ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช

ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช (ดัตช์: Portret van Dr. Gachet; อังกฤษ: Portrait of Dr. Gachet) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยฟินเซนต์ ฟัน โคค[1] จิตรกรชาวดัตช์คนสำคัญของลัทธิประทับใจยุคหลัง "ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช" ขายในราคา 82.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,600 ล้านบาท (75 ล้าน บวกค่านายหน้า 10 เปอร์เซ็นต์)[2] ในปี ค.ศ. 1990

ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช (1)
ศิลปินฟินเซนต์ ฟัน โคค
ปีค.ศ. 1890
ประเภทจิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบ
สถานที่งานสะสมส่วนบุคคล
ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช (2)
ศิลปินฟินเซนต์ ฟัน โคค
ปีค.ศ. 1890
ประเภทจิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบ
สถานที่พิพิธภัณฑ์ออร์แซ, ปารีส

"ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช" เขียนขึ้นในปีสุดท้ายของชีวิตของฟัน โคคในปี ค.ศ. 1890 ภาพนี้ที่แท้จริงมีด้วยกัน 2 ภาพ ทั้งสองภาพต่างก็เป็นภาพด็อกเตอร์กาแชนั่งเกยหน้ากับแขนขวา แต่มีลักษณะต่างกันพอที่จะแยกได้

ที่มา

แก้

ฟัน โคคเขียน "ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช" ที่เมืองโอแวร์ซูว์รวซ ใกล้กรุงปารีส เป็นภาพของด็อกเตอร์ปอล กาแช กับต้นถุงมือจิ้งจอกบนโต๊ะ กาแชเป็นแพทย์และยังเป็นจิตรกรสมัครเล่นที่เข้ามาดูแลและกลายเป็นเพื่อนที่ดีของฟัน โคค ฟัน ช่วงเดือนสุดท้ายของชีวิตเขา ต้นถุงมือจิ้งจอกเป็นพืชที่ใช้สกัดมาใช้ในการรักษาโรคหัวใจบางประเภท จึงนำมาเป็นเป็นเครื่องหมายที่ใช้แสดงว่ากาแชเป็นนายแพทย์

อาการหดหู่

แก้
 
"ตอร์กวาโต ตัสโซในโรงพยาบาลซานตันนาที่แฟร์รารา" โดยเออแฌน เดอลาครัว

ฟัน โคคนึกถึงภาพเหมือนของตอร์กวาโต ตัสโซ (กวีชาวอิตาลี) ที่เออแฌน เดอลาครัวเขียนในสถานบำบัดผู้ป่วยด้วยโรคจิตอยู่หลายครั้ง หลังจากที่ไปเมืองมงเปอลีเยกับปอล โกแก็ง เพื่อไปดูงานสะสมของอาลแฟรด บรูว์ยา ฟัน โคคก็เขียนจดหมายถึงเตโอ (น้องชาย) ขอให้ช่วยหาสำเนาภาพพิมพ์ของงานเขียนชิ้นนี้ให้[3] ด้วยประมาณสามเดือนครึ่งก่อนหน้านี้ ฟัน โคคเคยมีความคิดที่จะนำภาพเหมือนของตัสโซมาเป็นตัวอย่างภาพเหมือนที่เขาต้องการจะเขียน แต่จะเป็นภาพที่ประสานกับภาพที่เขียนโดยเออแฌน เดอลาครัวในการพยายามที่จะแสดง "ตัสโซในที่จำขัง" และภาพอื่น ๆ อีกหลายภาพที่แสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่แท้จริง อา ! ภาพเหมือน ภาพเหมือนที่แสดงความคิด วิญญาณของผู้เป็นแบบ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันคิดว่าควรจะเป็นลักษณะที่ปรากฏในภาพ[4]

ฟัน โคคเขียนจดหมายถึงเตโอในปี ค.ศ. 1890 เกี่ยวกับภาพเขียนว่า

ฉันเขียนภาพเหมือนของคุณกาแชเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในภาพนี้เขามีใบหน้าหดหู่ แต่อาจดูเหมือนว่าบูดบึ้งสำหรับผู้ที่ได้เห็นเช่นกัน... เศร้าแต่อ่อนโยน ทั้งยังชัดเจนและมีสติปัญญา นี่เป็นวิธีเขียนภาพเหมือนที่ควรจะเขียนกัน...

