ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 10:
 
ปัจจุบันเมื่อสาธารณรัฐได้ถือกำเนิดขึ้นเป็น[[มหาอำนาจ]]ในโลกสมัยใหม่แล้ว อาชญากรรมที่คล้ายคลึงกันนี้อาจเป็นการประสงค์ร้ายต่อประมุขของรัฐแทนเช่น ในประเทศเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และโปแลนด์ที่เป็นสาธารณรัฐ การหมิ่นประมาทประมุขต่างประเทศเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ในประเทศตุรกีผู้หมิ่นประมาท[[มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก|นายพลอตาเติร์ก]]ผู้ก่อตั้ง[[สาธารณรัฐตุรกี]]ต้องรับโทษจำคุกหนึ่งถึงสามปี<ref>ประมวลกฎหมายอาญาตุรกี: มาตรา 5816</ref>
 
== ในแต่ละประเทศ ==
 
=== ประเทศไทย ===
{{หลัก|ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย}}
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์อยู่ใน[[ประมวลกฎหมายอาญา]] มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใด[[การหมิ่นประมาท (กฎหมายไทย)|หมิ่นประมาท]] [[ดูหมิ่น]] หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี" กฎหมายไทยสมัยใหม่บรรจุความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ครั้งแรกในกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2453), มีการเพิ่มให้การ "ดูหมิ่น" เป็นความผิด และเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐในประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 และมีการเพิ่มโทษครั้งล่าสุดในปี 2519 มีสื่ออธิบายว่าเป็น "กฎหมายความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ที่รุนแรงที่สุดในโลก"<ref>{{cite web|url=http://www.abc.net.au/news/2017-01-10/thai-king-requests-constitutional-changes-to-ensure-powers/8174062|title=New Thai King requests constitutional changes to 'ensure his royal powers': Prime Minister|author-first=Liam|author-last=Cochrane|date=2017-01-11|accessdate=2017-04-20|publisher=ABC|website=ABC News}}</ref> และ "อาจเป็นกฎหมายหมิ่นประมาททางอาญาที่เข้มงวดที่สุดไม่ว่าที่ใด"<ref name="economist" >{{cite news|title=How powerful people use criminal-defamation laws to silence their critics|url=https://www.economist.com/news/international/21724993-some-countries-insulting-politicians-can-lead-jail-how-powerful-people-use|accessdate=14 July 2017|work=[[The Economist]]|date=13 July 2017}}</ref> นักสังคมศาสตร์ ไมเคิล คอนนอส์เขียนว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว "เป็นผลประโยชน์ของราชสำนักเสมอมา"<ref name="Connors"/>{{rp|134}}
 
ในประมวลกฎหมายไม่มีนิยามว่าพฤติการณ์แบบใดเข้าข่าย "หมิ่นประมาท" หรือ "ดูหมิ่น" มีการตีความอย่างกว้างขวางซึ่งสะท้อนสถานะอันล่วงละเมิดมิได้ของพระมหากษัตริย์ เฉกเช่นพระมหากษัตริย์ในสมัยศักดินาหรือสมบูรณาญาสิทธิราช [[ธานินทร์ กรัยวิเชียร]] อดีตนายกรัฐมนตรี ยังตีความว่า กฎหมายห้ามครอบคลุมถึงการวิจารณ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ [[พระมหากษัตริย์ไทย|สถาบันพระมหากษัตริย์]] [[ราชวงศ์จักรี]]และ[[รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย|พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์]] มีข้อโต้แย้งว่า ความผิดต่อ[[สภาองคมนตรีไทย|องคมนตรี]]เข้าข่ายความผิดนี้หรือไม่ อนึ่ง ในปี 2556 [[ศาลฎีกา]][[:s:คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๓๗๘/๒๕๕๖|วินิจฉัย]]ว่า กฎหมายคุ้มครองพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ด้วย<ref name = "deceased monarch">{{cite web | title = คำพิพากษาคดีหมิ่นฯ อดีตกษัตริย์ ผิด ม. 112 | url = http://prachatai.com/journal/2013/11/49805?utm_source=feedburner&utm_medium=feed&utm_campaign=Feed%3A+prachatai+(ประชาไท+Prachatai.com) |publisher = Prachatai |date = 2013-11-14 | accessdate = 2013-11-15}}</ref> แม้ว่า "พยายาม" กระทำความผิด เสียดสีสัตว์ทรงเลี้ยง หรือไม่ติเตียนเมื่อพบเห็นผู้กระทำผิดก็ถูกดำเนินคดีด้วย
 
ผู้ใดจะฟ้องคดีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ก็ได้ ทั้งนี้พระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ไม่เคยฟ้องร้องเป็นการส่วนพระองค์ ตำรวจต้องดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นทางการทุกคดี รายละเอียดของข้อหาแทบไม่มีเปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้ต้องหามักเผชิญอุปสรรคตลอดคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอประกันตัวชั่วคราว มีการกักขังก่อนพิจารณาคดีในศาลหลายเดือน คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการกักขังโดยพลการตัดสินในปี 2555 ว่าการกักขังก่อนดำเนินคดีละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ศาลไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยอย่างในคดีอาญาทั่วไป การรับสารภาพแล้วขอพระราชทานอภัยโทษถูกมองว่าเป็นวิธีการเพื่อให้ได้รับอิสรภาพโดยเร็วที่สุด
 
มีการตีความ "ดูหมิ่น" กว้างขวางมากขึ้นนับแต่พุทธทศวรรษ 2520 คณะรัฐประหารมักอ้างกรณีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์เพื่อรัฐประหาร หลัง[[รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549|รัฐประหารเมื่อปี 2549]] มีการพิจารณาความผิดดังกล่าวมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หลัง[[รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557|รัฐประหารปี 2557]] มีการเปลี่ยนให้ศาลทหารพิจารณาคดีดังกล่าว และในปี 2558 ลงโทษจำคุกจำเลยคนหนึ่ง 60 ปี แต่ลดโทษเหลือกึ่งหนึ่งเพราะยอมรับสารภาพ นับเป็นโทษสูงสุดที่เคยมีมา อีกทั้งมีการพิจารณาคดีลับด้วย กฎหมายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า "โหดร้ายป่าเถื่อน"<ref name = "draconian">{{cite web | title = Thai TV Show Draws Army Wrath for Lese-Majeste Debate | author = Amy Sawaitta Lefevre | publisher = Reuters | url = http://www.irrawaddy.org/archives/29997#.UVMMEZwsiRM.facebook | date = 2013-03-21 | accessdate = 2013-03-27}}</ref> บ่อนทำลายกฎหมายไทย ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์<ref name="siwarak">[http://prachatai.com/journal/2014/09/55390 ส.ศิวรักษ์ ชี้ รปห.-112 ล้วนกระทบสถาบันกษัตริย์ ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง]</ref> บางฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายนี้ ส่วนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำรัสว่า สามารถวิจารณ์พระองค์ได้และไม่เคยตรัสให้เอาผู้วิจารณ์เข้าคุก หลังจากปี 2561 ไม่มีคดีใหม่เท่าที่ทราบ แต่ทางการใช้วิธีฟ้องร้องโดยอาศัยกฎหมายอื่นแทน เช่น [[พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550]] และกฎหมาย[[การปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง|ปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง]] ตลอดจนใช้วิธีการคุกคามอย่างอื่น
 
== อ้างอิง ==