มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย
มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย (อังกฤษ: Australian Koala Foundation; อักษรย่อ: AKF) เป็นองค์กรวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติที่ไม่หวังผลกำไรซึ่งมุ่งเน้นที่จะลดภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของโคอาลา และในการทำเช่นนั้นจะเป็นการเพิ่มความตระหนักต่อประชาคมโลกเพื่อช่วยรักษาสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์[1] โดยเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรนอกภาครัฐ ที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์และการจัดการโคอาลาป่าอย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อตั้ง | 17 มกราคม ค.ศ. 1986 |
---|---|
ผู้ก่อตั้ง | สตีฟ บราวน์ แบรี สกอตต์ |
วัตถุประสงค์ | การอนุรักษ์โคอาลาในป่าระยะยาว |
ที่ตั้ง |
|
บุคลากรหลัก | เดโบราห์ ทาบาร์ต, โอเอเอ็ม |
เว็บไซต์ | www.savethekoala.com |
หมีโคอาลาอาศัยอยู่กับอาหารคือพืชยูคาลิปตัส ต้นไม้จำนวนมากเหล่านี้กำลังถูกแผ้วถางในแต่ละปี จุดสนใจหลักของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย คือการได้รับการออกกฎหมายใหม่เพื่อปกป้องต้นไม้ของโคอาลา[2] องค์กรนี้ไม่มีรูปแบบของเงินทุนจากรัฐบาลโดยสมัครใจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียสามารถเสวนาได้อย่างอิสระสำหรับโคอาลาโดยไม่มีข้อจำกัดของรัฐบาล ดังนั้น มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียจึงอาศัยการบริจาค, การสนับสนุน และการระดมทุน เพื่อเป็นเงินทุนในการทำงานที่กำลังดำเนินอยู่ การวิจัยของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียระบุว่า บางแห่ง หมีโคอาลาระหว่าง 52,000 ถึง 87,000 ตัวยังคงอยู่ในป่า การสูญพันธุ์ในท้องถิ่นเกิดขึ้นเป็นประจำ และมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียเชื่อว่าวิธีเดียวที่จะปกป้องและฟื้นฟูประชากรในอนาคตก็คือพระราชบัญญัติคุ้มครองโคอาลา[2]
ประวัติ แก้
ในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1980 สตีฟ บราวน์ บัณฑิตสัตวแพทย์ผู้ที่มีความสนใจเป็นพิเศษต่อโคอาลา กำลังศึกษาต่อปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ โดยมุ่งเน้นไปที่สภาพทางพยาธิวิทยาที่ไม่ปกติในโคอาลา ในถุงน้ำรังไข่ ภาวะนี้เกี่ยวข้องกับอัตราการสืบพันธุ์ต่ำ เขาให้หลักฐานแสดงว่าโรคหนองในเทียมอาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงประชากรของฝูงโคอาลาป่า อันเป็นผลมาจากการศึกษาของเขา โดยเชื่อว่าโรคหนองในเทียมเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสายพันธุ์ ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางของสิ่งมีชีวิต ความเชื่อมั่นนี้นำเขาไปหาการสนับสนุนการจัดตั้งองค์กรซึ่งอาจเป็นแหล่งทุนวิจัยสำหรับโคอาลาและแก้ปัญหาให้แก่พวกมันได้
ในปี ค.ศ. 1985 เมื่อแบรี สกอตต์ ได้รับการขอให้จัดการโอเอซิสทัวริสต์การ์เดน เขาได้พบกับสตีฟ บราวน์ ผู้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาสัตวแพทย์กิตติมศักดิ์ให้กับกลุ่มโคอาลาที่เป็นโรคซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น สตีฟเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันสำหรับโคอาลา และเขาได้แรงบันดาลใจจากแบรีผู้แนะนำให้จัดตั้งมูลนิธิสำหรับโคอาลา พวกเขาช่วยกันรวบรวมเพื่อนและผู้สนับสนุนรอบตัวเพื่อสร้างองค์กรในการช่วยรักษาโรคแก่โคอาลา ตลอดจนช่วยคุ้มครองจากจำนวนที่ลดลง
