ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามเย็น"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Anonimeco (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
แทนที่เนื้อหาด้วย "{{เพิ่มอ้างอิง}} '''สงครามเย็น''' ({{lang-en|Cold War}} คนจีนเต่าเหม็..."
บรรทัด 1:
{{เพิ่มอ้างอิง}}
'''สงครามเย็น''' ({{lang-en|Cold War}} คนจีนเต่าเหม็น)เป็นยุคที่ไม่มีเสื้อกันหนาวนอน
{{ความหมายอื่น||ภาพยนตร์|2 คมล่าถล่มเมือง}}
[[ไฟล์:Berlinermauer.jpg|thumb|325px|ภาพถ่าย[[กำแพงเบอร์ลิน]]จากฝั่งตะวันตก กำแพงถูกสร้างใน ค.ศ. 1961 เพื่อป้องกันมิให้ชาวเยอรมันตะวันออกหนีและหยุดการหลั่งไหลของแรงงานซึ่งเป็นภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ มันเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็นและการทลายกำแพงใน ค.ศ. 1989 เป็นสัญลักษณ์ว่าสงครามเย็นใกล้ยุติ]]
'''สงครามเย็น''' ({{lang-en|Cold War}} {{lang-ru|Холодная война}}) เป็นสถานะความตึงเครียดทางการเมืองและการทหารหลัง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]ระหว่างประเทศใน[[กลุ่มตะวันตก]] ([[สหรัฐอเมริกา]] พันธมิตร[[เนโท]] ฯลฯ) และประเทศใน[[กลุ่มตะวันออก]] ([[สหภาพโซเวียต]]และพันธมิตรใน[[สนธิสัญญาวอร์ซอ]])
 
นักประวัติศาสตร์ยังไม่ตกลงกันทั้งหมดว่าสงครามเย็นคือช่วงใดกันแน่ แต่ส่วนใหญ่ถือ ค.ศ. 1947–1991 สงครามเย็นได้ชื่อว่า "เย็น" เพราะไม่มีการสู้รบขนาดใหญ่โดยตรงระหว่างสองฝ่าย แม้มีสงครามในภูมิภาคสำคัญ ๆ ที่เรียก [[สงครามตัวแทน]] ในประเทศเกาหลี เวียดนามและอัฟกานิสถานซึ่งทั้งสองฝ่ายสนับสนุนก็ตาม สงครามเย็นแบ่งแยกพันธมิตรยามสงครามชั่วคราวเพื่อต่อกรกับ[[นาซีเยอรมนี]] ซึ่งสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาผงาดเป็น[[อภิมหาอำนาจ]]โดยมีข้อแตกต่างทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างลึกล้ำ คือ สหภาพโซเวียตเป็นรัฐ[[ลัทธิมากซ์–เลนิน]]พรรคการเมืองเดียว และสหรัฐอเมริกาเป็นรัฐทุนนิยมที่มีการเลือกตั้งเสรีโดยทั่วไป กลุ่มเป็นกลางที่ประกาศตนกำเนิดขึ้นด้วย[[ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด]]ซึ่งประเทศอียิปต์ อินเดีย อินโดนีเซียและยูโกสลาเวียก่อตั้ง กลุ่มแยกนี้ปฏิเสธการสมาคมกับทั้งกลุ่มตะวันตกและกลุ่มตะวันออก สองประเทศมหาอำนาจไม่เคยประจัญในการต่อสู้ด้วยอาวุธเต็มขั้น แต่ต่างฝ่ายต่างสั่งสมอย่างหนักเตรียมรับสงครามโลกนิวเคลียร์แบบสุดตัวที่อาจเกิดขึ้น ต่างฝ่ายมีสิ่งกีดขวางนิวเคลียร์ซึ่งกีดขวางการโจมตีของอีกฝ่าย บนพื้นฐานว่าการโจมตีนั้นจะนำไปสู่การทำลายล้างฝ่ายโจมตีอย่างสิ้นซาก คือ ลัทธิ[[อำนาจทำลายล้างซึ่งกันและกัน]] นอกเหนือจากการพัฒนาคลังนิวเคลียร์ของสองฝ่าย และการวางกำลังทหารตามแบบแล้ว การต่อสู้เพื่อครองความเป็นใหญ่ยังแสดงออกมาผ่านสงครามตัวแทนทั่วโลก การสงครามจิตวิทยา การโฆษณาชวนเชื่อและจารกรรม และการแข่งขันทางเทคโนโลยี เช่น [[การแข่งขันอวกาศ]]
 
