ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลัทธิคอมมิวนิสต์"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม) |
|||
บรรทัด 102:
==== ลัทธิมากซ์-เลนินและลัทธิสตาลิน ====
[[ไฟล์:JStalin Secretary general CCCP 1942 flipped.jpg|thumb|โจเซฟ สตาลิน ค.ศ. 1942]]
[[ลัทธิมากซ์-เลนิน]] คือแนวคิดทางการเมืองที่พัฒนาโดย[[โจเซฟ สตาลิน]]<ref name="made_by_stalin">Г. Лисичкин (G. Lisichkin), Мифы и реальность, Новый мир (''[[Novy Mir]]''), 1989, № 3, p. 59 {{ru icon}}.</ref> ซึ่งถ้ายึดถือตามผู้เสนอแล้วเป็นแนวคิดที่มีพื้นฐานมาจาก[[ลัทธิมากซ์]]และ[[ลัทธิเลนิน]] ลัทธิดังกล่าวอธิบายแนวคิดทางการเมืองแบบจำเพาะที่สตาลินริเริ่มปฏิบัติใน[[พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต]] (ระดับรัฐ) และ[[โคมินเทิร์น]] (ระดับสากล) อย่างไรก็ตาม คำถามที่ว่าแท้จริงแล้วสตาลินได้ปฏิบัติตามแนวทางลัทธิมากซ์และเลนินตามชื่อลัทธิหรือไม่ ยังคงเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักประวัติศาสตร์<ref name="stalin_follow_marx_lenin">Александр Бутенко (Aleksandr Butenko), Социализм сегодня: опыт и новая теория// Журнал Альтернативы, №1, 1996, pp. 2–22 {{ru icon}}.</ref> เนื่องจากมีเนื้อหาสาระบางแง่มุมที่อาจจะเบี่ยงเบนไปจากเนื้อหาสาระของลัทธิมากซ์ เช่น แนวทาง
ลัทธิมากซ์-เลนินยังอาจกล่าวถึงในฐานะระบบเศรษฐกิจ-สังคมและแนวคิดทางการเมืองซึ่งริเริ่มโดยสตาลินในสหภาพโซเวียต และภายหลังถูกลอกเลียนและนำไปใช้บนพื้นฐานจากตัวแบบโซเวียต (Soviet model) โดยรัฐอื่น ๆ เช่น การวางแผนจากส่วนกลาง และ[[รัฐพรรคการเมืองเดียว]] เป็นต้น ในขณะที่[[ลัทธิสตาลิน]]จะกล่าวถึงการปกครองในแบบฉบับของสตาลิน เช่น การกดขี่ทางการเมือง และ[[ลัทธิบูชาบุคคล]] เป็นต้น ทั้งนี้ลัทธิมากซ์-เลนินยังคงอยู่หลังกระบวนการล้มล้างลัทธิสตาลิน (de-Stalinization) นอกจากนี้ ในจดหมายฉบับสุดท้ายก่อนถึงแก่กรรม เลนินเคยกล่าวเตือนถึงอันตรายจากบุคลิกของสตาลินมาก่อน และเร่งเร้าให้รัฐบาลโซเวียตหาบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งผู้นำแทน<ref>{{cite book|title=Communism: The Great Misunderstanding|last=Ermak|first=Gennady|year=2016|isbn=1533082898}}</ref>
บรรทัด 108:
[[ลัทธิเหมา]]คือรูปแบบหนึ่งของลัทธิมากซ์-เลนินซึ่งข้องเกี่ยวกับผู้นำจีน [[เหมา เจ๋อตง]] หลังการล้มล้างลัทธิสตาลิน สหภาพโซเวียตยังคงยึดมั่นในลัทธิมากซ์-เลนิน แต่กระแสต่อต้านลัทธิแก้ (Anti-revisionism) บางส่วน เช่น ลัทธิฮกไฮ (Hoxhaism) และลัทธิเหมา ต่างแย้งว่าลัทธิมากซ์-เลนินหลังยุคสตาลินคือรูปแบบที่ผิดเพี้ยนไป ดังนั้นนโยบายของคอมมิวนิสต์ใน[[แอลเบเนีย]]และ[[สาธารณรัฐประชาชนจีน|จีน]]จึงแตกต่างและถอยห่างออกจากสหภาพโซเวียต
ลัทธิมากซ์-เลนินถูกวิจารณ์จากแนวคิดคอมมิวนิสต์และมากซิสต์แนวอื่น ๆ ว่ารัฐมากซิสต์-เลนินนิสต์ไม่ได้สถาปนาระบอบสังคมนิยม หากแต่เป็นระบอบทุนนิยมรัฐ (state capitalism) เสียมากกว่า<ref name="hetsa.org.au"/> ซึ่งตามแนวทางลัทธิมากซ์แล้ว เผด็จการ[[ชนกรรมาชีพ|ชนชั้นกรรมาชีพ]] (dictatorship of the proletariat) เป็นตัวแทนถึงการปกครองของชนหมู่มาก (ประชาธิปไตย) มากกว่าที่จะเป็นของพรรคการเมืองเดียว ถึงขนาดที่หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งลัทธิมากซ์ [[ฟรีดริช เองเงิลส์]] เคยอธิบาย
==== ลัทธิทรอตสกี ====
[[ลัทธิทรอตสกี]] คือแนวคิดตามแนวทางมากซ์และเลนินที่พัฒนาโดย[[เลออน ทรอตสกี]] แต่ต่อต้านลัทธิมากซ์-เลนิน ลัทธิดังกล่าวสนับสนุนทฤษฎี[[การปฏิวัติถาวร]] (permanent revolution) และ[[การปฏิวัติโลก]] แทนที่[[ทฤษฎีสองขั้น]]และแนวทาง[[สังคมนิยมประเทศเดียว]] นอกจากนี้ยังสนับสนุนลัทธิกรรมาชีพสากล (proletarian internationalism) และการปฏิวัติคอมมิวนิสต์อีกครั้งหนึ่งในสหภาพโซเวียต ที่ซึ่งทรอตสกีอ้างว่าได้กลายเป็น
ทรอตสกีและผู้สนับสนุนดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเหนือสหภาพโซเวียตและขับไล่สตาลินออกจากการปกครอง ได้แบ่งการจัดตั้งเป็นฝ่ายซ้ายต่อต้าน (Left Opposition) ซึ่งภายหลังเป็นที่รู้จักในชื่อลัทธิทรอตสกี อย่างไรก็ตาม สตาลินสามารถรวบรวมอำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จไว้ได้สำเร็จในท้ายที่สุด ส่งผลให้ความพยายามของทรอตสกีล้มเหลวและต้องลี้ภัยออกจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1929 ในขณะที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศนั้น ทรอตสกียังคงดำเนินการต่อต้านสตาลินอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น การก่อตั้งสังคมนิยมสากลที่สี่ (Fourth International) ในปี ค.ศ. 1938 ขึ้นมาแข่งกับ[[โคมินเทิร์น]] ท้ายที่สุดแล้วทรอตสกีถูกลอบสังหารในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1940 ณ กรุงเม็กซิโกซิตี ตามคำสั่งของสตาลิน
|