ประวัติการเป็นเจ้าของ

แก้
  • ภาพดั้งเดิมขายโดยน้องสะใภ้ของฟัน โคคเป็นจำนวน 300 ฟรังก์ในปี ค.ศ. 1897 ต่อมาก็ถูกขายให้แก่เพาล์ คัสซีเรอร์ (ค.ศ. 1904), เค็สส์เลอร์ (ค.ศ. 1904) และดรุแอ (ค.ศ. 1910) ในปี ค.ศ. 1911 หอศิลป์แห่งรัฐที่แฟรงก์เฟิร์ตก็ซื้อต่อจากดรุแอ และตั้งแสดงอยู่ที่นั่นจนกระทั่งปี ค.ศ. 1933 เมื่อถูกนำไปซ่อน ในปี ค.ศ. 1937 ภาพเขียนก็ถูกยึดโดยกระทรวงการส่งเสริมการประเทืองปัญญาของสาธารณชนและการโฆษณาชวนเชื่อ (Ministry of Public Enlightenment and Propaganda)[5] ทำให้แฮร์มันน์ เกอริง (นักการเมืองคนสำคัญในพรรคนาซี) รีบขายภาพให้แก่นักซื้องานศิลปะคนหนึ่งในอัมสเตอร์ดัม นักซื้อผู้นี้ก็ขายภาพต่อให้กับนักสะสมศิลปะชื่อซีกฟรีด ครามาร์สกี เขานำภาพเขียนชิ้นนี้ติดตัวไปด้วยเมื่อหนีไปนิวยอร์ก และมักจะให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันยืมไปจัดแสดงอยู่บ่อยครั้ง

ในปี ค.ศ. 1990 ตระกูลครามาร์สกีได้ประมูลขายภาพเขียนนี้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1990 ที่ห้องประมูลภาพคริสตีส์ในนครนิวยอร์ก ไซโต เรียวเอ (Saitō Ryōei) ประธานกิตติมศักดิ์ของบริษัทผลิตกระดาษไดโชวะ จ่ายเงินประมูลไปด้วยราคา 82.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ภาพเขียนนี้กลายเป็นภาพเขียนที่มีราคาสูงที่สุดในโลกในขณะนั้น ไซโตผู้มีอายุ 75 ปีสร้างความโกรธเคืองระดับโลกเมื่อกล่าวว่าจะเผาภาพเขียนพร้อมกับร่างของตนเองเมื่อเสียชีวิต แต่ต่อมาไซโตก็พยายามไกล่เกลี่ยว่าความหมายที่ตั้งใจคือต้องการที่จะอนุรักษ์ภาพเขียนตลอดไป ผู้ช่วยของไซโตอธิบายเพิ่มว่าคำพูดดังกล่าวเป็นเพียงการแสดงความรู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งของไซโตต่อภาพเขียนเท่านั้น ต่อมาไซโตก็กล่าวว่าจะอุทิศภาพเขียนให้กับรัฐบาลหรือพิพิธภัณฑ์ แต่หลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1996 ที่อยู่ของภาพเขียนและเจ้าของก็กลายเป็นเรื่องลึกลับ แต่เมื่อต้นปี ค.ศ. 2007[1] ก็มีข่าวมาว่า เมื่อสิบปีก่อน ภาพเขียนถูกขายให้แก่นักลงทุนทางการเงินที่เกิดในออสเตรียชื่อว็อล์ฟกัง เฟลิทเทิล แต่หลังจากที่ประสบปัญหาทางการเงิน เฟลิทเทิลก็ต้องขายภาพเขียนต่อ แต่ยังไม่เป็นที่ทราบกันว่าใครเป็นผู้ซื้อ

อ้างอิง

แก้
  1. Beaujean, Dieter. Vincent van Gogh: Life and Work. Könemann, 1999. ISBN 3-8290-2938-1.
  2. Van Gogh's vanishing act: A high-cost, low-profile canvas, U.S. News Online
  3. Letter 564 เก็บถาวร 2006-09-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  4. Letter 531
  5. เป็นสาขางานหนึ่งของนาซีที่พยายามกำจัดภาพเขียนก่อนสงครามที่ถือว่าเป็นศิลปะที่แสดงความเสื่อมโทรมทางวัฒนธรรม (degenerate art)
  • Saltzman, Cynthia: Portrait of Dr. Gachet. The Story of a van Gogh Masterpiece: Money, Politics, Collectors, Greed, and Loss, . ISBN 0-670-86223-1

ดูเพิ่ม

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้