ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อีซาแบลแห่งโปรตุเกส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 15:
* [[โจอันนาแห่งออสเตรีย เจ้าหญิงแห่งโปรตุเกส]]
}}
| house = [[ราชวงศ์อาวิซวิช|อาวิซวิช]] (''โดยประสูติ'')<br/>[[ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค|ฮาพส์บวร์ค]] (''โดยอภิเษกสมรส'')
| father = [[พระเจ้ามานูเอลที่ 1 แห่งโปรตุเกส]]
| mother = [[มารีริอาแห่งอาแห่งอรากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส|มาเรียแห่งอริอาแห่งอารากอน]]
| birth_date = 24 ตุลาคม พ.ศ. 2046
| birth_place = [[ลิสบอน]], โปรตุเกส
| death_date = {{death date and age|2082|5|1|2046|10|24|df=y}}
| death_place = [[โตเลโด]], สเปน
| burial_place = [[เอลเอสโกเรียล]]
| religion = [[โรมันคาทอลิก]]
| signature = Isabel de Avis.jpg
}}
'''อีซาแบลแห่งโปรตุเกส''' ({{lang-pt|Isabel de Portugal}}) เป็นจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์, ดัชเชสแห่งบูร์กอญ และพระราชินีแห่งเยอรมนี, อิตาลี, สเปน, เนเปิลส์ และซิซิลีจากการอภิเษกสมรสกับ[[จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิการ์โลสที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]
 
'''อีซาแบลแห่งโปรตุเกส''' เป็นจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์, ดัชเชสแห่งบูร์กอญ และพระราชินีแห่งเยอรมนี, อิตาลี, สเปน, เนเปิลส์ และซิซิลีจากการอภิเษกสมรสกับ[[จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิการ์โลสที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]
 
== ชาติกำเนิด ==
อีซาแบลเสด็จพระราชสมภพที่[[ลิสบอน]] [[ราชอาณาจักรโปรตุเกส]] เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1503 ทรงเป็นพระโอรสธิดาคนที่สองและเป็นพระธิดาคนโตของ[[พระเจ้ามานูเอลที่ 1 แห่งโปรตุเกส]]กับ[[มาริอาแห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส|มาริอาแห่งอารากอน]] พระมเหสีคนที่สองซึ่งเป็นพระธิดาของ[[สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา]] พระองค์ทรงได้รับการตั้งชื่อว่าอีซาแบลตามพระนางและพระธิดาคนแรกของพระนางซึ่งเป็นพระมเหสีคนแรกของพระบิดา ([[อิซาเบลแห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส (ค.ศ. 1497–1498)|อิซาเบลแห่งอารากอน]]) ในปีที่อีซาแบลเกิด สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 พระอัยกีมีสุขภาพที่ย่ำแย่และสิ้นพระชนม์ในปีต่อมา
 
อีซาแบลมีชีวิตวัยเยาว์อันแสนสุขในครอบครัวที่มั่งคั่ง ทรงใช้ช่วงเวลาวัยเยาว์ที่พระราชวังรีไบราซึ่งต่อมาถูกแผ่นดินไหวทำลาย พระองค์ชอบโปรดการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆใหม่ ๆ และโปรดปรานในงานวรรณกรรม ในวัยเด็กทรงศึกษาภาษาละติน, ภาษาสเปน และภาษาฝรั่งเศส
 
อีซาแบลมีชีวิตวัยเยาว์อันแสนสุขในครอบครัวที่มั่งคั่ง ทรงใช้ช่วงเวลาวัยเยาว์ที่พระราชวังรีไบราซึ่งต่อมาถูกแผ่นดินไหวทำลาย พระองค์ชอบเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ และโปรดปรานในงานวรรณกรรม ในวัยเด็กทรงศึกษาภาษาละติน, ภาษาสเปน และภาษาฝรั่งเศส
 
