ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คอลิด อิบน์ อัลวะลีด"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 1:
{{Infobox military person
|name= คอลิด อิบน์ อัลวะลีด<br
|image= [[ไฟล์:Khalidbinwalid.png|200px]]
|birth_date=585
|death_date=พฤษภาคม 642
|birth_place= [[มักกะฮ์]]
|death_place= [[ฮอมส์]]
|placeofburial = [[มัสยิดคอลิด อิบน์ อัลวะลีด]]
|allegiance= [[รัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน]]
|branch=[[Rashidun army]]
บรรทัด 14:
|commands = [[จอมทัพ]] (632–634)<br>แม่ทัพทหารราบ (634–638)<br>แม่ทัพของ[[กองกำลังเคลื่อนที่]] (634–638)<br>[[ผู้บัญชาการทหาร]]ประจำเมือง[[อิรัก]] (633–634)<br>[[ผู้ว่าราชการ]]เมิอง[[กินนัสริน]] (637–638)
}}
'''อะบู สุไลมาน คอลิด อิบน์ อัลวะลีด อิบน์ อัลมุฆีเราะฮ์ อัลมัคซูมี''' ({{lang-ar|أبو سليمان خالد بن الوليد بن المغيرة المخزومي}}‎; 585–642) รู้จักกันในชื่อ '''ซัยฟุลลอฮ์ อัลมัสลูล''' ({{lang-ar|سيف الله المسلول}}; ''ดาบแห่งแสงอรุณของอัลลอฮ์'') เป็นผู้ติดตามของ[[มุฮัมมัด]] เขาเป็นผู้มีทักษะในการรบและเป็นผู้บัญชาการภายใต้การควบคุมของมุฮัมมัด, [[อบูบักร์]] และ[[อุมัร]]<ref name="Britannica">[http://www.britannica.com/eb/article-9045249 Khalid ibn al-Walid], ''Encyclopædia Britannica''. Retrieved. 17 October 2006.</ref> คอลิดได้สู้รบมากกว่า 100 สนามรบ ในระหว่าง[[จักรวรรดิไบแซนไทน์]], [[จักรวรรดิแซสซานิด]] และกบฏในจักรวรรดิเคาะลีฟะฮ์ในช่วงปี ค.ศ. 632 ถึงปี ค.ศ. 636<ref name="akram496">{{Harvnb|Akram|2004|p=496}}</ref> จนกระทั่งในปีค.ศ. 638 เขาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหาร
ในระหว่างที่คอลิดเป็นผู้บัญชาการนั้น เขาได้ฐานะเป็นหนึ่งใน[[ผู้บัญชาการที่ไม่เคยแพ้สงคราม]]ของโลก<ref name="Akram 2004 499">{{Harvnb|Akram|2004|p=499}}</ref><ref>{{cite book |last=Alkhateeb |first=Firas |title=Lost Islamic History: Reclaiming Muslim Civilisation from the Past |date=2017 |publisher=[[Oxford University Press]] |isbn=9781849046893 |page=43 |url=https://books.google.com/books?id=82pNDwAAQBAJ&pg=PA43 |language=en}}</ref>
บรรทัด 23:
==สมัยมุฮัมมัด (ค.ศ. 610–632)==
===ก่อนเข้ารับอิสลาม===
ไม่มีใครรู้ว่าคอลิดเป็นอย่างไรก่อนที่จะเข้ารับอิสลาม แต่มีรายงานว่าคอลิดไม่ได้เข้าร่วมสงครามบะดัร หลังจากนั้นเขานำชัยชนะให้กับชาวมักกะฮ์ใน[[สงครามอุฮุด]] (ค.ศ. 625)<ref>{{Harvnb|Weston|2008|p=41}}</ref> และสงครามสุดท้ายที่เข้าร่วมกับชาวกุเรชคือ[[สงครามสนามเพลาะ]]ในปี ค.ศ. 627<ref>{{Harvnb|Akram|2004|p=70}}</ref>
หลังจากสงครามบะดัรคอลิดและฮาชาม อิบน์ วะลีด ไปที่มะดีนะฮ์เพื่อจ่ายค่าไถ่วะลีด อิบน์ วะลีด แต่หลังจากนั้นวะลีดได้กลับมักกะฮ์แล้ว เขาได้หลบหนีไปยังมะดีนะฮ์เพื่อเข้ารับอิสลาม<ref>{{Harvnb|Akram|2004|p=14}}</ref>
เส้น 64 ⟶ 63:
ตอนนี้แคว้นรอบเมือง[[มะดีนะฮ์]]เป็นของมุสลิมแล้ว คอลิดจึงนำทัพไปที่แคว้น[[นัจญ์]] ที่มั่นของเผ่า[[บนูตะมีม]]. มีหลายพวกที่ยอมพบคอลิดและกฎหมายของ[[เคาะลีฟะฮ์]] แต่[[มาลิก อิบน์ นูวัยเราะฮ์]] หัวหน้าเผ่าบนูยัรบูอ์เลี่ยงการติดต่อกับคอลิดและบอกให้ผู้ติดตามแยกย้ายกันหนี โดยที่ครอบครัวของเขาจะหนีไปทางทะเลทราย<ref>{{Harvnb|Al-Tabari|915|pp=501–502}}</ref> พร้อมกับประกาศเป็นศัตรูกับรัฐเคาะลีฟะฮ์โดยมีความร่วมมือกับซัจญะฮ์ ผู้หญิงที่อ้างตนเองว่าเป็นศาสดา<ref>{{Harvnb|Al-Tabari|915|p=496}}</ref> หลังจากนั้นมาลิกถูกจับพร้อมกับผู้คนของเขา<ref>{{Harvnb|Al-Tabari|915|p=502}}</ref> และคอลิดถามว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ เขาได้ตอบว่า: "นายของเจ้าได้พูดอย่างนี้ นายของเจ้าได้พูดอย่างนั้น" คอลิดจึงประกาศว่ามาลิกเป็นกบฎผู้ละทิ้งศาสนาพร้อมกับประหารชีวิต<ref name="ReferenceA">Tabari: Vol. 2, Page no: 5</ref>
