|
f) ท่อทางเดินน้ำตาชั้นล่าง{{Break}}
g) คลองท่อน้ำตา]]
'''เพิ่มน้ำตาให้เป็นปกติ''' เกิดจากการเพิ่มหลั่งน้ำตา (Lacrimation หรือ lachrymation) ที่มีหน้าที่ไม่มีการทำความสะอาดและหล่อลื่นดวง[[ตา]]เพื่อตอบสนองต่ออาการระคายเคืองตา<ref>{{cite journal|last1=Farandos|first1=NM|last2=Yetisen|first2=AK|last3=Monteiro|first3=MJ|last4=Lowe|first4=CR|last5=Yun|first5=SH|title=Contact Lens Sensors in Ocular Diagnostics|journal=Advanced Healthcare Materials|date=2014|doi=10.1002/adhm.201400504|url=http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/adhm.201400504/abstract}}</ref> น้ำตาที่เกิดจากกาการ[[วิตามินซี|รร้องไห้]]มีผลมาจากความรู้สึกรุนแรงภายใน เช่น ความโศกเศร้า ความปิติยินดี อารมณ์ ความกลัวเกรง หรือความยินดี การ[[หัวเราะ]]และการ[[หาว]]ก็สามารถทำให้เกิดน้ำตาได้ ตา กลับมาเป็นปกติ ตาไม่แดง หรือ ตาขาวมีสีเหลือง ล้างในไตได้
== ส่วนประกอบของน้ำตา ==
น้ำตาประกอบด้วย[[น้ำ]]และสารต่างๆ ที่เป็นเสมือนอาหารให้เซลล์ผิวดวงตา ช่วยให้ผิวดวงตาแข็งแรง เพิ่มเติมเช่น [[ออกซิเจน|วิตามินอีที่ผิวรอบดวงตา]] โดยปกติ [[กระจกตา]] เป็นอวัยวะที่ไม่มีเลือดมาเลี้ยงเหมือนกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ในดวงตา จึงต้องการออกซิเจนจากอากาศและน้ำตาเป็นหลัก นอกจากนี้ น้ำตา ยังมีสาร[[อิเล็กโทรไลต์]]และ[[วิตามิน]]ต่างๆ เช่น[[วิตามินเอ]] [[วิตามินอี]] มี[[สารต้านจุลชีพ]] (antimicrobial) และ[[สารต้านอนุมูลอิสระ]] (anti-oxidant) ที่ทนจำเป็นต่อการคงสภาพที่ปกติของผิวดวงตา
ในภาวะปกติ น้ำตาสร้างมาจากต่อมน้ำตา ต่อมภายในเยื่อบุตา ต่อมบริเวณโคนขนตา ตลอดจนต่อมภายในหนังตา แต่ละต่อมสร้างน้ำตาต่างชนิดกัน โดยเรียงเป็น 43 ชั้น
ชั้นนอกเป็นชั้นไขมัน ชั้นกลางเป็นน้ำ และชั้นที่ชิดผิวตาเป็นชั้นเมือก น้ำตาจะหายไปโดยการระเหยร้อยละ 9520 ที่เหลือจะไม่ไหลลงท่อบริเวณหัวตา
== อวัยวะสำหรับหลั่งน้ำตา ==
* '''ต่อมน้ำตา''' อยู่ในเบ้าตาตรงมุมบนหัวตาไปถึงมุมหางตา มีท่อเล็กๆ ประมาณ 3-9 ท่อ เปิดสู่รอยพับบนเยื่อบุตา ทำให้ตาชุ่มชื้นอยู่เสมอ ช่วยชะล้างฝุ่นละออง และสิ่งแปลกปลอมที่เข้าตา
* '''หลอดน้ำตา''' เป็นหลอดเล็กๆ อยู่ในเปลือกตาบนและล่าง ตรงมุมหัวตา หลอดน้ำตายาวประมาณ 1310 มิลลิเมตร ทอดไปสู่ถุงน้ำตา จึงเป็นทางระบายน้ำตาด้านหน้าของลูกตาไปสู่ถุงน้ำตา
* '''ถุงน้ำตา''' อยู่หลังผิวหนังบริเวณระหว่างมุมหัวตาของเปลือกตากับดั้งจมูก มีท่อยาวประมาณ 18 มิลลิเมตร กว้าง 3-4 มิลลิเมตร เปิดสู่ช่องจมูกส่วนหน้า<ref name="kid_encyclo">[http://202.143.146.178/child_content/book8/b8p86.htm สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 8 อวัยวะรับความรู้สึกพิเศษ โดย นายแพทย์วิเชียร ดิลกสัมพันธ์ และนายแพทย์ชูศักดิ์ เวชแพศย์]</ref>