<br />
 
== การอภิเษกสมรส ==
<br />
[[ไฟล์:Charles V and Empress Isabella of Portugal, by Peter Paul Rubens.jpg|left|thumb|ภาพจักรพรรดิการ์โลสที่ 5 กับจักรพรรดินีอีซาแบล โดย[[เปเตอร์ เปาล์ รือเบินส์]]]]
มาริอา พระมารดาของอีซาแบลได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนในพินัยกรรมว่าพระธิดาของพระองค์ต้องสมรสกับกษัตริย์หรือพระโอรสตามกฎหมายของกษัตริย์เท่านั้น และการ์โลส (คาร์ล) แห่ง[[ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค|ฮาพสบวร์ค]]ถูกมองว่าเป็นคู่ครองที่เหมาะสมสำหรับอีซาแบล พระองค์เป็นพระโอรสของ[[สมเด็จพระราชินีนาถฆัวนาแห่งกัสติยา|ฆัวนาแห่งกัสติยา]] พระเชษฐภคินีของมาริอา กับ[[พระเจ้าเฟลิเปที่ 1 แห่งกัสติยา|เฟลิเปผู้หล่อเหลา]] ดยุคแห่งบูร์กอญ จึงมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่หนึ่งของอีซาแบล
 
 
การสมรสของการ์โลสและอีซาแบลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสเปนและโปรตุเกส ด้วยโปรตุเกสเป็นราชอาณาจักรที่มั่งคั่ง ส่วนการ์โลสก็ได้รับเลือกเป็น[[จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]] การเป็นพันธมิตรกันของสองราชอาณาจักรจะเป็นสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป ทว่ากีโยม เดอ ครัว หนึ่งในที่ปรึกษาของจักรพรรดิการ์โลสกลับแนะนำให้พระองค์สมรสกับ[[สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ|แมรี ทิวเดอร์]] ลูกพี่ลูกน้องชั้นที่หนึ่งอีกคนของพระองค์ซึ่งเป็นพระธิดาของ[[พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ]]กับ[[กาตาลินาแห่งอารากอน]] แมรี ทิวเดอร์อ่อนวัยกว่าจักรพรรดิการ์โลส 16 พรรษา ทั้งคู่หมั้นหมายกันในปี ค.ศ. 1521 แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 1525 พระองค์ได้ล้มเลิกแผนการสมรสเนื่องจากแมรียังเด็กเกินไป ในขณะที่จักรพรรดิไม่ต้องการรออีกต่อไป
 
พระองค์หันกลับมาหาอีซาแบลอีกครั้ง พระนางอ่อนวัยกว่าพระองค์เพียง 3 พรรษา และมีสินเดิมติดตัวเป็นเงิน 900,000 กรูซาโดดูโปรตุเกสซึ่งมากพอที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของจักรวรรดิที่ย่ำแย่หลังการทำ[[สงครามอิตาลี (ค.ศ. 1521-1526)|สงครามอิตาลี]]ในช่วงปี ค.ศ. 1521–1526 การพูดภาษาสเปนได้อย่างคล่องแคล่วเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้จักรพรรดิการ์โลสตัดสินใจสมรสกับพระนาง ขณะเดียวกัน[[กาตาลินาแห่งออสเตรีย สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส|กาตาลินาแห่งออสเตรีย]] พระขนิษฐาของพระองค์ก็ได้สมรสกับ[[พระเจ้าฌูเอาที่ 3 แห่งโปรตุเกส]] พระเชษฐาของอีซาแบล สองพี่น้องแห่งโปรตุเกส พระเจ้าฌูเอาที่ 3 กับอีซาแบล เป็นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่หนึ่งของสองพี่น้องที่ทั้งคู่สมรสด้วย ทั้งสี่คนเป็นพระนัดดาของพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยากับ[[พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน]] ซึ่งการสมรสของทั้งคู่เป็นการรวมสเปนเข้าด้วยกัน
 