การก่อตั้งได้รับการร่างขึ้น และเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1986 หนังสือรับรองการจดทะเบียน (เลขที่ 1262) ได้ออกในชื่อของสมาคมโคอาลาออสเตรเลีย อิงค์ (Australian Koala Association Inc.) ชื่อนี้มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1986 เป็นมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย อิงค์ (Australian Koala Foundation Inc.) ซึ่งต่อมาคำว่า อิงค์ ได้หลุดออกไป
ในวันแรก ๆ แบรี สกอตต์ เดินทางจากบริสเบนถึงเพิร์ท, แอดิเลด และซิดนีย์ โดยจัดตั้งสาขาและพาคนเข้าร่วม ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของการสนับสนุนเป็นพิเศษของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย
จุดเริ่มต้นของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียคือการ "ระดมทุน 5 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยโคอาลา" ในตอนแรกฉันทามติทั่วไปคือโรคที่รู้จักกันทั่วไปว่าหนองในเทียม เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อหมีโคอาลาและจำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อให้สามารถช่วยชีวิตประชากรของพวกมันได้ อย่างไรก็ตามไม่นานนัก มีการตระหนักว่าการทำลายถิ่นฐานธรรมชาติยังเป็นสาเหตุปัญหาหลักของของหมีโคอาลา ทิศทางของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียจึงมุ่งสู่การฟื้นสภาพจากการสูญเสียที่อยู่อาศัยของพวกมัน
เดโบราห์ ทาบาร์ต โอเอเอ็ม ได้เป็นผู้นำมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียในฐานะซีอีโอตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 และได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในฐานะผู้สนับสนุนโคอาลา หรือรู้จักในฐานะ 'โคอาลาวูแมน'
ปัจจุบัน มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียใช้วิทยาศาสตร์, การเมือง และฐานสนับสนุนทั่วโลกเพื่อชุมนุมเพื่อการเปลี่ยนแปลงในทางนิติบัญญัติ, การพัฒนาการ และในระดับบุคคล
คำขวัญรณรงค์ แก้
"ไม่มีต้นไม้ ไม่มีเรา" (No Tree No Me) เป็นคำขวัญสำหรับมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย โดยเป็นศัพท์สร้างสรรค์จากดิค มาร์ก ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย ในปี ค.ศ. 1994 และได้กลายเป็นคำขวัญที่เหมาะสมสำหรับมูลนิธิในฐานะที่พวกเขามุ่งเน้นไปที่การต่อสู้เพื่อการอนุรักษ์ถิ่นฐานธรรมชาติของหมีโคอาลา โดยคำขวัญนี้เป็นที่รู้จักในครัวเรือนทั่วประเทศออสเตรเลีย
การอนุรักษ์และการวิจัย แก้
มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียได้ทำแผนที่จำลองพื้นที่กว่าสี่ล้านเฮกตาร์สำหรับแผนที่ถิ่นที่อยู่ของโคอาลา (ดูด้านล่าง) ซึ่งทางมูลนิธิเชื่อว่าโครงการเพาะพันธุ์หมีโคอาลาที่ถูกกักขัง ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาในการอนุรักษ์ประชากรโคอาลาในป่า จึงมีการแทนที่โดยการอนุรักษ์ที่อาศัยความสมบูรณ์ของป่า, ความหลากหลายทางพันธุกรรมของพวกมัน และการทำที่อยู่อาศัยให้คงอยู่
โครงการ แก้
มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียมีโครงการต่อเนื่องหลายโครงการที่อุทิศให้กับการช่วยโคอาลาป่าผ่านการอนุรักษ์ที่อยู่อาศัย และระดมทุนเพื่อให้มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียสามารถทำงานต่อไปแม้จะมีสถานะเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งรวมถึง :
