ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดอนัลด์ ทรัมป์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Sanrakalone (คุย | ส่วนร่วม)
Sanrakalone (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 68:
ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ สหรัฐฯ ได้ตั้งคำถามต่อความสำคัญขององค์กรระหว่างประเทศ และ ดำเนินนโยบายการค้าและการทหารซึ่งสอดคล้องของกับสโลแกน America First ที่คำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ​เป็นอันดับหนึ่งซึ่งในบางครั้งได้เพิ่มความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากขึ้น เขาได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวในการกล้าที่จะเผชิญหน้ากับจีนและเกาหลีเหนือในฐานะประเทศคู่แข่งและผู้เป็นภัยคุกคามทางความมั่นคง ทรัมป์เน้นการใช้นโยบายแบบเอกาภาคีนิยม หรือ "Unilateralism" คือให้อเมริกาลุยเดี่ยว ‘Go It Alone’ ไม่จำเป็นต้องอิงกับพันธมิตรชาติใดเป็นพิเศษซึ่งตรงข้ามกับพรรคเดโมแครตของ โจ ไบเดน อย่างสิ้นเชิง (เดโมแครตเน้นการใช้เครื่องมือพหุภาคีระหว่างประเทศและใช้พันธมิตรเป็นเครื่องมือช่วยในการบริหารงานด้านการต่างประเทศ) ยิ่งไปกว่านั้น ในสมัยที่ บารัก โอบามา เป็นประธานาธิบดี และไบเดนเป็นรองประธานาธิบดี เขามีผลงานชิ้นโบว์แดงด้านการต่างประเทศ คือการจัดทำข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์กับอิหร่านในปี 2015 แต่ต่อมาภายหลังทรัมป์ได้ทำการฉีกข้อตกลงดังกล่าวทำให้เกิดวิกฤตอิหร่านขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายของการดำรงตำแหน่งของเขา
 
[[File:Kim and Trump shaking hands at the red carpet during the DPRK–USA Singapore Summit.jpg|thumb|left|ดอนัล ทรัมป์ และ คิม จอง อึน ขณะพบกันในการประชุมครั้งแรก ณ โรงแรมคาเปลลา เกาะเซนโตซา สาธารณรัฐสิงคโปร์ วันที่ 12 มิ.ย.2018]]
ใน ค.ศ. 2017 เมื่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยังคงมีแนวโน้มที่จะรุนแรงอย่างต่อเนื่องนั้น ทรัมป์ได้ยกระดับคำสั่งเตือนว่าเกาหลีเหนือจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่กำลังปฏิบัติและเท่ากับเป็นการประกาศตัวเป็นศัตรูต่อเมริกาและชาวโลก ในปลายปี 2017 ทรัมป์ประกาศว่าเขาต้องการให้เกาหลีเหนือ "เลิกใช้นิวเคลียร์โดยสมบูรณ์" และมีส่วนร่วมในการเรียกชื่อกับผู้นำคิมจองอึนเพื่อยุติแผนการดังกล่าว ในห้วงเวลาแห่งความตึงเครียดนี้ทรัมป์และคิมได้แลกเปลี่ยนจดหมายกันอย่างน้อย 27 ฉบับซึ่งทั้งสองคนอธิบายถึงมิตรภาพส่วนตัวที่อบอุ่นและมีแนวโน้มทีจะดีขึ้น โดยคิมได้ยื่นข้อเสนอที่จะพบกับทรัมป์จำนวน 3 ครั้ง ได้แก่: ที่สิงคโปร์ในปี 2018 ในฮานอยในปี 2019 และในเขตปลอดทหารเกาหลีภายในในปี 2019 โดยทรัมป์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ได้พบกับผู้นำเกาหลีเหนือและได้เหยียบแผ่นดินเกาหลีเหนือ ทรัมป์ยังยกเลิกการคว่ำบาตรบางส่วนที่สหรัฐฯมีต่อเกาหลีเหนือในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามเกาหลีเหนือมิได้มีการยุติโครงการพัฒนานิวเคลียร์แต่อย่างใด และการเจรจาในเดือนตุลาคม 2019 ก็ล้มเหลวลงในที่สุดหลังจากที่คิมยืนยันว่าเกาหลีเหนือจะไม่ยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์