ปี ค.ศ. 1526 อีซาแบลได้เดินทางมาสเปนเพื่อพบกับดยุคแห่งกาลาเบรีย, อาร์ชบิชอปอัครมุขนายกแห่งโตเลโด และดยุคแห่งเบฆาร์ ก่อนเดินทางต่อไป[[เซบิยา]]เพื่อพบกับจักรพรรดิการ์โลสด้วยเหตุผลทางการเมือง พระองค์ไปถึงเซบิยาในเดือนมีนาคม สองอาทิตย์ต่อมาจักรพรรดิการ์โลสได้ตามมาสมทบ พระองค์ตกหลุมรักอีซาแบลทันทีและตัดสินสมรสกับพระนางอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่สมรสกันในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1526 ที่พระราชวังอัลกาซาแห่งเซบิยาของ[[ชาวมัวร์]] การสมรสแม้จะเริ่มต้นด้วยเหตุผลด้านการเงินและด้านราชวงศ์ แต่ต่อมากลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าการสมรสเพื่อผลประโยชน์ ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยกันอย่างหวานชื่นที่[[แคว้นอันดาลูซิอา|อันดาลูซิอา]]ในราชวัง[[อาลัมบราในลัมบรา]]ใน[[กรานาดา]] ทรงอยู่ในโลกที่มีเพียงพระองค์สองคนและพูดคุยหัวเราะกันตลอดเวลา
พระองค์หันกลับมาหาอีซาแบลอีกครั้ง พระนางอ่อนวัยกว่าพระองค์เพียง 3 พรรษา และมีสินเดิมติดตัวเป็นเงิน 900,000 กรูซาโดโปรตุเกสซึ่งมากพอที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของจักรวรรดิที่ย่ำแย่หลังการทำ[[สงครามอิตาลี (ค.ศ. 1521-1526)|สงครามอิตาลี]]ในช่วงปี ค.ศ. 1521–1526 การพูดภาษาสเปนได้อย่างคล่องแคล่วเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้จักรพรรดิการ์โลสตัดสินใจสมรสกับพระนาง ขณะเดียวกัน[[กาตาลินาแห่งออสเตรีย สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส|กาตาลินาแห่งออสเตรีย]] พระขนิษฐาของพระองค์ก็ได้สมรสกับ[[พระเจ้าฌูเอาที่ 3 แห่งโปรตุเกส]] พระเชษฐาของอีซาแบล สองพี่น้องแห่งโปรตุเกส พระเจ้าฌูเอาที่ 3 กับอีซาแบล เป็นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่หนึ่งของสองพี่น้องที่ทั้งคู่สมรสด้วย ทั้งสี่คนเป็นพระนัดดาของพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยากับ[[พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน]] ซึ่งการสมรสของทั้งคู่เป็นการรวมสเปนเข้าด้วยกัน
 
 
ปี ค.ศ. 1526 อีซาแบลได้เดินทางมาสเปนเพื่อพบกับดยุคแห่งกาลาเบรีย, อาร์ชบิชอปแห่งโตเลโด และดยุคแห่งเบฆาร์ ก่อนเดินทางต่อไป[[เซบิยา]]เพื่อพบกับจักรพรรดิการ์โลสด้วยเหตุผลทางการเมือง พระองค์ไปถึงเซบิยาในเดือนมีนาคม สองอาทิตย์ต่อมาจักรพรรดิการ์โลสได้ตามมาสมทบ พระองค์ตกหลุมรักอีซาแบลทันทีและตัดสินสมรสกับพระนางอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่สมรสกันในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1526 ที่พระราชวังอัลกาซาแห่งเซบิยาของ[[ชาวมัวร์]] การสมรสแม้จะเริ่มต้นด้วยเหตุผลด้านการเงินและด้านราชวงศ์ แต่ต่อมากลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าการสมรสเพื่อผลประโยชน์ ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยกันอย่างหวานชื่นที่[[แคว้นอันดาลูซิอา|อันดาลูซิอา]]ในราชวังอาลัมบราใน[[กรานาดา]] ทรงอยู่ในโลกที่มีเพียงพระองค์สองคนและพูดคุยหัวเราะกันตลอดเวลา
 
ในตอนที่สมรสอีซาแบลได้รับการบรรยายไว้ว่าทรงบอบบางและน่าทะนุถนอม ทั้งพระองค์และพระสวามีต่างศรัทธาในศาสนาอย่างแรงกล้า
<br />
 
== ชีวิตสมรสและการสิ้นพระชนม์ ==
<br />
[[ไฟล์:Cenotafio de Carlos I de España y su familia.jpg|thumb|รูปแกะสลักสำริดของจักรพรรดิการ์โลสกับอีซาแบลที่มหาวิหารในเอลเอสกอริอัล]]
อีซาแบลมีพระโอรสธิดาให้จักรพรรดิการ์โลสหกคน คือ
เส้น 66 ⟶ 56:
# พระโอรส (ประสูติ ค.ศ. 1539) สิ้นพระชนม์ในครรภ์
 
พระองค์ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระสวามีสองครั้ง คือ ในช่วงปี ค.ศ. 1529–1532 และในช่วงปี ค.ศ. 1535–1539 ทรงแก้ไขปัญหาต่างๆต่าง ๆ ของราชอาณาจักรได้อย่างง่ายดายและงดงามด้วยพระปรีชาสามารถ พระองค์เดินทางไปทั่วจักรวรรดิและมักใช้เวลาช่วงหน้าร้อนที่[[อาบิลา]]
 
