่าที่แท้มันคือหนึ่งในพาลันเทียร์ 'ศิลาส่องหล้า' ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปิ๊ปปิ้นจึงเพ่งมองเข้าไปในพาลันเทียร์ และได้เผชิญหน้ากับเซารอน แกนดัล์ฟกับปิ๊ปปิ้นจึงเร่งรุดเดินทางไปยังนครมินัสทิริธ เพื่อเตรียมรับมือกับสงครามที่กำลังจะมาถึง

เล่ม 4 แก้

โฟรโดกับแซม จับได้ว่ากอลลัมลอบติดตามพวกเขามาโดยตลอดเส้นทางสู่ใจกลางมอร์ดอร์เพื่อทำลายแหวนเอก กอลลัมตั้งใจจะลอบขโมยแหวนคืนมา ซึ่งแซมไม่ไว้ใจกอลลัมเลย แต่โฟรโดมองดูกอลลัมด้วยความสงสาร และยอมให้กอลลัมนำทางพวกเขาไปตามเส้นทางลับเพื่อเข้าสู่มอร์ดอร์ กอลลัมพาไปจนถึงหน้าประตูดำแห่งมอร์ดอร์ แต่แล้วก็เกลี้ยกล่อมไม่ให้ฮอบบิททั้งสองเข้าไปทางนั้น เพราะจะต้องถูกจับตัวอย่างแน่นอน กอลลัมพาพวกเขาอ้อมลงมาทางใต้ ผ่านแคว้นอิธิลิเอนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกอนดอร์ แล้วถูกฟาราเมียร์ น้องชายของโบโรเมียร์ จับตัวไว้ได้ ฟาราเมียร์ได้ทราบเรื่องการสิ้นชีวิตของพี่ชายของตน และเรื่องการเดินทางเพื่อไปทำลายแหวน จึงยินยอมปล่อยให้โฟรโดกับพวกเดินทางต่อไป กอลลัมพาฮอบบิททั้งสองเข้าไปในรังของชีล็อบนางแมงมุม โฟรโดได้รับบาดเจ็บหนักจนแซมคิดว่าตาย แล้วจึงตัดสินใจจะปฏิบัติภารกิจต่อโดยลำพัง แต่เมื่อพวกออร์คมานำร่างของโฟรโดไป แซมก็ลอบติดตามไปจึงทราบว่าโฟรโดยังไม่ตาย เพียงแต่สิ้นสติไป และถูกจับไปขังไว้เท่านั้น