หลังจากการเสียชีวิตของมาลิกแล้ว คอลิดได้จับ[[ลัยลา บินต์ อัลมินฮัล]] ทำให้เกิดข้อโต้แย้ง ทหารของเขาซึ่งรวมไปถึงอบูกอตออะฮ์เชื่อว่าคอลิดฆ่ามาลิกเพื่อเอาภรรยามาเป็นของเขา จนเรื่องนี้ถึงหูของอุมัรที่ปรึกษาของอบูบักร์ แล้วอบูบักรได้เรียกคอลิดให้เข้าพบเพื่ออธิบายว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้<ref>{{Harvnb|Akram|2004|p=183}}</ref>
คอลิดได้รบชนะ[[มุซัยลิมะฮ์]] คนที่อ้างตนเองว่าเป็นศาสดาใน[[สงครามยะมามะฮ์]]เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 632 มุซัยลีมะฮ์ถูกฆ่าในสนามรบ และเผ่าที่เป็นกบฏก็ถูกทำลายหมดสิ้น<ref name="nicolle25"/>
เส้น 160 ⟶ 159:
{{quote|เจ้าต้องเข้าใจนะ โอ้คอลิด เมื่อศาสนทูตของอัลลอฮ์ (มุฮัมมัด) ขอความสันติจงมีแด่ท่าน ได้ให้สมญานามเจ้าว่า ''ซัยฟุลลอฮ์'' และท่านกำหนดไว้ว่าเจ้าจะไม่แพ้สมรภูมิใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเจ้าถูกฆ่าโดยผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว นั่นหมายความว่าดาบของอัลลอฮ์ได้ถูกทำลายลงโดยศัตรูของอัลลอฮ์; และนั่นไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น<ref>{{Harvnb|Akram|2004|p=303}}</ref>|เพื่อนเก่าของคอลิด}}
นี่คือคำพูดที่พูดไว้แค่วันเดียวก่อนที่คอลิดจะเสียชีวิต อุมัรได้ร้องไห้หนักมากและกล่าวว่า: {{quote|ขอให้พระองค์ทรงเมตตาเจ้า อะบู ซุลัยมาน (คอลิด) สิ่งที่เจ้าทำตอนนี้ดีกว่าสิ่งที่เจ้ามีในวันนี้ ตอนนี้เจ้าอยู่กับองค์อัลลอฮ์แล้ว...<ref>{{cite book |last=Muhammad Khalid |first=Khalid |title=Men Aroud The
==ครอบครัว==
เส้น 173 ⟶ 172:
*ฟัคตะฮ์ บินต์ วะลีด
*ฟาติมะฮ์ บินต์ วะลีด<ref name="Akram3"/>
*[[นาจิยะฮ์ บินต์ อัลวะลีด]] (''เป็นข้อโต้เถียง''){{
ไม่มีใครรู้ว่าคอลิดมีลูกกี่คน แต่มีอยู่สามคนที่ถูกกล่าวในประวัติศาสตร์ ได้แก่:
เส้น 180 ⟶ 179:
*มุฮาญิร อิบน์ วะลีด<ref name="Akram497">{{Harvnb|Akram|2004|p=497}}</ref>
สุไลมาน ลูกชายที่แก่ที่สุดของคอลิดถูกฆ่าใน[[การยึดครองอียิปต์โดยมุสลิม|อียิปต์]]<ref name="Akram497"/> แต่มีบางรายงานเขียนว่าเขาถูกฆ่าในสงคราม[[ดิยาร์บากิร]]ในปี ค.ศ. 639<ref>Ring and Salkin, 1996, p.193.</ref> มุฮาญิร อิบน์ วะลีดเสียชีวิตใน[[สงครามซิฟฟิน]] และ[[อับดุลเรมาน อิบน์ วะลีด]]ยังคงเป็นผู้ว่าราชการเมืองเอมีซาในสมัยเคาะลีฟะฮ์[[อุสมาน]] แล้วเข้าร่วมสงครามซิฟฟินโดยเป็นหนึ่งในแม่ทัพของ[[มุอาวิยะฮ์ที่ 1]], เข้าร่วม[[สงครามคอนสแตนติโนเปิล (ค.ศ. 674–678)|ยึดคอนสแตนติโนเปิล]]ในปี ค.ศ. 674 [[อับดุลเรมาน อิบน์ วะลีด]] จึงกลายเป็นคนที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไป แต่มีรายงานว่าเขาโดนวางยาพิษของมุอาวิยะฮ์<ref name="Akram497"/> เพราะว่าเขาต้องการให้[[ยะซีดที่ 1]] ลูกชายของเขาเป็นกษัตริย์คนต่อไปแทน<ref name="Akram497"/>
==อ้างอิง==
{{รายการอ้างอิง|20em}}
==บรรณานุกรม==
เส้น 222 ⟶ 221:
{{refend}}
==แหล่งข้อมูล
*[http://www.meccabooks.com/342-khalid-bin-al-waleed-sword-of-allah-9780954866525.html Sword of Allah Biography of Khalid bin Al-Waleed Book by A.I. Akram]
*[https://web.archive.org/web/20070126114808/http://www.swordofallah.com/images/mapregionbig.gif Map of Khalid bin Al-Waleed's Conquests]
เส้น 232 ⟶ 230:
{{Authority control}}
{{lifetime|585|642}}
[[หมวดหมู่:บนูมัคซูม]]
| |||