ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซีทีเอช"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
บรรทัด 156:
 
ซีทีเอชเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์แพร่ภาพโทรทัศน์ การแข่งขัน[[ฟุตบอล]][[พรีเมียร์ลีก]][[อังกฤษ]] ในเขต[[ประเทศไทย]] [[สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว]] และ[[ประเทศกัมพูชา]] เป็นระยะเวลา 3 ฤดูกาลคือ 2013-14 2014-15 และ 2015-16 ทั้งนี้ สมาชิกของโทรทัศน์เคเบิลท้องถิ่น ซึ่งเข้าร่วมกับซีทีเอช จะต้องติดตั้งกล่องรับสัญญาณที่ซีทีเอชผลิตขึ้นใหม่ เพื่อให้สามารถรับชมการถ่ายทอดสดทั้ง 380 นัด จากช่องรายการเฉพาะของซีทีเอชเอง นอกจากนี้ ซีทีเอชยังระดมทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี โครงข่ายการสื่อสารความเร็วสูง (Broadband) ซึ่งทาง[[บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)]] ให้สัมปทานมาเรียบร้อยแล้ว เพื่อรองรับการแพร่ภาพฟุตบอลพรีเมียร์ลีกต่อไป<ref>http://www.mcot.net/site/content?id=50a5d034150ba05450000003#.UZTsxaLwnng "ซีทีเอช"คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด"พรีเมียร์ลีก"อังกฤษ</ref>
 
==สาเหตุที่ซีทีเอชต้องปิดกิจการ==
ทั้งนี้ หากพิจารณาผลประกอบของกลุ่มซีทีเอช ที่จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กว่า 10 บริษัท ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก คือบริการเคเบิลทีวี เช่น บริษัทเช่าอุปกรณ์เครือข่ายทีวี บริษัทให้บริการอินเทอร์เน็ต บริษัทโฆษณา อีเวนท์ เป็นต้น พบว่ามีหนี้สินรวมกัน มากกว่า 20,000 ล้านบาท
 
มูลค่าหนี้สิน แต่ละบริษัท เช่น ซีทีเอช เคเบิล ทีวี 2,150 ล้านบาท , ดิจิตอล มีเดีย แอดเวอร์ไทซิ่ง 379 ล้านบาท , ซีทีเอช เมมเบอร์ 2,751 ล้านมบาท ,ซีทีเอช ฮาร์ดแวร์ 1,531 ล้านบาท, ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) สูงสุดคือ 14,195 ล้านบาท
 
โดยเฉพาะบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ในปี 2557 แม้จะมีทรัพย์สินเกือบ 10,000 ล้านบาท มีรายได้กว่า 2 พันล้านบาท แต่ก็ขาดทุน ประมาณ 4,455 ล้าบาท
 
ปัญหาการดำเนินธุรกิจเคเบิลของซีทีเอช ในช่วงเริ่มต้นดำเนินธุรกิจปี 2555 คือ การคว้าลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 ฤดูกาล ปี 2013-2016 ด้วยค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่สูงกว่า ทรูวิชั่นส์ ซึ่งชนะประมูลลิขสิทธิ์ 3 ฤดูกาลก่อนหน้า (2010-2012) ด้วยมูลค่า 2,400 ล้านบาท
 
ส่งผลให้ ซีทีเอช มีต้นทุนค่าคอนเทนท์สูงในช่วงเริ่มต้นธุรกิจเคเบิลทีวี ขณะที่การประกาศแผนขยายฐานสมาชิกตลอด 3 ปีของการถือลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ที่จำนวน 3 ล้านราย ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย คาดมีลูกค้าจากทุกแพลตฟอร์มสูงสุดราว 5 แสนราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยอมจ่ายเงินเพื่อดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
 
== ดูเพิ่ม ==