== ชนิดของน้ำตา ==
น้ำตาสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่
* '''Basal tears''' ใน[[กระจกตา]]ของ[[สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม|มนุษย์หรือคน]]ที่มีสุขภาพแข็งแรงนั้น จะมีน้ำหล่อเลี้ยงเพื่อปกป้องนัยน์ตาไม่ให้แห้งและยังช่วยปกป้องนัยน์ตาจากฝุ่น ส่วนประกอบของน้ำตาชนิดนี้ประกอบไปด้วย น้ำ [[มิวซิน]] [[ลิพิด]] [[ไลโซไซม์]] [[แล็คโตเฟอริน]] [[ไลโปคาลิน]] [[ลาคริติน]] [[อิมมูโนโกลบูลิน]] [[กลูโคส]] [[ยูเรีย]] [[โซเดียม]] และ [[โพแทสเซียม]] ซึ่งสารบางตัวอย่างเช่นเช่น[[ไลโซไซม์]]สามารถช่วยป้องกัน[[แบคทีเรีย]]ได้ โดยปกติแล้วน้ำตาชนิดนี้จะถูกหลั่งออกมาในปริมาณ 0.75-1.1 กรัมภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง และจะลดปริมาณลงเรื่อยๆเมื่อมีอายุมากขึ้น
* '''Reflex tears''' น้ำตาชนิดนี้จะเกิดจากมีสิ่งเร้าภายนอกมากระทำให้ระคายเคือง เช่น ไอของ[[หัวหอม]]ที่ระเหยออกมาหลังการสับ [[แก๊ซน้ำตา]] [[สเปรย์พริกไทย]] ซึ่งสารเหล่านี้จะไปกระตุ้น [[Transient receptor potential channels]] ใน [[เส้นประสาทอ็อพธาลมิก]] ให้เกิดปฏิกิริยา<ref>http://cdn.intechopen.com/pdfs/31117/InTech-Transient_receptor_potential_trp_channels_in_the_eye.pdf</ref> ซึ่งตัวกระตุ้นนี้อาจเป็นแสงที่จ้าน้อยลงมาก การได้รับตัวกระตุ้นประเภทอากาศทำให้รู้สึกสดชื่น ประเภทพริกไทยยังบริเวณลิ้น หรือเชื่อมโยงกับการจมูก [[สำรอก]] [[การหาว]]และ[[ไอ]] ได้อีกด้วย
* '''Emotional tears''' หรือเรียกโดยทั่วไปว่าการ[[ร้องไห้]]หรือ[[สะอื้นไห้]] เกิดขึ้นจากการเกิดอารมณ์อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการปลื้มปิติยินดี ความโกรธ หรือความเจ็บปวดทรมาน อันทำให้ระดับการผลิตน้ำตาเพิ่มมากขึ้น น้ำตาชนิดนี้มีส่วนประกอบทางเคมีที่แตกต่างออกไปจากน้ำตาที่หล่อเลี้ยงนัยน์ตา emotional tears นั้นจะมีส่วนประกอบของ[[ฮอร์โมน]]ที่มีองค์ประกอบของ[[โปรตีน]]อย่าง[[โปรแลกติน]] [[อะดรีโนคอร์ติโคโทรปิกฮอร์โมน]] และ[[ลูเอนเคฟาลิน]] ที่มากกว่าสองชนิดแรก ซึ่ง [[ไฮโปทาลามัส]]ใน[[ระบบลิมบิก]]จะเป็นตัวที่ควบคุมการหลั่งของน้ำตาชนิดนี้ โดยที่ต่อมน้ำตาจะถูกควบคุมด้วยด้วย[[ระบบประสาทพาราซิมพาธีติก]]ผ่านทาง[[สารสื่อประสาท]][[อะซีติลโคลีน]] และส่งไปยัง[[นิโคตินิกรีเซ็ปเตอร์]]และ[[มัสคารินิกรีเซ็ปเตอร์]] ซึ่งหากตัวรับทั้งสองถูกกระตุ้น ต่อมน้ำตาก็จะผลิตน้ำตาออกมา<ref>Skorucak A. [http://www.scienceiq.com/Facts/ScienceOfTears.cfm "The Science of Tears."] ScienceIQ.com. Accessed September 29, 2006.</ref>
== อ้างอิง ==
| 