ร้อยโท ราศรี สิงหเนตร เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่[1] และเป็นน้องชายของนายอินทร สิงหเนตร อดีต ส.ส.เชียงใหม่

ราศรี สิงหเนตร
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด3 ธันวาคม พ.ศ. 2447
นครเชียงใหม่
เสียชีวิต25 เมษายน พ.ศ. 2537 (89 ปี)
ศาสนาคริสต์

ประวัติ แก้

ราศรี สิงหเนตร เกิดที่บ้านสันป่าข่อย นครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2447 เป็นบุตรของนายดวงชื่น และนางบัวจันทร์ สิงหเนตร และเป็นน้องชายของนายอินทร สิงหเนตร อดีต ส.ส.เชียงใหม่[2]

ราศรี สิงหเนตร เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 จากโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก จนจบชั้นนายดาบ จากนั้นจึงเข้ารับราชการทหาร ต่อมาจึงออกจากราชการมาลงทุนซื้อรถบรรทุก ประกอบกิจการขนส่งในชื่อ "บริษัท ส.น.ช." หรือบริษัท รถยนต์สหายยานยนต์เชียงใหม่ และทำกิจการฟาร์มแพะเพื่อจำหน่ายนมแพะ

ต่อมาเมื่อเกิดสงครามเอเชียบูรพา เขาจึงกลับเข้ารับราชการทหารอีกครั้งจนได้รับแต่งตั้งยศร้อยโท

ราศรี สิงหเนตร สมรสกับนางบัวเขียว สิงหเนตร (สกุลเดิม สิงคปัญโญ) มีบุตร 1 คน คือ นายศรีเรือง สิงหเนตร และต่อมาสมรสกับนางเฉลิม สิงหเนตร (สกุลเดิม สายะนันท์) มีบุตรธิดา 2 คน คือ นางเฉลิมศรี และ ผ.ศ. ณัฐชัย สิงหเนตร และภายหลังสมรสอีกครั้งกับนางจันทร์ดี มีบุตรธิดา 3 คน คือ รศ.ศิริพร สิงหเนตร พันเอกทวีชัย สิงหเนตร และแพทย์หญิงศิวาพร จันทร์กระจ่าง

ร.ท.ราศรี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2537 อายุได้ 89 ปี

การเมือง แก้

ร.ท.ราศรี เป็นนักการเมืองที่มีความสนใจในอาชีพการเมืองมาก ยอมเสียทรัพย์สินทุ่มเทเพื่องานการเมือง[2] เขาเคยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เชียงใหม่ 1 สมัย ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500[3][4] แต่ทำหน้าที่ได้ไม่นานก็เกิดการปฏิวัติขึ้น หลังจากนั้นเป็นต้นมา ร.ท.ราศรี ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับเลือกตั้ง[2] ครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2512 ร.ท.ราศรี แพ้ให้กับเจ้าบุญเลิศ ณ เชียงใหม่ อย่างคู่คี่กัน[5]

อ้างอิง แก้

  1. http://www.kpi.ac.th/media_kpiacth/pdf/M8_34.pdf
  2. 2.0 2.1 2.2 นักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า. 2551
  3. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป
  4. http://www.kpi.ac.th/media_kpiacth/pdf/M8_34.pdf
  5. "ย่านถนนเจริญประเทศ(45)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-24. สืบค้นเมื่อ 2018-03-10.