== การใช้คำ ==
สงครามเย็นเป็นภาวะอย่างหนึ่งที่ประเทศมหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายต่างแข่งขันกัน โดยพยายามสร้างแสนยานุภาพทางการทหารของตนไว้ข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม โดยประเทศมหาอำนาจจะไม่ทำสงครามกันโดยตรง แต่จะสนับสนุนให้ประเทศพันธมิตรของตนเข้าทำสงครามแทน หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสงครามตัวแทน (proxy War) เหตุที่เรียก ''สงครามเย็น'' เนื่องจากเป็นการต่อสู้กันระหว่างมหาอำนาจ โดยใช้จิตวิทยา
 
{{อ้างอิง}}
 
== การกำเนิดค่ายตะวันออก ==
[[ไฟล์:EasternBloc BorderChange38-48.svg|150px|right|thumb|การเปลี่ยนแปลงของดินแดนหลังสงครามในยุโรปและการก่อตัวของทางทิศตะวันออกที่เรียกว่าม่านเหล็ก.]]
ในช่วงท้ายของ[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] สหภาพโซเวียตได้ก่อตั้ง[[ค่ายตะวันออก]] (Eastern Bloc) โดยการรวมรัฐที่ได้ยึดมาจากฝ่าย[[นาซี]] เช่น โปแลนด์ ลัตเวีย ลิทัวเนีย ฟินแลนด์ เอสโตเนีย โรมาเนีย แล้วจึงเปลี่ยนสถานะให้เป็นรัฐสังคมนิยมซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ[[สหภาพโซเวียต]]
 
== ลำดับเหตุการณ์ ==
 
นโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตในช่วงเวลาดังกล่าว คำนึงถึงสงครามเย็นเป็นหลัก นับจากปี [[ค.ศ. 1947]] ([[พ.ศ. 2490]]) จนกระทั่ง[[การล่มสลายของสหภาพโซเวียต]] ใน [[ค.ศ. 1991]] ([[พ.ศ. 2534]]) สมัยเริ่มต้นสงครามเย็น น่าจะอยู่ในสมัยวิกฤตการณ์ทางการทูตในตอนกลางและปลาย ค.ศ. 1947 เมื่อสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตเกิดขัดแย้งเรื่องการจัดตั้งองค์การสันติภาพใน[[ตุรกี]] [[ยุโรปตะวันออก]]และ[[เยอรมนี]]
 
ความตึงเครียดเนื่องจากการเผชิญหน้ากันระหว่างอภิมหาอำนาจ แต่ยังไม่มีการประกาศสงครามหรือใช้กำลัง เป็นสมัย[[ลัทธิทรูแมน]] วันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1947 กับประกาศ[[แผนการมาร์แชลล์]] เพื่อฟื้นฟูบูรณะ[[ยุโรปตะวันตก]] ซึ่งได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สอง การขยายอิทธิพลของโซเวียตในยุโรปตะวันออก และการแบ่งแยกเยอรมนี
 
การวิจัยและพัฒนาโครงการทางการทหารทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จำนวนมาก เกิดขึ้นในในช่วงเวลานี้ รวมถึงการแข่งขันกัน[[การสำรวจอวกาศ|สำรวจอวกาศ]] และการสะสม[[อาวุธนิวเคลียร์]]ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อแสดงแสนยานุภาพของฝ่ายตน
 
==เริ่มต้นของสงครามเย็น (ค.ศ. 1947-1950) ==
[[ไฟล์:Berlin Blockade Milk.jpg|thumb|150px|นักบินกำลังลำเลียงนมขึ้นเครื่องบินที่ส่งไปช่วยเหลือชาว[[เบอร์ลินตะวันตก]]ในช่วง[[การปิดกั้นเบอร์ลิน|ปิดล้อมเบอร์ลิน]]]]
ระยะแรกของสงครามเย็นเริ่มในสองปีให้หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติใน ค.ศ. 1945 สหภาพโซเวียตรวบการควบคุมเหนือรัฐใน[[กลุ่มตะวันออก]] โดยสหภาพโซเวียตได้นำกองทัพเข้ารัฐประหารประเทศต่างๆกลุ่มตะวันออกและพยายามเข้าแทรกแซงทางการเมืองในกรีซและตรุกี ขณะที่สหรัฐอเมริกาเริ่มได้เริ่ม[[ลัทธิทรูแมน]]คือการจำกัดการขยายตัวของลัทธิที่ไม่พึงปรารถนาทั่วโลกเพื่อท้าทายโซเวียต โดย[[แผนมาร์แชลล์]]ขยายความช่วยเหลือทางทหารและการเงินแก่ประเทศยุโรปตะวันตก (ตัวอย่างเช่น การสนับสนุนฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองกรีซ) การตั้งพันธมิตร[[เนโท]]
 