- หาดโคอาลา : ที่อยู่อาศัยแห่งนี้ในภาคเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ เป็นผลมาจากความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มนักพัฒนาของเดอะเรย์กรุ๊ปและมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ได้รับการวางแผนและออกแบบโดยคำนึงถึงความสำคัญของการปกป้องสิ่งแวดล้อม กับชุมชนซึ่งมีจิตสำนึกในการประนีประนอมกับวิถีชีวิตของพวกมันเพื่อให้สามารถร่วมอยู่กับโคอาลาป่าได้
- แผนที่ถิ่นที่อยู่ของโคอาลา :[3] โครงการนี้เกี่ยวข้องกับการทำแผนที่, ระบุ และที่อยู่อาศัยของหมีโคอาลาเชิงประมาณ ตลอดถึงพิสัยทางภูมิศาสตร์ของหมีโคอาลาในฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุว่าต้นไม้ใดที่โคอาลาชอบเป็นพิเศษ และเพื่อระบุรวมถึงจัดอันดับที่อยู่อาศัยของหมีโคอาลาตามมูลฐานมณฑลต่อมณฑล ฐานข้อมูลที่เพิ่มขึ้นได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ และความสำคัญของที่อยู่อาศัยของหมีโคอาลาที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์และจัดการที่อยู่อาศัยของหมีโคอาลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พระราชบัญญัติคุ้มครองโคอาลา : ปัจจุบัน จุดสนใจหลักของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียคือพระราชบัญญัติคุ้มครองโคอาลา[2] กฎหมายในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่โคอาลาเท่านั้น ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของพวกมัน[4] จึงไม่เพียงพอในการจัดหาระดับการป้องกันหมีโคอาลา[5][6][7][8] ครั้นแล้ว พระราชบัญญัติคุ้มครองโคอาลาจะมุ่งเน้นไปที่การปกป้องต้นไม้ และผลักดันรัฐบาลออสเตรเลียให้ปฏิบัติต่อหมีโคอาลาด้วยความนอบน้อมในฐานะสมบัติประจำชาติของออสเตรเลีย ที่สมควรได้รับการคุ้มครองและการอยู่รอดในระยะยาว พระราชบัญญัติดังกล่าวได้รับการสร้างแบบจำลองตามรัฐบัญญัติคุ้มครองอินทรีหัวขาว
- กองทัพโคอาลา : มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียชักชวนผู้คนจากทั่วโลกเข้าร่วมกองทัพโคอาลา กองทัพโคอาลาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียในการรณรงค์สำหรับพระราชบัญญัติคุ้มครองโคอาลา กองทัพขอให้กระจายถ้อยคำ และมักได้รับการสนับสนุนให้ติดต่อสมาชิกของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับปัญหาโคอาลา
- พระราชบัญญัติฤๅขวาน :[9] พระราชบัญญัติฤๅขวาน เป็นความคิดริเริ่มของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 เมื่อมีการตัดสินใจว่ารัฐบาลกลางออสเตรเลียและตัวแทนที่ได้มาจากการเลือกตั้งของตนจำเป็นต้องเข้าใจโคอาลาและต้นไม้ของมัน ควรและต้องได้รับการพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบต่อการเลือกตั้งของพวกเขา โดยรัฐบาลกลางเป็น 'ผู้พิทักษ์' ของโคอาลา ไม่ใช่สวนสัตว์, ไม่ใช่สวนสัตว์นานาชาติ, ไม่ใช่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ไม่ใช่ชาวออสเตรเลียโดยเฉลี่ย หากแต่เป็นรัฐบาลออสเตรเลีย มีตัวแทนที่ได้รับการเลือกตั้งโดยรัฐบาลกลาง 128 คนในถิ่นที่อยู่ของโคอาลาประเทศออสเตรเลีย และมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียขอให้บรรดานักการเมืองเหล่านี้สนับสนุนการคุ้มครองโคอาลา สมาชิกของสาธารณะสามารถเข้าชมพระราชบัญญัติฤๅขวานทางออนไลน์ และดูเขตเลือกตั้งของพวกเขาได้ ที่นี่พวกเขาสามารถเห็นจำนวนโคอาลาและที่อยู่อาศัยที่เหลืออยู่ บวกความคิดเห็นจากเดโบราห์ ทาบาร์ต, โอเอเอ็ม หรือ ‘โคอาลาวูแมน’ ผู้เป็นซีอีโอ หากนักการเมืองของรัฐบาลกลางสนับสนุนพระราชบัญญัติคุ้มครองโคอาลา พวกเขาจะได้รับคะแนน ‘พระราชบัญญัติ’ และหากพวกเขาไม่ตอบสนอง หรือไม่สนับสนุน พวกเขาจะได้รับคะแนน ‘ขวาน’