พระองค์ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระสวามีสองครั้ง คือ ในช่วงปี ค.ศ. 1529–1532 และในช่วงปี ค.ศ. 1535–1539 ทรงแก้ไขปัญหาต่างๆ ของราชอาณาจักรได้อย่างง่ายดายและงดงามด้วยพระปรีชาสามารถ พระองค์เดินทางไปทั่วจักรวรรดิและมักใช้เวลาช่วงหน้าร้อนที่[[อาบิลา]]
 
 
ในช่วงที่อยู่ห่างกันทั้งคู่พูดคุยกันผ่านทางจดหมาย อีซาแบลเขียนจดหมายถึงพระสวามีเพื่อเล่าข่าวคราวความเป็นไปภายในจักรวรรดิและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของพระองค์ จักรพรรดิการ์โลสมักเขียนตอบกลับมา แต่มีบางครั้งที่พระองค์ไม่สามารถตอบกลับมาได้ทำให้อีซาแบลต้องสืบข่าวคราวของพระองค์ด้วยตนเอง พระนางถึงขั้นเคยต่อว่าพระองค์ที่ไม่ยอมส่งข่าวมาว่าอยู่ที่ไหนและได้แจ้งแก่พระสวามีว่าพระนางจะเขียนจดหมายหาพระองค์ทุก 20 วัน เมื่อจักรพรรดิกลับมายังจักรวรรดิ พระนางได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับพระองค์อย่างยิ่งใหญ่
 
แม้จะต้อนรับพระสวามีอย่างหรูหรา แต่อีซาแบลกลับใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทรงเป็นที่รักยิ่งของพระสวามี นอกจากจะเป็นพระมเหสีที่ยอดเยี่ยม พระองค์ยังเป็นพระมารดาที่เลี้ยงดูพระโอรสธิดาด้วยความรักและใส่ใจในการศึกษาของลูกๆลูก ๆ
 
[[ไฟล์:La Gloria (Tiziano).jpg|thumb|ภาพ "ลา กลอเรียโกลเรีย" ของทิเชียน หนึ่งในภาพวาดหลายภาพที่จักรพรรดิการ์โลสที่ 5 สั่งให้วาดเพื่อเป็นการรำลึกอีซาแบล พระมเหสีผู้ล่วงลับ]]
แม้จะต้อนรับพระสวามีอย่างหรูหรา แต่อีซาแบลกลับใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทรงเป็นที่รักยิ่งของพระสวามี นอกจากจะเป็นพระมเหสีที่ยอดเยี่ยม พระองค์ยังเป็นพระมารดาที่เลี้ยงดูพระโอรสธิดาด้วยความรักและใส่ใจในการศึกษาของลูกๆ
 
<br />
[[ไฟล์:La Gloria (Tiziano).jpg|thumb|ภาพ "ลา กลอเรีย" ของทิเชียน หนึ่งในภาพวาดหลายภาพที่จักรพรรดิการ์โลสที่ 5 สั่งให้วาดเพื่อเป็นการรำลึกอีซาแบล พระมเหสีผู้ล่วงลับ]]
วันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1539 อีซาแบลได้ให้กำเนิดพระโอรสที่สิ้นพระชนม์ในครรภ์ ต่อมาทรงมีไข้สูงและตกเลือด สองอาทิตย์หลังการคลอดพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1539 ด้วยวัย 35 พรรษา การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ส่งผลอย่างมากต่อจักรพรรดิการ์โลส พระองค์ไม่ยอมสมรสใหม่และครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิตที่เหลือ ในปี ค.ศ. 1547 พระองค์ได้รับเป็นบิดาของบุตรนอกสมรสสองคน ซึ่งคนแรกเกิดก่อนที่พระองค์จะอภิเษกสมรสกับอีซาแบล
 