จากนั้นสหภาพโซเวียตได้[[การปิดกั้นเบอร์ลิน|ปิดล้อมเบอร์ลิน]] ไม่ให้[[กลุ่มตะวันตก]]เข้าช่วยเหลือชาว[[เบอร์ลินตะวันตก]] โดยหวังว่าจะให้ชาวเบอร์ลินตะวันตกจะมาร่วมกับ[[เบอร์ลินตะวันออก]] แต่กลุ่มตะวันตกได้ส่งของทางอากาศช่วยเหลือชาว[[เบอร์ลินตะวันตก]] [[สหภาพโซเวียต|โซเวียต]]เห็นว่าไม่ได้ผลจึงยกเลิกการปิดกั้นให้กลุ่มตะวันตกเข้ามา{{อ้างอิง}}
 
==วิกฤตการณ์(ค.ศ. 1950-1975) ==
[[ไฟล์:U2 Image of Cuban Missile Crisis.jpg|right|thumb|ภายถ่ายจากการบินสอดแนมของยู-2 แสดงให้เห็นขีปนาวุธนิวเคลียร์ในคิวบา ในภาพจะมีรถขนส่งและเต็นท์เชื้อเพลิง]]
ด้วยชัยชนะของฝ่ายคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองจีนและการอุบัติของ[[สงครามเกาหลี]] (ค.ศ. 1950–53) ความขัดแย้งขยายตัว สหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาแข่งขันชิงอิทธิพลในละตินอเมริกาและรัฐแอฟริกา ตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับปลดปล่อยอาณานิคม ขณะเดียวกัน [[การปฏิวัติฮังการี ค.ศ. 1956|การปฏิวัติฮังการี]] ค.ศ. 1956 ถูกโซเวียตหยุดยั้ง การขยายและบานปลายจุดประกายวิกฤตการณ์เพิ่มอีก เช่น [[วิกฤตการณ์สุเอซ]] (ค.ศ. 1956) [[วิกฤตการณ์เบอร์ลิน]] ค.ศ. 1961 และ[[วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา]] ค.ศ. 1962
 
หลังความขัดแย้งสุดท้ายนี้ก็เริ่มระยะใหม่ซึ่งมี[[ความแตกแยกระหว่างจีน–โซเวียต]]ทำให้ความสัมพันธ์ภายในเขตคอมมิวนิสต์ซับซ้อนยิ่งขึ้น ขณะที่พันธมิตรของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศฝรั่งเศส แสดงอิสระในการปฏิบัติมากขึ้น สหภาพโซเวียตปราบปรามโครงการเปิดเสรี[[ปรากสปริง]] ค.ศ. 1968 ในเชโกสโลวาเกีย และ[[สงครามเวียดนาม]] (ค.ศ. 1955–1975) ยุติลงด้วยความปราชัยของ[[สาธารณรัฐเวียดนามใต้]]ที่สหรัฐหนุนหลัง ทำให้มีการปรับแก้เพิ่ม
 
==การผ่อนคลายครั้งแรก (ค.ศ. 1974-1979) ==
ในคริสต์ทศวรรษ 1970 ทั้งสองฝ่ายต่างสนใจในการผ่อนปรนเพื่อสถาปนาระบบระหว่างประเทศที่เสถียรมั่นคงและทำนายได้มากขึ้น อันเริ่มระยะการผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งมีการเจรจาจำกัดอาวุธยุทธศาสตร์และสหรัฐเปิดความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นการถ่วงดุลยุทธศาสตร์กับสหภาพโซเวียต และเจรญาสนธิสัญญาควบคุมอาวุธ SALT I (ค.ศ. 1974) และ SALT II (ค.ศ.1979)
==วิกฤตการณ์ครั้งที่สอง (ค.ศ. 1979-1989)==
การผ่อนคลายความตึงเครียดทลายลงเมื่อสิ้นทศวรรษโดย[[สงครามโซเวียตในอัฟกานิสถาน]]เริ่มใน ค.ศ. 1979 เป็นการพยายามให้อัฟกานิสถานยังเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์
 