- ควินแลนส์ :[10] (Quinlan's) เป็นพื้นที่ 40 เฮกตาร์ของป่าออสเตรเลีย ที่เกียรูลาใกล้เคนิลเวิร์ธ ในแผ่นดินใหญ่จากซันไชน์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ที่พักนี้ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่คู่รัก ปีเตอร์ และจูแลนน์ ควินแลน ผู้ยกที่ดินมรดกให้แก่มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย ซึ่งเดโบราห์ (ซีอีโอมูลนิธิ) ได้เข้าร่วมงานที่ท้าทายความสามารถในการสร้างควินแลนส์ให้เป็นทรัพย์สินที่อวดได้ของเมือง ในฐานะป่าซึ่งตั้งใจทำเป็นพิเศษ ทั้งแสดงถึงการให้ความสำคัญของมูลนิธิ โดยที่ดินจัดสรรนี้จะใช้สำหรับการวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การฟื้นฟูที่อยู่อาศัย และในเวลานี้ก็หวังว่าโคอาลาจะมาใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่หลบภัย
ความสำเร็จ แก้
มีความปลอดภัยที่จะกล่าวได้ว่ามูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียได้สร้างความแตกต่างในระยะเวลา 20 ปีของการดำเนินงาน และทั้งหมดโดยไม่ต้องระดมทุนของรัฐบาล ผลงานที่โดดเด่นที่สุดขององค์กร มีดังต่อไปนี้
ในปี ค.ศ. 2003 รัฐควีนส์แลนด์ระบุว่าหมีโคอาลาของเซาท์อีสต์ควีนส์แลนด์ตกอยู่ในฐานะ 'เสี่ยง' ภายใต้พระราชบัญญัติการอนุรักษ์ธรรมชาติ ค.ศ. 1992 หลังจากที่การวิจัยของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียได้ค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจ มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียได้ยื่นอุทธรณ์หลายต่อหลายครั้งทั้งในระดับรัฐและรัฐบาลกลาง แต่รัฐบาลไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในสภานิติบัญญัติเพื่อให้เกิดการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสำหรับหมีโคอาลาป่า
ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียกับเดอะเรย์กรุ๊ปส่งผลให้เกิดหาดโคอาลา เป็นที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับหมีโคอาลา และเป็นหลักฐานว่าการพัฒนากับการคุ้มครองสัตว์ป่าไม่จำเป็นต้องเข้ากันไม่ได้ มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียเป็นแหล่งทุนสนับสนุนการวิจัยโคอาลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลการวิจัยรวมถึงการบริจาคจากหมีโคอาลาสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของออสเตรเลีย และการศึกษาความเป็นไปได้ของประชากรโคอาลาในภูมิภาคทางชีววิทยาต่าง ๆ
มีพื้นที่กว่า 40,000 ตารางกิโลเมตรที่ได้รับการทำแผนที่สำหรับแผนที่ถิ่นที่อยู่ของโคอาลา ไม่เหมือนโครงการทำแผนที่อื่น ๆ แผนที่นี้ไม่เพียงชี้ตำแหน่งของสายพันธุ์แบบปัจเจกเท่านั้น หากแต่แสดงถึงการเกิดขึ้นของที่อยู่อาศัยของหมีโคอาลาที่เหมาะสม (แม้ว่าจะไม่มีหมีโคอาลาอยู่ในขณะนี้) ซึ่งอาจจะ "ต่อยอด" ในอนาคตหากจำเป็น มีมากกว่า 1,000 แห่งที่ได้รับการระบุในเซาท์อีสต์ควีนส์แลนด์[11]
มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งที่มาของทางเลือกสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับหมีโคอาลา พนักงานได้รับและตอบคำถามมากกว่า 10,000 คำถามรวมถึงการขอข้อมูล คำถามเหล่านี้มาจากผู้คนที่หลากหลาย ประกอบด้วยนักเรียน, ผู้จัดการที่ดิน และผู้ผลิตสารคดี เว็บไซต์ของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียมีการบันทึกเกือบหนึ่งล้านครั้งในแต่ละปี มูลนิธินี้ได้ก่อตั้งการริเริ่มฉลากสิ่งแวดล้อม ที่คนใช้ชีวิตในชนบทผู้สนับสนุนการอนุรักษ์ที่อยู่อาศัยของหมีโคอาลาอย่างแข็งขัน จะได้รับตราประทับของหมีโคอาลา[11]
