ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลัทธิผสานจุดสี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Anonimeco (คุย | ส่วนร่วม)
แก้ไขบางส่วน
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Seurat-La Parade detail.jpg|thumb|right|230px|รายละเอียดของภาพ "พาเหรดละครสัตว์" (ค.ศ. 1889) โดย[[ฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา]] แสดงให้เห็นจุดสีที่ตัดการในการผสานจุดสี]]
'''ลัทธิผสานจุดสี'''<ref>[http://rirs3.royin.go.th/coinages/webcoinage.php ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน]</ref> ({{lang-en|pointillism}}) คือเทคนิคการเขียน[[จิตรกรรม]]ที่ใช้จุดสีเล็กๆเล็ก ต่างๆๆ ต่าง ๆ สีที่ผสานกันขึ้นมาเป็นภาพด้วยตา นอกจากการใช้การ "ผสานจุดสี" แล้วก็ยังมีงานกราฟิกที่เป็นภาพที่เกิดจากจุดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่มาของลัทธิผสานจุดสีมาจาก[[Figurative art|ศิลปะรูปลักษณ์]]<ref>[http://rirs3.royin.go.th/coinages/webcoinage.php ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน]</ref> (figurative art) ของการสร้างงานจิตรกรรมที่ไม่ใช่การสร้าง[[Abstract art|ศิลปะนามธรรม]] (abstract art) ของศิลปะการแสดงออก
 
== การเขียน ==
เทคนิคที่ใช้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับรู้ (perceptive ability) ของตาและความคิด (mind) ของผู้ชมในการผสานจุดสีให้เป็นกลุ่มสี ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ[[ศิลปะวิภาคนิยม]] ซึ่งเป็นเทคนิคการเขียนอีกแนวหนึ่ง ลัทธิผสานจุดสีเป็นเทคนิคที่มีผู้ใช้อย่างจริงจังอยู่ไม่กี่คน แต่ที่เห็นได้ชัดคือในงานเขียนของ[[ฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา]], [[Paul Signac|ปอล ซีญัก]] และ[[Henri-Edmond Cross|อองรี-เอ็ดมงด์ โครส]] คำว่า "pointillism" คิดขึ้นโดย[[art critics|นักวิพากษ์ศิลป์]]ราวปลายคริสต์ทศวรรษ 1880 เพื่อเยาะเย้ยงานเขียนของศิลปินกลุ่มนี้ แต่ในปัจจุบันเป็นการใช้ที่ต่างทัศนะจากเดิมโดยปราศจากการเย้ยหยัน
 
การสร้างงานผสานจุดสีตรงกันข้ามกับวิธีการเขียนภาพที่ใช้กันทั่วไปที่จะผสมรงค์วัตถุที่ต้องการจะใช้บนจานผสมสี โดยใช้สีที่ผสมสำเร็จที่ขายกันในตลาด การผสานจุดสีคล้ายกับกระบวนการพิมพ์สี่สี (CMYK) ที่ใช้ในการพิมพ์สีของแท่นพิมพ์ขนาดใหญ่ที่ใช้สี cyan (น้ำเงิน), magenta (แดง), yellow (เหลือง) และ key (ดำ) โทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์ก็ใช้เทคนิคการผสานจุดสีในการสร้างภาพแต่ใช้สีแดง, เขียว และน้ำเงิน (RGB) แทนที่
บรรทัด 16:
* [[John Roy|จอห์น รอย]]
* [[ฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา]]
* [[Paul Signac|ปอล ซีญัก]]
* [[Maximilien Luce]]
* [[ฟินเซนต์ ฟัน โคค]]