ต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 เป็นอีกช่วงหนึ่งที่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น โดยการที่โซเวียตยิง[[โคเรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 007]] ตก (ค.ศ. 1983) และการซ้อมรบ "เอเบิลอาร์เชอร์" ของเนโท (ค.ศ. 1983) สหรัฐเพิ่มการกดดันทางการทูต ทหารและเศรษฐกิจต่อสหภาพโซเวียต
 
==การผ่อนคลายครั้งสองและสิ้นสุดสงครามเย็น (ค.ศ. 1985-1991)==
[[ไฟล์:Photograph of President Reagan and Vice-President Bush meeting with General Secretary Gorbachev on Governor's Island... - NARA - 198595.jpg|thumb|left|ประธานาธิบดี[[โรนัลด์ เรแกน|เรแกน]]และรองประธานาธิบดี[[จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช|บุช]]และประธานาธิบดี[[มีฮาอิล กอร์บาชอฟ|กอร์บาชอฟ]], นิวยอร์กซิตี้, 7 ธันวาคม 1987]]
เป็นช่วงปลายสงครามเย็น สหภาพโซเวียตกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจซบเซาอยู่แล้ว ในกลางคริสต์ทศวรรษ 1980 ผู้นำโซเวียตคนใหม่ [[มีฮาอิล กอร์บาชอฟ]] ริเริ่มการปฏิรูปเปิดเสรี[[เปเรสตรอยคา]] (ค.ศ. 1987) และ[[กลัสนอสต์]] (ประมาณ ค.ศ. 1985) ยุติการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องใน[[สงครามโซเวียตในอัฟกานิสถาน]] และการสนธิสัญญาควบคุมขีปนาวุธ INF
 
การกดดันเรียกร้องเอกราชของชาติยิ่งเติบโตขึ้นในยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศโปแลนด์ ฝ่ายกอร์บาชอฟไม่ยอมใช้ทหารโซเวียตเพื่อค้ำจุดระบอบสนธิสัญญาวอร์ซอที่ไม่มั่นคงดังที่เคยเป็นในอดีต ผลลงเอยด้วยใน ค.ศ. 1989 เกิดคลื่นปฏิวัติซึ่งโค่นระบอบคอมมิวนิสต์ทั้งหมดในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก
 
พรรคคอมมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตเองเสียการควบคุมและถูกห้ามหลัง[[ความพยายามรัฐประหารในสหภาพโซเวียต พ.ศ. 2534|ความพยายามรัฐประหาร]]อันไร้ผลในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1991 แล้วนำไปสู่[[การล่มสลายของสหภาพโซเวียต|การยุบสหภาพโซเวียต]]อย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1991 และการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ในประเทศอื่นอย่างประเทศมองโกเลีย กัมพูชาและเยเมนใต้ สหรัฐเหลือเป็นประเทศอภิมหาอำนาจของโลกแต่ผู้เดียว
 
== คู่สงคราม ==
เริ่มต้นของสงครามเย็น ค.ศ. 1947-1953 มีประเทศพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาหลัก ๆ คือ สมาชิก[[องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ]] มีประเทศพันธมิตรของโซเวียตหลัก ๆ คือสมาชิก[[สนธิสัญญาวอร์ซอ]]และ[[สาธารณรัฐประชาชนจีน]]
[[ไฟล์:Cold War Map 1959.svg|thumb|300px|แผนที่แสดงฝ่ายของสงครามเย็น ในค.ศ.1959<br />
{{color box|#0000b0}} ประเทศสมาชิก[[องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ]]<br />
{{color box|#96b3f6}} ประเทศพันธมิตรของ[[สหรัฐอเมริกา]]<br />
{{color box|#90c090}} ประเทศ[[อาณานิคม]]<br />
{{color box|#b00000}} ประเทศสมาชิก[[สนธิสัญญาวอร์ซอ]]<br />
{{color box|#f4a091}} ประเทศพันธมิตรของ[[สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต]]<br />
{{color box|#b9b9b9}} ประเทศที่ไม่เกี่ยวข้อง]]
 