เดือนแห่งการคุ้มครองโคอาลา แก้
เดือนกันยายนคือเดือนแห่งการคุ้มครองโคอาลา มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียดำเนินการรณรงค์ระดมทุนเป็นประจำทุกปี ในเดือนกันยายน ซึ่งเรียกกันว่าเดือนแห่งการคุ้มครองโคอาลา[12] วันแห่งการคุ้มครองโคอาลาจัดขึ้นในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนดังกล่าว ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้รับการสนับสนุนให้ช่วยจำหน่ายสินค้าของเดือนแห่งการคุ้มครองโคอาลา เช่น รอยสักชั่วคราว, สติกเกอร์ และป้าย ไม่ว่าจะเป็นภาคบุคคล, ธุรกิจ หรือกลุ่มโรงเรียน ผู้สนับสนุนยังได้รับการสนับสนุนให้ระดมทุนด้วยกล่องบริจาคหรือกิจกรรมต่าง ๆ แล้วส่งเงินให้แก่มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียเมื่อสิ้นเดือน โดยสิ่งจูงใจมีให้สำหรับการระดมทุนในระดับต่าง ๆ
การปรากฏตัวทั่วโลก แก้
สำนักงานและร้านค้าหลักของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลียตั้งอยู่ในเมืองบริสเบน นอกจากนี้ยังมีสาขา "เพื่อนของมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย" ในนิวยอร์กและวอชิงตัน
อ้างอิง แก้
- ↑ "About | Australian Koala Foundation". www.savethekoala.com. สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "Koala Protection Act | Australian Koala Foundation". www.savethekoala.com. สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ "Koala Habitat Atlas | Australian Koala Foundation". www.savethekoala.com. สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ "Nature Conservation (Koala) Conservation Plan 2006" (PDF). Queensland Government. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-30. สืบค้นเมื่อ 1 February 2018.
- ↑ "Ballarat koalas under threat despite protection overlay". www.abc.net.au (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ "Koala populations at Gunnedah under threat from coal project". Clarence Valley Daily Examiner. สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ Johnson, Stephen (27 August 2014). "The Australian".
- ↑ "Noosa koalas on the brink of extinction". Sunshine Coast Daily. สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ "Act or Axe | Australian Koala Foundation". www.savethekoala.com. สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ "About Quinlan's | Australian Koala Foundation". www.savethekoala.com. สืบค้นเมื่อ 2015-10-21.
- ↑ 11.0 11.1 Steve Austin & Peter Spearritt (29 July 2005). "Australian Koala Foundation's Deborah Tabart". ABC Queensland. Australian Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 11 March 2012.
- ↑ "September is Save the Koala month". Central Queensland News. APN News & Media Ltd. 2 September 2011. สืบค้นเมื่อ 11 March 2012.
แหล่งข้อมูลอื่น แก้
- เว็บไซต์ทางการ
- มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย ที่เฟซบุ๊ก
- มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย ที่เอกซ์ (ชื่อเก่า: ทวิตเตอร์)
- มูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย ที่อินสตาแกรม