จักรพรรดิแต่งดำตลอดชีวิตที่เหลือเพื่อไว้อาลัยให้กับการจากไปของพระมเหสี พระองค์เสียใจอย่างมากจนไม่สามารถเข้าร่วมพิธีฝังศพของพระนางได้ เฟลิเป พระโอรสของทั้งคู่ได้ฝังร่างของพระนางไว้ที่โบสถ์น้อยในกรานาดา ขณะที่จักรพรรดิได้ขังตัวอยู่ในอารามเป็นเวลาสองเดือนเพื่อไว้อาลัยและทำใจกับการสูญเสียพระมเหสี ปี ค.ศ. 1540 พระองค์ได้ว่าจ้างธอมัส[[ตอมา เครกียง]] เกร็กกียงให้ประพันธ์เพลงให้แก่พระมเหสีผู้ล่วงลับ ในปี ค.ศ. 1543 พระองค์ได้ว่าจ้างจิตรกรชื่อ[[ทิเชียน]]ให้วาดภาพของพระองค์ ทิเชียนได้วาดภาพของอีซาแบลหลายภาพ รวมถึงภาพ "พระบรมสาทิสลักษณ์ของจักรพรรดินีอีซาแบลแห่งโปรตุเกส" และภาพ "ลา กลอเรียโกลเรีย" จักรพรรดิการ์โลสได้เก็บภาพวาดไว้กับตัวแม้แต่ในยามที่ทรงเกษียณตัวเข้าสู่อารามยูยุสเต
 
จักรพรรดิแต่งดำตลอดชีวิตที่เหลือเพื่อไว้อาลัยให้กับการจากไปของพระมเหสี พระองค์เสียใจอย่างมากจนไม่สามารถเข้าร่วมพิธีฝังศพของพระนางได้ เฟลิเป พระโอรสของทั้งคู่ได้ฝังร่างของพระนางไว้ที่โบสถ์น้อยในกรานาดา ขณะที่จักรพรรดิได้ขังตัวอยู่ในอารามเป็นเวลาสองเดือนเพื่อไว้อาลัยและทำใจกับการสูญเสียพระมเหสี ปี ค.ศ. 1540 พระองค์ได้ว่าจ้างธอมัส เกร็กกียงให้ประพันธ์เพลงให้แก่พระมเหสีผู้ล่วงลับ ในปี ค.ศ. 1543 พระองค์ได้ว่าจ้างจิตรกรชื่อ[[ทิเชียน]]ให้วาดภาพของพระองค์ ทิเชียนได้วาดภาพของอีซาแบลหลายภาพ รวมถึงภาพ "พระบรมสาทิสลักษณ์ของจักรพรรดินีอีซาแบลแห่งโปรตุเกส" และภาพ "ลา กลอเรีย" จักรพรรดิการ์โลสได้เก็บภาพวาดไว้กับตัวแม้แต่ในยามที่ทรงเกษียณตัวเข้าสู่อารามยูสเต
 
 
อีซาแบลเป็นที่รู้จักในชื่อ "จักรพรรดินีคาร์เนชัน" ด้วยจักรพรรดิการ์โลสได้นำดอกคาร์เนชันสีแดงเข้ามาปลูกในจักรวรรดิเพื่อเป็นตัวแทนของความรักที่พระองค์มีต่อพระนาง ต่อมาดอกไม้ชนิดนี้ได้กลายเป็นดอกไม้ประจำชาติของสเปน
 
จักรพรรดิการ์โลสสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1574 ร่างของพระองค์กับอีซาแบลถูกฝังเคียงข้างกันที่อารามหลวงซันโลเรน[[เอลเอสโกเรียล|ซานโลเรนโซเดเอลเอสกอริอัลลเอสโกเรียล]]ตามพระราชประสงค์ของจักรพรรดิการ์โลส ในปี ค.ศ. 1654 [[พระเจ้าเฟลิเปที่ 4 แห่งสเปน|พระเจ้าเฟลิเปที่ 4]] พระปนัดดาได้ย้ายร่างของทั้งคู่ไปฝังที่สุสานบรรพชนกษัตริย์
 
จักรพรรดิการ์โลสสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1574 ร่างของพระองค์กับอีซาแบลถูกฝังเคียงข้างกันที่อารามหลวงซันโลเรนโซเดเอลเอสกอริอัลตามพระประสงค์ของจักรพรรดิการ์โลส ในปี ค.ศ. 1654 [[พระเจ้าเฟลิเปที่ 4 แห่งสเปน|พระเจ้าเฟลิเปที่ 4]] พระปนัดดาได้ย้ายร่างของทั้งคู่ไปฝังที่สุสานบรรพชนกษัตริย์
 
<br />
 
== อ้างอิง ==