ค.ศ. 1950 ได้เกิดสงครามเกาหลี สหรัฐอเมริกาได้ช่วยเหลือเกาหลีใต้ ส่วนโซเวียตได้ช่วยเหลือเกาหลีเหนือ จนกระทั่งสงบศึกหลังจากเวียดมินห์ได้รับชัยชนะ ฝรั่งเศสยอมรับความปราชัยและต้องสงบศึก ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการลงนามใน "อนุสัญญาเจนีวา" (พ.ศ. 2497) ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีผลให้เวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ โดยมีเส้นขนานที่ 17 องศาเหนือ โดยเวียดนามเหนือยึดถือการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ภายใต้การนำของโฮจิมินห์ ส่วนเวียดนามใต้ยึดถือการปกครองแบบประชาธิปไตย ภายใต้การนำของโง ดินห์ เสี่ยม ทำให้สหภาพโซเวียตเข้าควบคุมเวียดนามเหนือ สหรํฐอเมริกาเข้าควบคุมเวียดนามใต้ ในตะวันออกกลาง อเมริกาได้สนับสนุนอิสราเอลในเรื่องอาวุธที่ไว้ใช้ป้องกันตัวเอง ทำให้โซเวียตตอบโต้โดยสนับสนุนสันนิบาตอาหรับในต่อต้านอิสราเอล
 
ในปีค.ศ. 1959 ได้มีการปฏิวัติคิวบาและได้เข้าเป็นพันธมิตรของโซเวียต ในปี ค.ศ.1960 สาธารณรัฐประชาชนจีนได้มี[[ความแตกแยกระหว่างจีน–โซเวียต|ความคิดคัดแย้งกัน]] ทำให้สาธารณรัฐประชาชนจีน กลุ่มเขมรแดง และโซมาเลีย แยกออกมาจากพันธมิตรของโซเวียต หลังจากสงครามยมคิปปูร์ เวียดนามได้เข้าเป็นพันธมิตรของโซเวียต ส่วนสันนิบาตอาหรับตัดความสัมพันธ์จากโซเวียตไปเป็นพันธมิตรของอเมริกา
[[ไฟล์:Sino-Soviet split 1980.svg|thumb|300px|แผนที่แสดงฝ่ายของพันธมิตรของโซเวียต(สีแดง) ฝ่ายของพันธมิตรของจีน(สีเหลือง) เป็นคอมมิวนิสต์แต่ไม่มีพันธมิตร(สีดำ)]]
 
ในปี ค.ศ.1979 เกิดสงครามอัฟกานิสถานที่เป็นพันธมิตรของโซเวียตได้ต่อสู้กับมุจญาฮิดีนซุนนีย์ที่อเมริกาสนับสนุน ในที่สุดมุจญาฮิดีนซุนนีย์ได้รับชัยชนะ ทำให้โซเวียตเสียพันธมิตรไป ใน ค.ศ.1989 ได้มีการเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยในกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอ ทำให้โซเวียตเสียพันธมิตรในกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอ ทำให้รัฐในโซเวียตเรียกร้องอิสรภาพ ส่งผลให้สหภาพโซเวียตล่มสลายในเวลาต่อมา
[[ไฟล์:Cold War Map 1980.svg|thumb|300px|แผนที่ในปีค.ศ.1980 แสดงฝ่ายพันธมิตรของโซเวียต (สีแดง) ฝ่ายพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา (สีน้ำเงิน)]]
 
== สงครามตัวแทน ==
* [[สงครามกลางเมืองกรีซ]] (ค.ศ. 1946-1949)
* [[สงครามเกาหลี]] (ค.ศ. 1950-1953)
* [[สงครามเวียดนาม]] (ค.ศ. 1957-1975)
*[[ความขัดแย้งอาหรับ-อิสราเอล|ความขัดแย้งระหว่างอาหรับ-อิสราเอล]]
[[สงครามหกวัน]] (ค.ศ. 1967)
.[[สงครามล้างผลาญ]](ค.ศ. 1967-1970)
.[[สงครามยมคิปปูร์]] (ค.ศ. 1973)
* [[สงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน]] (ค.ศ. 1979-1989)
 
== ดูเพิ่ม ==
* [[องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ]]
* [[สนธิสัญญาวอร์ซอ]]
* [[โครงการอวกาศโซเวียต]]
 
== อ้างอิง ==
* [http://www.kullawat.net/current3/ ความหมายและรูปแบบของสงครามเย็น]
 
{{ประวัติศาสตร์ยุโรป}}