ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเทพกษัตรีย์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
อธิบายอีกนิด
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 18:
== พระประวัติ ==
=== สู่ราชสำนักล้านช้าง ===
''[[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]]'' และ ''[[พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์]]'' ระบุเนื้อความใกล้เคียงกัน แต่ต่างปี คือในปี พ.ศ. 2093 (ฉบับพันจันทนุมาศ) หรือ พ.ศ. 2107 (ฉบับหลวงประเสริฐ) [[สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช]]ทรงมีพระราชสาสน์แสดงพระราชประสงค์ขอพระเทพกษัตรีย์ พระราชธิดาที่ประสูติแต่[[พระสุริโยทัย]]ไปเป็นพระมเหสี [[สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ]]ก็ทรงตอบรับไปอย่างดี แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่คณะทูตจากล้านช้างเดินมารับตัว พระเทพกษัตรีย์ก็ทรงประชวรหนัก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิก็มิทราบว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรจึงส่ง[[พระแก้วฟ้า|สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระแก้วฟ้า]] พระราชธิดาซึ่งเกิดกับพระสนมไปแทนพระเทพกษัตรีย์ แต่เมื่อสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชทรงทราบว่าขัตติยนารีที่ถูกส่งมามิใช่พระเทพกษัตรีย์ ก็ทรงเสียพระทัยจึงส่งพระแก้วฟ้ากลับคืนมา ครั้นเมื่อพระเทพกษัตรีย์ทรงหายจากอาการพระประชวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงส่งพระราชธิดาออกเดินทางไปกับเถ้าแก่และทาสชายหญิงอย่างละ 500 คนในปี พ.ศ. 2095 ในเอกสารของไทยระบุว่า ระหว่างเดินทาง ได้ถูกทหารพม่าซึ่งดักซุ่มที่ตำบลมะเริง [[จังหวัดเพชรบูรณ์|เมืองเพชรบูรณ์]] ออกสกัดและจับตัวพระเทพกษัตรีย์ไป<ref name="เจิม"/><ref name="ประเสริฐ"/>
 
ขณะที่เอกสารของลาวระบุว่าสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชทรงรับพระเทพกษัตรีย์ไป[[หนองหาน]] มิได้ถูกพม่าชิงตัวไป<ref>{{cite web |url= https://minimore.com/b/PeDxn/4 |title= เล่าให้อ่าน โยเดียกับราชวงศ์พม่า เรื่องจริงที่ไม่มีใครรู้ |author=|date= 6 มิถุนายน 2560 |work= Minimore Makers |publisher=|accessdate= 19 มิถุนายน 2561}}</ref> โดยใน ''พงศาวดารล้านช้าง'' ระบุว่ารับพระเทพกษัตรีย์และพระแก้วไว้ในตำแหน่งบาทบริจาริกา ดังปรากฏความตอนหนึ่งว่า ''"...[สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช] ได้ยังราชธิดาพระยาเชียงใหม่มาเปนนางอรรคมเหษี จึงได้ลูกสาวท้าวเชียงธงมาเปนบาทบริจา จึงได้ลูกสาวพระยาเขมรัฐ ๓ คน ได้ลูกสาวพระยาเชียงรุ้ง ๒ คน แล้วได้ลูกสาวองจัวกางลานผู้ ๑ แล้วได้ลูกสาวแกวองแสนเมืองอานามผู้ ๑ แล้วได้ลูกสาวเจ้าบัวดึกผู้ ๑ <u>แล้วได้ราชกัญญานีศรีอโยทธยาชาวใต้ ๒ คนมาเปนบริจาริก</u> อยู่เสวยศุขสนุกนักในบ้านเมืองแห่งตนคราวนั้นแล"''<ref name="ล้านช้าง"/>
บรรทัด 25:
''[[มหาราชวงศ์ ฉบับหอแก้ว]]'' ระบุว่า ในช่วงที่[[พระเมกุฏิสุทธิวงศ์]]แห่ง[[อาณาจักรล้านนา]]ทรงแข็งเมือง [[พระเจ้าบุเรงนอง]]โปรดให้อะวะสะโตมางจอ พระชามาดา, พระมหาอุปราช พระราชโอรส และมางแรจอถิง พระราชาภาคินัย แยกทัพออกเป็นสามทางไปตีเมืองเวียงจันทน์ สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชทรงหนีรอดไปได้ แต่ฝ่ายพม่าได้ควบคุมตัวพระมเหสีสามพระองค์คือ พระนางสี (มเหสีใหญ่), พระนางมนุรา (คาดว่าคือพระเทพกษัตรีย์) พระราชธิดาพระเจ้าอยุธยา, พระนางศิริมา พระราชธิดาพระเจ้าเชียงตุง ตลอดจนบรรดาสนม อำมาตย์ สิ่งของเงินทอง และพลเมืองเป็นอันมาก<ref name="ลาว">''ลำดับกษัตริย์ลาว'', หน้า 100-101</ref> ส่วน ''พระราชพงศาวดารพม่า'' พระนิพนธ์ของ[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]] ระบุว่า พม่าจับพระมเหสีของกษัตริย์ล้านช้างได้สามพระองค์ คือ พระมหานารี, พระมโนรา (พระราชธิดากรุงสยาม) และฟ้าสิริมา (บุตรีเจ้าฟ้าเชียงตุง) และทรงอธิบายว่าพระมโนรานั้นน่าจะเป็นพระแก้วฟ้ามากกว่าพระเทพกษัตรีย์ เพราะล้านช้างยังมิได้ส่งพระแก้วฟ้าคืนตามที่พงศาวดารไทยกล่าวไว้<ref>''พระราชพงศาวดารพม่า'', หน้า 161</ref>
 
''พงศาวดารเมืองหลวงพระบางฉบับศาลาลูกขุน'' ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2112 สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชทรงยกทัพไปช่วยกรุงศรีอยุธยาจากการโจมตีของพม่า แต่ถูกทัพของพระมหาอุปราช สะโตมางจอ พระชามาดาพระเจ้าหงสาวดี และตองอูบุริงมางของเจ้าเมือง[[ตองอู]]ล้อมตีจนแตกทัพ แต่ก็หนีกลับล้านช้างได้ หลังพระเจ้าหงสาวหงสาวดีทรงยึดกรุงศรีอยุธยาได้แล้ว จึงยกทัพไปตีเวียงจันทน์ พม่าใช้เวลาเจ็ดเดือนเพื่อตามหาสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชแต่ทว่าไม่พบ พระเจ้าหงสาวดีจึงยกทัพกลับ<ref name="ลาว"/>
 
== อ้างอิง ==